บ่อยไป หรือหลายครั้งหลายหนในการงานของชีวิต ที่เราต้องทำงานบางอย่าง บางอย่างที่ไม่ใช่หน้าที่ ไม่ใช่งานของเรา เพียงแต่ว่า นั่นคืองานที่มันเกี่ยวข้องกับเรา งานที่ต้องเกื้อหนุนงานของเรา และเราก็มักจะไม่พอใจที่คนที่เขามีหน้าที่นั้น เขาทำไม่ได้อย่างที่เราต้องการ
\\/--break--\>
บ่อยไป หรือหลายครั้งหลายหนในการงานของชีวิต ที่เราถูกว่ากล่าว ว่าเราทำงานไม่ได้ตามเป้าหมาย ไม่ได้ตามที่เจ้านายคิด ไม่ได้ตามแผนที่เจ้านายวางเอาไว้(และบางทีเขาก็ไม่ได้บอกแผนนั้นกับเรา) เราอาจจะรู้สึกเสียใจ เสียหน้า เสียฟอร์ม ที่ถูกเจ้านายแย่งงานไปทำ ทั้งๆ ที่นั่นคือหน้าที่ของเรา และเราก็ยังมั่นใจว่า งานนั้นเราสามารถทำได้
บ่อยไป หรือหลายครั้งหลายหน กับการนั่งมองดูวิถีชีวิตของผู้คน เรามักเอาตัวเองไปเปรียบเทียบ หรือสมมติเอาตัวเองไปนั่งแทนที่ในเหตุการณ์บางอย่างที่เราไม่มีส่วนร่วม แล้วเราก็มักจะคิดว่า หรือรู้สึกว่า ทำไมไอ้คนที่มันอยู่ในเหตุการณ์นั้นมันไม่ทำอย่างนี้ หรืออย่างนั้น ซึ่งเราเห็นว่าวิธีการของเรานั้นเป็นวิธีที่ฉลาดเสียเหลือเกิน ทำไมได้คนนั้นมันคิดไม่ได้เหมือนเรา มันโง่กว่าเราจริงๆ เป็นอย่างนี้บ่อยๆ เข้า เราก็เลยอาจเข้าใจไปว่าเราฉลาดที่สุดในโลก แม้ปากเราจะบอกว่า โลกนี้ยังมีคนฉลาดกว่าเราเยอะ
คนที่อยู่ข้างลานประลอง มักเก่งกว่านักสู้ในสนาม(อย่างน้อยก็ในจินตนาการของอัตตา) แต่เมื่อไรที่อยู่ในลานประลอง เขาก็จะกลายเป็นนักสู้ที่ไม่ได้เก่งหล้าสามารถเหมือนตอนที่อยู่ข้างลานประลองอีกต่อไป
มีคนบอกว่า ถ้าเราให้คนทำงานให้เรา ถ้าเขาไม่ทำได้ดีกว่าเรา เขาก็ทำได้แย่กว่าเรา ไม่มีทางที่เขาจะทำได้เท่ากับเรา กระนั้น แม้เราจะรู้สึกเช่นนี้ และคิด หรือรู้ถ้อยคำนี้ ด้วยว่านี่คือถ้อยคำที่ดูถูกต้องมากๆ แต่เราก็ยังต้องไปทำบางอย่างเองอยู่ดี เพราะเราก็มักจะเห็นว่า งานที่เราให้คนอื่นทำนั้น ทำไม่ได้ดังที่เราปรารถนา....
ทั้งหลายทั้งปวงนี้ มันก็อาจทำให้ชีวิตวุ่นวายในการงานไม่มีวันหมด เพราะสิ่งที่ขาดหายไปของเราคือ ความไว้วางใจ ลึกๆ เราไม่วางใจตัวเอง การไม่วางใจในตนเองก็ทำให้เราไม่สามารถไว้วางใจคนอื่นได้ .....
มีผู้คนมากมายกล่าวถึงคำอันงดงามนี้ หลายคนพร่ำสอนคนอื่นๆ ให้ไว้วางใจในตนเอง ในผู้อื่น แต่ ความจริงอันหนึ่งก็คือ เราไม่สามารถไว้วางใจคนอื่นได้ด้วยการคิดเอา ด้วยการได้ยินได้ฟัง ด้วยการรับรู้ ด้วยปรัชญา แต่เราจะไว้วางใจตัวเองได้ ก็ต่อเมื่อเราฝึกฝนตนเองอย่างแท้จริง....