ยามที่บางคนกล่าวคำว่า “มันเป็นสิ่งสำคัญในชีวิต” มันฟังดูคล้ายเขาจะบอกว่า สิ่งที่เขากำลังกล่าวถึงอยู่นั้นมันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา ไม่มีสิ่งใดจะสำคัญกว่านี้ไปอีกแล้ว.... และหลายครั้งที่เราจะพบว่า คนๆ เดียวกันนี้ก็กล่าวถึงสิ่งอื่นๆ ในเรื่องอื่นๆ ในวาระอื่นๆ ว่า “มันเป็นสิ่งสำคัญในชีวิต” และด้วยท่าทีที่คล้ายว่า สิ่งนั้นเป็นที่สุดแห่งความสำคัญดั่งเดียวกับทุกๆ ครั้ง ทุกๆ เรื่องที่ผ่านมา
นั่นก็เป็นเรื่องถูกต้องแล้วหรือเปล่า.... นั่นน่าจะเป็นเรื่องดีงามหรือเปล่า หรือนั่นจะแปลว่า คนผู้กล่าวถ้อยคำนั้นเป็นคนไม่แน่นอน เอาแต่ตีฝีปาก ปากอย่างใจอย่าง พูดไปอย่างนั้นเอง พูดให้ตัวเองดูดี เอาดีใส่ตัว เพ้อเจ้อ หรืออะไรก็ว่าไป สุดแท้แต่จะสรรหาคำมาเปรียบเปรยได้ อย่างไรเสีย นั่นก็เป็นความจริงส่วนหนึ่งหรือเปล่า การที่คนๆ หนึ่งพูดถึงทุกสิ่งว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ก็อาจเท่ากับเขามิได้ใส่ใจในถ้อยคำของตัวเอง และไม่รับผิดชอบต่อถ้อยคำของตัวเอง
อีกมุมหนึ่ง... ถ้าหากคนๆ นั้นสามารถทำได้อย่างที่กล่าวออกไปเล่า นั่นก็คงเป็นพลังมหาศาลได้กระมัง นั่นเพราะไม่ว่าเขาจะลงมือทำสิ่งใด หรือไม่ว่าเขาเกี่ยวข้องกับสิ่งใดในโลก ในชีวิต นั่นก็เป็นสิ่งสำคัญที่สุดเสมอ กลัวก็แต่ว่า สิ่งสำคัญที่สุดสิ่งหนึ่งยังไม่ลุล่วง ยังไม่เห็นผล หรือยังไม่ก่อประโยชน์อันใดกับใคร ก็เลิกไป แล้วไปหาสิ่งสำคัญที่สุดอย่างอื่น ถ้าเป็นอย่างนั้น นั่นก็อาจเป็นแค่ตีฝีปาก ไม่ว่าคนผู้นั้นจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม
นิทาน ตอลสตอย เรื่องคำถามสามข้อ .......... เรื่องราวทั้งหลายจบลงที่ว่า ไม่ว่าเราจะทำอะไร ทำเมื่อไหร่ หรือทำกับใคร ทั้งหมดก็เป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราควรทำ ก็คือสิ่งที่เราทำอยู่ ณ ขณะนี้ ช่วงเวลาที่ดีที่เหมาะแก่การลงมือทำ ก็คือเวลานี้ และคนผู้เราควรทำกิจกรรมก็คือคนที่อยู่กับเราเวลานี้
เช่นนั้นแล้ว ไม่ว่าอะไรก็ตาม ทุกสิ่งล้วนเป็นสิ่งสำคัญในชีวิต