สิ่งแรกที่อยากบอกเล่าก็คือเรื่องของความมหัศจรรย์ ติช นัท ฮันห์ บอกว่า ความมหัศจรรย์ของชีวิต ไม่ใช่อยู่ที่การเดินบนน้ำได้ หรือการเหาะได้ แต่การยืน และเดินอยู่บนผืนแผ่นดิน นี่ก็เป็นความมหัศจรรย์แล้ว เช่นนั้นแล้วยามใดที่ชีวิตมีเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้น นั่นก็คงเป็นความมหัศจรรย์ด้วยนั่นเอง
งานกระบวนการเกี่ยวแก่การศึกษาสำหรับเด็กห้องบ๊วย..... สังคมชนบท ด้วยความที่อยู่ห้องบ๊วย ด้วยความที่ถูกมองว่า เรียนก็ไม่เก่ง แล้วก็เกเร ไม่เรียบร้อย ว่ากันว่า วกเขาก็มีโอกาสน้อยในกระบวนการเรียนรู้นอกห้องเรียน แน่นอนทีเดียวว่า คนทำกิจกรรมส่วนใหญ่ก็มักอยากทำกับเด็กเก่ง นั่นก็อาจเป็นธรรมดา คราวนี้เมื่อทำงานกับเด็กห้องบ๊วย วันทั้งวัน เวลาพวกเขาคุยกัน แทบหาความงามในถ้อยคำเหล่านั้นไม่ได้เอาเสียเลย มันขาดความไพเราะ ขาดความหมาย ว่าง่ายๆ ก็คือ นั่นเป็นการสื่อสารที่ไร้ความหมาย ไร้ค่ามาก ที่สำคัญพวกเขาก็ไม่เคยพูดถึงสาระของชีวิต
ความแตกกระสานซ่านเซ็นของอารมณ์ ทำให้เราไม่ต้องทำอะไรมาก เพียงให้พวกเขาได้มีเวลาอยู่กับตัวเองบ้าง ทั้งหมดในชีวิต พวกเขาบางคนอาจจะไม่ชอบอยู่คนเดียว หรือกระทั่งไม่เคยอยู่เงียบๆ ในบรรยากาศที่สงบงาม คราวนี้เราก็ได้ให้พวกเขาทั้งหลายอยู่คนเดียว ให้โจทย์พวกเขาว่าพวกเขาจะได้มีโอกาส มีเวลาใคร่ครวญตัวเอง แล้วก็ให้เขียนบางสิ่งบางอย่างที่พบเห็นในวาระนั้นมา
ความสงบบวกกับการแนะนำการใช้ถ้อยคำอีกเล็กน้อย นั่นก็พอคำให้เกิดสิ่งมหัศจรรย์ เมื่อกลับมารวมกลุ่ม พวกเขาพูดถึง ความสงบ และที่สำคัญสิ่งที่พวกเขาเขียนนั้น มันเป็นถ้อยคำของคนที่มีความคิดความอ่าน เป็นถ้อยคำของคนที่ใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย เราถามเขาว่า ใครไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเราจะเขียนแบบนี้ได้ ทุกคนก็ยกมือ.....
ตราบที่เรายังดูถูกตัวเอง กดทับตัวเองด้วยเงื่อนปมบางอย่าง หรือกระทั่งมีคนมาตราหน้าเราว่า เราทำนั่นทำนี่ไม่ได้ แล้วเราก็เชื่ออย่างนั้น นั่นจึงทำให้เราไม่สามารถกระทำการณ์ใดใดนอกจากที่เป็นอยู่อีกแล้ว เราก็เชื่อว่าเราขาดความสามารถ
จนกว่าเราจะได้เริ่ม จนกว่าเราจะมีพื้นที่ ได้ทำบางสิ่งที่เราไม่เคยทำ แล้วเราก็พบว่า เราทำได้ เราพบว่า ไม่ยาก นั่นก็เป็นการสร้างสิ่งมหัศจรรย์ให้ชีวิต เช่นเดียวกัน การกล่าวถ้อยคำอันมหัศจรรย์ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปนัก