ริมฝั่งน้ำที่ไม้ได้กว้างใหญ่ไพศาลเท่าใดนัก ลมเหนือพัดพาไอหนาวมาถึง และนั่นก็พอก่อให้ผืนน้ำเกิดก่อเป็นคลื่นเล็กๆ เคลื่อนเข้าสู่ฝั่ง หรือแปลเปลี่ยนทิศทางไปตามแรงลม นั่นมิได้มีอะไรพิเศษแตกต่างออกไป หากแต่ว่า ในผืนน้ำอันมิได้กว้างใหญ่เท่านั้นนั้น ปรากฏเศษหญ้าที่ลอยไปตามน้ำและลม เราเห็นแล้ว มันเคลื่อนไปอย่างไม่มีจุดหมาย มันเคลื่อนไปเพราะไม่ใช่ต้นหญ้าอีกต่อไปแล้ว มันไม่มีชีวิต มันไม่มีที่ทางให้หยัดยืน มันมิได้เคลื่อนไหวไปตามจังหวะของตัวเอง มันย่อมไม่เรียกว่ามันดำรงอยู่
ริมฝั่ง...ยังมีกอหญ้าที่ยังเป็นต้นหญ้าและกอหญ้า แม้มันจะอยู่ในน้ำ เรียวใบของมันเคลื่อนไหวไปตามแรงพัดของลมและน้ำ ใบของมันโอนอ่อน แต่ใบของมันมิได้ลอยออกไป มันมีชีวิต มันมีที่ทางหยัดยืน มันอาจเคลื่อนไหวไปตามจังหวะของลมและน้ำ แต่มันก็มีจังหวะของตัวเอง นั่นเพราะมันมีราก และมันก็ดำรงอยู่
ครูบอกกับนักเรียนว่า
“ชีวิตของเธอจะเป็นเหมือนเศษหญ้าที่ลอยอยู่ในน้ำ หญ้าที่ตายแล้วหญ้าที่ไม่มีที่ทางให้หยัดยืน หญ้าที่เคลื่อนไปตามลมและน้ำ หญ้าที่มิอาจดำรงอยู่ หรือเธอจะเป็นหญ้าที่ยังเป็นกอหญ้า ยังมีรากที่หยั่งลึกลงไปในผืนดิน มีที่ทางหยัดยืน เคลื่อนไหวได้ตามจังหวะของลมและน้ำ และรักษาจังหวะของตัวเองได้ เพราะมันมีราก ทั้งสองทางนี้ เธอเลือกได้ว่าจะทำให้ชีวิตเธอเป็นเช่นไร”