Skip to main content

โลกกำลังนำพาข้าฯไปข้างหน้า....
บอกข้าฯว่า
“จงก้าวหน้า”
ไม่รู้หรือ…?
ที่สุดแล้ว...ผองชนล้วนค้นหาวันวานแห่งตน

………………………………………………………………………………………

หลายครั้งหลายคราวในชีวิตที่เราจะพบทั้งในสภาวะของเราเอง ภาพ ปรากฏการณ์ ของคนรอบข้างหรือกระทั่งบุคคลทั่วไป  ภาพนั้นก็คือ การแสวงหา  ภาวการณ์แสวงหาดำรงอยู่ ไม่ว่ามนุษย์จะยอมรับมันหรือไม่ก็ตาม  และบางส่วน ส่วนที่สำคัญก็คือ มันดำรงอยู่ลึกลงไปในจิตไร้สำนึก  ลึกเลยพ้นการรับรู้ของเราออกไป  ภาพสะท้อนที่ง่ายและชัดที่สุด  เมื่อยามที่มนุษย์เหนื่อยล้าจากการทำงาน  เครียด วิตกกังวล หวาดกลัว สิ่งที่พวกเขาทั้งหลายนึกถึงเป็นอันดับต้นๆ คือการลาออกจากงาน  ภาวะนี้เป็นตัวบ่งชี้ว่า ที่สุดแล้วมนุษย์ล้วนกำลังแสวงหาอิสรภาพ  แต่ความรู้สึกนี่ก็เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะพวกเขาทั้งหลายก็ยังไม่ได้ลาออก

การสนทนาในวงสนทนาหนึ่ง  ครู และเป็นเจ้าของโรงเรียนเล่าถึงภาวการณ์แสวงหาอิสรภาพนี้   เขาบอกว่า บ่อยครั้งทีเดียวที่เขาอยากจะลาออกจากโรงเรียนของตัวเอง

อีกหลายครั้งหลายคราว  เรื่องราวที่พานพบในเรื่องเล่าของผู้คน  หรือ ปรากฏการณ์ที่พบเห็น หรือ หนังสือ หรือสื่ออื่นๆ  ทั้งหลายเหล่านี้มักมีเรื่องเล่าแห่งแรงบันดาลใจ  มันบอกเล่าถึงโลกแห่งเสรีภาพ ชุมชน ผู้คน และการงานอันพึงปรารถนา ดีงาม งดงาม  ทั้งหลายนั้นนำพาหัวใจให้อ่อนไหว  ใคร่อยากไปสัมผัส อยากจะไปเป็น อยากไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ เรื่องราวนั้นๆ  นั่นคือชีวิตในอุดมคติ  

ครูดอยคนหนึ่งเล่าเรื่องระหว่างที่เขายังใช้ชีวิตร่วมกับพี่น้องปกาเกอะญอ บนดอยแถบเทือกเขาถนนธงชัย  ว่า  ยามที่มีผู้คนมากมายมาจากเมืองบางกอก หรือเมืองใหญ่อื่นมาถึงหมู่บ้าน พบเห็นชาวบ้าน เด็กๆ และครูดอย  หลายคนบอกว่า นี่เป็นสุดยอดแห่งความปรารถนาของเขาหรือเธอ นี่เป้นความฝันของเขาหรือเธอ คือการมาเป็นครูดอย การมาใช้ชีวิตในบ้านป่า หลายครั้ง ครูดอยก็อดจะหวังเสียไม่ได้ว่า ไม่นานนักคงมีคนมาอยู่ด้วยได้ช่วยงาน  แต่.....นานออกไปเพียงใด  พวกเขาหรือเธอ หนุ่มสาวที่พกพาความฝัน ความปรารถนาไว้เต็มปรี่เหล่านั้น ก็ไม่เคยได้กลับมาที่หมู่บ้านอีกเลย

ว่าก็โดยเฉพาะคนหนุ่มสาว  ถ้อยคำที่เราได้ยินได้ฟังบ่อยครั้ง  คือพวกเขาหรือเธอทั้งหลายยังไม่รู้ว่าตัวเองจะเป็นอะไร  นั่นก็คือปรากฏการณ์อันธรรมดาสามัญของชีวิต  ขณะที่บางส่วนของจิตวิญญาณของเขาหรือเธอแสวงหา  มันเป็นกระบวนการแสวงหาของจิตไร้สำนึก  ลึกลงไปเกินกว่าการรับรู้  หลายครั้งมันจึงฉายออกมาเป็นภาพ ความสับสน หลายคนก็ว่าหนุ่มสาวต้องสับสน  นั่นก็ว่ากันไป  หลายคนก็เครียด และทุกข์กับความสับสน  ความจริง เราอาจไม่ได้ทุกข์เพราะความสับสน  ความสับสนเป็นผล ซึ่งเหตุก็คือ เราไม่ได้สืบค้นการแสวงหาในจิตไร้สำนึกของตัวเราเอง  

ยุคสมัยกำลังนำพาเรา ความจริงอาจไม่ใช่ยุคสมัยที่นำพา เพราะยุคสมัยก็ถูกนำพา ความจริงสิ่งที่นำพาอาจเป็นสิ่งประดิษฐ์คิดค้นนวัตกรรม ความหลง และความเห็นแก่ตัว  เราอยู่ในยุคสมัย เราจึงถูกนำพาพร้อมยุคสมัย  และนั่นคือสายพานลำเลียง เคลื่อนที่อย่างไม่หยุดนิ่ง  ปราศจากพื้นที่ให้เราได้หยุดและเฝ้ามองการแสวงหา และสิ่งที่เราโหยหา ดูเหมือนว่า บนสายพานนั้น เราอาจสามารถดำรงอยู่ได้  โดยอาจจะไม่ลำบากยากแค้นนัก แต่ชีวิตจะต้องแห้งแล้งเมื่อไม่อาจสืบค้นการแสวงหาของตน  ซึ่งการกระโดดออกจากสายพานนั้นเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ได้ค้นพบสิ่งที่โหยหานั้น  แต่....เราจะดำรงอยู่อย่างไรนอกสายพาน  

อย่างไรก็ตาม..... ทั้งหมดนั้นเมื่อเรานิ่งฟัง เราย่อมได้ยิน และเราย่อมเข้าใจ หนทางแห่งการแสวงหา  สิ่งที่โหยหาอันลึกล้ำนั้น และเราย่อมจะค้นพบ

บล็อกของ นาโก๊ะลี

นาโก๊ะลี
จะเขียนทุ่งเขียนทางเขียนช้างม้า                  เขียนความคิดขานค่าจังหวะวิถี
นาโก๊ะลี
ทนายจำเลย ชูรถเมล์จำลอง แล้วถามพยานโจทย์ ซึ่งก็คือ Jacky ตำรวจที่จับกุมจำเลยนั้นได้นั่นเอง  ทนายจำเลยถามว่า รู้ได้ไงว่า จำเลยคือคนกระทำผิด Jacky บอกว่า ก็เขาเป็นคนไล่จับจำเลยมา แล้วจำเลยก็หนีขึ้นรถเมล์  ทนายชูรถจำลองนั้นแล้วถามว่า เมื่อคุณมองดูรถเมล์ คุณเห็นมันทั้งคันหรือเปล่า เขาก็บอกว่า เปล่า อีกข้างหนึ่งก็มองไม่เห็น  ทลายจำเลยก็บอกว่า ถ้าอย่างนั้น คุณก็ไม่อาจบอกได้ว่า อีกฝั่งหนึ่งของรถเมล์เกิดอะไรขึ้น  การโต้เถียงประเด็นนี้ ทำให้ศาลพิพากษา ยกฟ้อง  แต่นี่เป็นเพียงเรื่องราวในหนังครับ วิ่งสู้ฟัดภาคแรก ของเฉินหลง  แต่เรื่องนี้ มันมีเรื่องน่าสนใจ....
นาโก๊ะลี
หากว่า ผืนแผ่นดินที่งดงาม สร้างคนให้งดงาม  แล้วผืนแผ่นดินที่ยากแค้นลำเค็ญเล่า จะสร้างคนมาแบบใด...ความจริงนี่ก็อาจเป็นคำถามที่ตอบได้ไม่ยากนัก  แต่ ความจริงจะเป็นเช่นนั้นหรือไม่...นี่ก็อาจต้องมองเข้าไปในรายละเอียดมากขึ้น...กระมัง  การเดินทางครั้งหนึ่งของชีวิต  ในซากปรักหักพัง ของภัยธรรมชาติอันได้คร่าชีวิตคนไปมากมาย  ในกลิ่นของความตายและความเศร้าโศก เราได้เห็นหน่ออ่อนของต้นหญ้าที่ผุดขึ้นมา ในความชื้น ภายใต้ซากปรักหักพังนั้น
นาโก๊ะลี
การสูญเสีย ดูจะเป็นเงื่อนไขใหญ่ที่ทำให้คนเราตกไปสู่สภาวะที่เรียกว่า “เสียศูนย์”  มีคนเคยเล่าให้ฟังว่า เมื่อสามีตาย ภรรยาตกอยู่ในสภาวะเสียศูนย์ถึงยี่สิบปี ก่อนจะฆ่าตัวตายตาม  นี่เป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโม้ก็ไม่อาจรู้ได้  แต่ความจริงที่เห็นโดยส่วนใหญ่ ความสูญเสียก็มักเป็นเรื่องที่กระทบกับหัวใจคนอย่างรุนแรง  เช่น อกหัก  หรือ คนที่เรารักตายไป  หรือความพ่ายแพ้  ซึ่งความพ่ายแพ้นี่ก็คือการเสียฟอร์ม มันก็คือการเสียศูนย์ความเป็นตัวตนนั่นเอง
นาโก๊ะลี
ชีวิตหลุดลอยไปในบางวาระ           ซึ่งในสถานะแห่งมนุษย์ กับการเดินทางอันไม่สิ้นสุด            บางคราวนั้นจึงสะดุด จึงทรุดโทรม พลาดหวังพังพ่ายสลายสิ้น             ทั่วผืนแผ่นดินทุกข์ท่วมถั่งโถม เสพย์สิ่งใดได้บ้างพอปลอบประโลม เมามายโง่โงมระทมร้าว ภาวะเช่นไรเหนี่ยวนำพา                เมื่อความปรารถนาที่บอกกล่าว ล้มเหลวไปในทางที่ทอดยาว     …
นาโก๊ะลี
คนสวนนักสะสมเมล็ดพันธุ์
นาโก๊ะลี
บ่อยไป หรือหลายครั้งหลายหนในการงานของชีวิต  ที่เราต้องทำงานบางอย่าง  บางอย่างที่ไม่ใช่หน้าที่  ไม่ใช่งานของเรา  เพียงแต่ว่า  นั่นคืองานที่มันเกี่ยวข้องกับเรา งานที่ต้องเกื้อหนุนงานของเรา  และเราก็มักจะไม่พอใจที่คนที่เขามีหน้าที่นั้น เขาทำไม่ได้อย่างที่เราต้องการ 
นาโก๊ะลี
ยามที่บางคนกล่าวคำว่า “มันเป็นสิ่งสำคัญในชีวิต” มันฟังดูคล้ายเขาจะบอกว่า สิ่งที่เขากำลังกล่าวถึงอยู่นั้นมันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา ไม่มีสิ่งใดจะสำคัญกว่านี้ไปอีกแล้ว.... และหลายครั้งที่เราจะพบว่า คนๆ เดียวกันนี้ก็กล่าวถึงสิ่งอื่นๆ ในเรื่องอื่นๆ ในวาระอื่นๆ ว่า “มันเป็นสิ่งสำคัญในชีวิต” และด้วยท่าทีที่คล้ายว่า สิ่งนั้นเป็นที่สุดแห่งความสำคัญดั่งเดียวกับทุกๆ ครั้ง ทุกๆ เรื่องที่ผ่านมา
นาโก๊ะลี
ถ้อยคำที่ประทับใจ แม่ทับเหวินไท่ บอกกับแม่ทัพ ฮัวมู่หลานว่า “เมื่อเจ้าสวมเกราะแม่ทัพ ชีวิตก็ไม่ใช่ของเจ้าคนเดียว” ในสมรภูมิหนึ่ง เมื่อกองทัพของฮัวมู่หลานถูกหักหลัง น้องชายลูกพี่ลูกน้องของฮัวมู่หลาน และทหารจำนวนหนึ่งถูกจับเป็นเชลย และถูกเอามาล่อให้ทหารออกไปช่วย ในสภาวะที่ไม่อาจทำอย่างไรได้ มีทหารคนหนึ่งบอกกับแม่ทัพว่า เราต้องออกไปช่วยพวกเขา “นั่นเสี่ยวหู่นะ เขาเป็นน้องชายท่านนะ” แม่ทัพบอกว่า “พวกเจ้าก็เป็นพี่น้องของข้าเช่นเดียวกัน”
นาโก๊ะลี
วัดเซนแห่งหนึ่ง พระเซนต่างก็ปฏิบัติภาวนาในวิถีแห่งเซน คราวหนึ่งในวัดเกิดเรื่องขึ้น มีของหายในวัด หลายครั้งหลายหน เกิดความเดือดร้อนไปทั้งวัด เมื่อทำการสืบสวน สอบสวนในที่สุดก็พบขโมย ซึ่งก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งของวัด มีการเรียกประชุมสมาชิกทั้งวัด เหล่าพระเซนทั้งหลายต่างก็เรียกร้องให้ขับขโมยออกจากวัด ทั้งมีเสียงสนับสนุนมากมายต่อการลงโทษขั้นเด็ดขาดด้วยการขับออกจากวัดนั้น ในที่สุดเจ้าอาวาสก็กล่าวต่อคณะสงฆ์ และสมาชิกวัดทั้งหมดว่า “พวกเธอทั้งหลายผู้ได้เรียนรู้แล้วถึงความถูกต้องดีงาม พวกเธอสามารถใช้ชีวิตอย่างรู้ผิดชอบชั่วดี พวกเธอทั้งหลายจึงสมควรเป็นผู้ออกจากวัด แต่ผู้ที่เป็นขโมยนั้น…
นาโก๊ะลี
คนสวน ปลูกพืชผักธัญญาหาร เฝ้าดูกี่เติบโต จนถึงการเก็บเกี่ยวผลผลิต คนสวนบอกว่า เมื่อต้นไม้เริ่มงอกออกมา มันต้องการอาหาร ต้องการการบำรุงรักษา จนกว่ามันจะโตเต็มที่ เริ่มให้ดอกผล บางอย่างเก็บดอก บางอย่างเก็บใบ บางอย่างเก็บผล ก็ว่ากันไป แต่เมื่อมันให้ผลนั่นแล้ว มันก็จะค่อยๆ แห้งเหี่ยว ตายไป ระหว่างนี้มันไม่ต้องการอาหารมาก มันไม่ต้องการการบำรุงรักษามาก.......
นาโก๊ะลี
ในชีวิตของเรา มีความพยายามมากมายนัก พยายามที่จะทำบางสิ่ง พยายามที่จะไม่ทำบางสิ่ง พยายามที่จะรัก พยายามที่จะไม่รัก ดูเหมือนโลกไม่ได้จัดวางชีวิตเราให้เป็นไปตามความปรารถนา และหลายครั้งเราก็เชื่อได้ว่า ความสมบูรณ์พร้อมนั้น ไม่มีอยู่จริงบนโลกใบนี้ แม้แต่คนที่เขาแสดงออกว่า ชีวิตเขาช่างพรั่งพร้อม ได้ทุกอย่างตามที่ตนปรารถนา นั่นก็เป็นเพียงการโม้โป้ปดเท่านั้นเองกระมัง เพราะที่สุดแล้วเขาอาจซ่อนบางสิ่งเอาไว้ บางสิ่งที่เขามิได้ประสบผลสำเร็จแต่อย่างใด