บางเวลา บางเหตุปัจจัยได้นำพาความคิดคำนึงย้อนกาลสมัยกลับไปยังวัยเยาว์ นั่นย่อมได้พบเห็นการเติบโตของตัวเอง วันเวลาเหล่านั้นทั้งหมดจะว่ายาวนานก็ยาวนาน จะว่ารวดเร็วก็รวดเร็วยิ่ง ภาพของบางช่วงเวลาปรากฎเด่นชัด ภาพของบางช่วงเวลาก็หลงเหลือเลือนลาง แล้วภาพของบางช่วงเวลาก้ลบหายไปหมดแล้ว นับรวมไปถึงว่าคุณค่า หรือสูญเปล่าของเรื่องราวทั้งหลายในระหว่างนั้น นั่นก็อาจเป็นธรรมดาอันหนึ่ง
ที่สุดแล้ว ภาวะความเป็นไปของเรื่องราว การแสดงออก หรือถ้อยคำ ล้วนสะท้อนภาพภาวะภายในที่เป็นไประหว่างนั้น เมื่อค่อยๆ ทบทวนถึงถ้อยคำในแต่ละช่วงวัยของชีวิต กลับไปดูว่า เวลานั้นเรากล่าวถ้อยคำใด กล่าวเช่นไร หลายครั้งที่มิอาจปฏิเสธว่า นั่นเป็นเวลาที่เราช่างโง่เขลาอยู่นัก คำพูดที่เราคิดว่าดีที่สุดในช่วงนั้น บัดนี้กลับกลายเป็นถ้อยคำที่โง่เขลาไปเสียแล้ว หรือว่าความจริงเป็นเช่นนั้น
หากเราได้ศึกษาอีกมิติของชีวิต ไยมิใช่เส้นทางนี้ที่เป็นเงื่อนไขให้สืบสาวดูว่า เราเติบโตอย่างไร ผ่านยุคสมัย ผ่านการเรียนรู้มาอย่างไร ชีวิตเติบโตมาอย่างไร นี่ล้วนเป็นเรื่องน่าสนใจมิใช่น้อย ‘อาจารย์’ เคยบอกว่า “เขียนหนังสือด้วยปากกา จะทำให้เราเห็นพัฒนาการของความคิดของตัวเอง คอมพิวเตอร์ มันลบ และแก้ไขง่าย แต่ในลายมือมันอาจมีรอยลบ รอยขีดฆ่า คำตามที่ผุดโผล่จัดวางอยู่ในหน้ากระดาษนั้น ทั้งหมดเราเห็นมัน”
นี่อาจเป็นเรื่องราวเดียวกันกระมัง เมื่อเรามิได้รังเกียจความโง่เขลาของตัวเอง เราย่อมมองดูหนทางที่ผ่านมาด้วยความแจ่มใส เมื่อนั้นเราอาจได้ยิ้มให้กับความโง่เขลาและความเปรื่องปราชญ์ของตัวเอง
ทางหนึ่งเราอาจเปรียบเทียบถ้อยคำในเรื่องราวเดียวกันของกาลก่อนกับวันนี้ มีบางสิ่งเพิ่มเข้ามา แล้วอาจมีบางสิ่งหายไป ความหนึ่ง ไม่มากก็น้อยที่เราจะรู้สึกได้ว่า คำของวันนี้ลึกล้ำ เต็มเปี่ยมไปด้วยความคิด และประสบการณ์ อาจถึงขึ้นตกผลึกความคิดปรัชญา ก้าวเข้าสู่ภูมิความรู้เต็มเปี่ยมสมบูรณ์ เป็นความเหนือล้ำกว่ากาลก่อนมหาศาล และนั่นจะนำการเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ เช่นนั้นแล้วนี่นับเป็นเวลาอันน่าภาคภูมิใจ นั่นก็ใช่ หรือว่า กาลเวลาเก่าก่อนนั้น เรามิได้รู้สึกเช่นนี้
เช่นนั้นแล้วเมื่อเรามองออกไป ในกาลภายหน้า คาดว่าความรู้ การสั่งสมสติ ปัญญาของเราคงมิได้หยุดอยู่เพียงนี้ ทั้งประสบการณ์ และผู้คน เหล่ายอดฝีมือที่เราจะพานพบต่อไป ล้วนเอื้อต่อการเติบโตยิ่งๆ ขึ้นไป อย่างไม่หยุดนิ่ง หากว่านั่นเป็นชีวิตที่ปรกติเรียนรู้อยู่เสมอ อย่างนั้นในกาลนั้นเราคงได้มองกลับมายังวันนี้ เรื่องราวและถ้อยคำของวันนี้ เราอาจรู้สึกอย่างเดียวกับที่วันนี้เรารู้สึกต่อกาลก่อน
ว่ากันไปอย่างที่ว่ากันมาเสมอว่า โลกและชีวิตล้วนเปลี่ยนแปลง ไม่มีสิ่งใดดำรงอยู่ ไม่เว้นแม้แต่ความจริง สิ่งที่ดีที่สุดสิ่งหนึ่ง อาจดีที่สุดสำหรับเวลา หรือสถานที่หนึ่ง และเพียงครั้งเดียว ดังนั้น โลกจึงมีสิ่งที่ดีที่สุดอยู่เสมอ ชีวิตเราก็คงเป็นเช่นเดียวกัน เราจึงมีสิ่งที่ดีที่สุดมากมายนักแล้ว สิบปีที่แล้ว เราอาจมีถ้อยคำที่ดีที่สุดสำหรับเวลานั้น วันนี้เรามีถ้อยคำที่ดีที่สุดสำหรับวันนี้ และแน่นอนทีเดียวว่า วันต่อไป พรุ่งนี้ เดือนหน้า ปีหน้า เราก็จะมีถ้อยคำที่ดีที่สุดของเวลานั้น และทั้งหมดล้วนแฝงความโง่เขลา และเปรื่องปราชญ์ อยู่พอกัน อย่างนั้นการผ่านกาลเวลาอย่างเข้าใจ ไม่ใช่ความอันลึกล้ำหรอกหรือ