Skip to main content

 

ชีวิตในแต่ละวันเป็นไปอย่างสงบเงียบ เพราะกิจกรรมหลักของลูกคือกินยา กินอาหาร อ่านหนังสือ สลับเขียนบันทึก ส่วนพ่อกับแม่ นอกจากจะต้องทำอาหาร ตรวจอาหาร นวด พอกยา อาบน้ำให้ อุ้มลูกไปห้องน้ำ อุ้มมานอกห้อง ระยะหลังยังต้องอุ้มลงมาอาบแดดยามเช้าๆ ที่แคร่ไม้ไผ่หน้ากุฏิ และต้องผลัดเปลี่ยนกันลงไปข้างล่างเพื่อทำธุระส่วนตัว กับซื้อหาอาหาร


 

อ้อ มีความจำเป็นอีกอย่างหนึ่ง คือ ที่วัดไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ เรื่องงานของพ่อที่พอวางมือลงได้บ้าง แต่ไม่ได้หมายความว่าหยุดนิ่งไม่ทำอะไรเลย พ่อจึงต้องลงไปโทรศัพท์ติดต่อเพื่อนร่วมงาน และซื้อของข้างล่างบ่อยๆ บางครั้งจะไปที่อำเภอเต่างอย บางทีก็ไปที่อำเภอมุกดาหาร ระยะทางทั้งสองแห่ง ไม่ใกล้ไม่ไกลไปกว่ากัน ทุกครั้งแม่รู้ว่าลูกเฝ้ารอพ่อ หากค่ำแล้วพ่อยังไม่มา ลูกเกรงว่าพ่อจะลืมเอาไฟฉายไป เพราะเวลาเดินขึ้นภูต้องมีไฟส่องทาง ความห่วงใย และการเฝ้ารอพ่ออย่างนี้ ลูกมีอยู่กระทั่งคืนก่อนวันสุดท้าย


วันที่ 24 กรกฎาคม หลวงพ่อเอาบทสวดคำขอบวชชีมาให้ลูกท่อง

ระยะนี้ลูกเขียนว่า ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง หิวข้าวเร็ว และบางวันต้องนอนกิน เพราะไม่มีแรงนั่ง อาจเป็นเพราะลูกกินเฉพาะผลไม้ แต่จากการสังเกต ลูกเขียนว่า ถ่ายเยอะ ย่อยดีมาก แสดงว่าร่างกายได้นำเอาไปใช้ นั่นคือข้อสรุปของลูก แต่ในตอนดึกรอยต่อกับเช้าวันใหม่ ลูกเขียนว่า

 

03.25 . หิวมาก หัวสั่น หัวใจเต้นเร็ว เลยกินกล้วยน้ำว้า 1 ลูก อาการก็ดีขึ้น นอนหลับดี หนาว ไม่มีผ้าห่ม มีผืนเดียวบางๆ แม่ซักผ้าห่มเมื่อวาน แต่ไม่แห้ง

สรุป กินกล้วยน้ำว้า 4 ลูก

กินมังคุด 8 ลูก

ฉี่ 7 ครั้ง

ถ่าย 3 ครั้ง

 

วันที่ 25 กรกฎาคม ครบรอบ 20 วัน สำหรับการกินอาหารแมคโครไบโอติคส์ แบบอิตาลี ลูกมีอาการหน้าบวมเล็กน้อย เพราะแพ้อากาศตอนเช้า

 

07.06 . กินยาธิเบต น้ำอุ่น กินยาญี่ปุ่น พ่อ แม่ และอาปลา ช่วยกันผสมยาจีน ที่มีราคา 120,000 บาท (ได้มาฟรี) น้าสีพี่เกาะ ช่วยกันถางหญ้าเตรียมทำโรงครัว ส่วนน้านีทำกับข้าวสำหรับตอนเที่ยง

 

ลูกอธิษฐานจิตเปิดร่างกายให้หมอเทวดามารักษา แล้วตั้งจิตภาวนา ถวายกล้วยน้ำว้าและส้ม แก่พระสงฆ์ พ่อไปถวายให้ เสร็จแล้วจึงเอาน้ำอุ่นมาประคบเปลือกตา แก้บวม

 

08.53 . ลงไปอาบแดด แต่วันนี้แดดจ้านิดหน่อย พ่อ ลุงเปี๊ยก น้าสี พี่เกาะกินข้าว แม่ น้านี กินด้วย

วันนี้มีของฝากจากหมออพภิวันท์ คือหนังสือหลายเล่มที่เกี่ยวกับธิเบต พ่อบอกให้น้าสี พี่เกาะ ทำชั้นหนังสือให้

15.38 . หลวงพ่อมา ท่องคำขอบวชชีให้หลวงพ่อฟัง ท่องผิดนิดหน่อย

16.10 . รับแสงอ่อนๆ ยามบ่าย

16.18 . ป้าน้อย ลุง.......(ลูกไม่ทราบชื่อ)มาเยี่ยม แนะนำยาอะไรให้ก็ไม่รู้ ลุง.....ขอเขียนเรื่องเราลงอินเตอร์เน็ต

19.20 . ย่า พ่อ ปุ้ย มา ปุ้ยเอาสมุดที่เพื่อนๆเขียนคำอวยพรให้ มาให้อ่าน(คิดถึง)

 

วันที่ 26 กรกฎาคม แม่ต้องลงไปทำธุระที่สกลนคร แต่ก่อนที่จะไปแม่ได้ตรวจร่างกาย ตรวจอาหารให้ลูก ทุกอย่างกินได้ รวมทั้งยาจีน วันนี้ลูกบอกว่า อาบแดดแล้วรู้สึกสดชื่น

 

09.22 . กินน้ำหลวงปู่ พ่อชงกาแฟกิน หลวงพ่อฝากหนังสือมาให้อ่าน 3 เล่ม เรื่อง สาวิกา วิถีแห่งความรู้แจ้ง และ คือเมฆสีขาวทางก้าวเก่าแก่

09.42 . แม่กลับสกลนคร สั่งของแม่มากมายเลย

ช่วงกลางวันที่แม่ไม่อยู่ ในบันทึกของลูก มีคนมาเยี่ยมลูกหลายกลุ่ม ล้วนแต่เป็นญาติสนิท ที่ขาดไม่ได้คือ ป้าเฒ่า ลุงเปี๊ยก อาปลา

19.05 . แม่มาถึง ได้ของหลายอย่างมากมาย มีเห็ด มีชุดขาว 2 ชุด ทางร้านเขาอนุโมทนาบุญให้ และอีกหลายอย่าง

 

วันที่ 27 กรกฎาคม ลูกทำกิจกรรมทุกอย่างตามปกติ แต่วันนี้มีฝนตกปรอยๆในช่วงเช้าจึงไม่ได้ลงมาอาบแดด อาการบวมที่ใบหน้าลดลงแล้ว แต่มีบางอย่างที่ผิดสังเกตในเรื่องการขับถ่าย ลูกเขียนว่า

 

18.50 . ฉี่เยอะ ใส สีชา ถ่ายเป็นอะไรไม่รู้สีแดงๆ

01.58 . ฉี่เยอะ ใส สีชา มีกลิ่นแอมโมเนีย พ่อนวดมือ ตั้งจิตอธิษฐานให้ เราอธิษฐานภาวนาเปิดร่างกาย อุทิศบุญ อโหสิกรรมให้เจ้ากรรมนายเวร

สรุปของวันนี้ กล้วยน้ำว้า 3 ลูก

มังคุด 6 ลูก

ฉี่ 10 ครั้ง

ถ่าย 6 ครั้ง

ไม่กินยาจีนต่อ (ยกเลิก) เพราะลืมกินตอนกลางวัน พ่อก็เลยโกรธแม่ บอกไม่ต้องกินแล้ว ดีเหมือนกันกินยาเยอะ ไตทำงานหนัก ตั้ง 10 แคปซูล

ช่วงนี้เป็นฤดูกาลของเห็ดป่า ในป่ารอบๆวัดมีเห็ดงอกเยอะมาก บางวันแม่กับน้านีไปหาเห็ดมาทำอาหาร ลูกยังเขียนไว้ อย่างอารมณ์ดี


วันที่ 28 กรกฎาคม

14.50 . แม่กับน้านีไปเก็บเห็ดตั้งแต่ 11 โมง ป่านนี้ยังไม่มา คงเมามันมาก เราคงได้กินเห็ดจนพุงกางแน่เลย

19.37 . พ่อกลับจากหาซื้อมะพร้าวที่เขาวง บอกว่าลุงยุทธอาการแย่แล้ว

19.42 . กินน้ำมะพร้าว 1 แก้ว หอมหวานมาก

 

และมีบางเรื่องที่ลูก เฝ้ามองเรา

21.08 . เข้ามาด้านใน ไม่เห็นพ่อกับแม่คุยกันเลย มู้โกรธกันเรื่องอะไร

23.30 . ตั้งจิตอธิษฐานภาวนา เปิดร่างกาย อุทิศบุญ อโหสิกรรมให้เจ้ากรรมนายเวร

กำหนดลมหายใจ เข้า-ออก

ท่อง พุท-โธ

02.50 . ทำสมาธิ ดูแสงเทียน

นอนหลับสบายดี ตื่นแค่ 2 ครั้ง

กล้วยน้ำว้า 4 ลูก

มังคุด 5 ลูก

ฉี่ 9 ครั้ง

ถ่าย 7 ครั้ง

 

สรุปเหตุการณ์สำคัญที่ลูกเขียนไว้เอง

 

กลับจากกรุงเทพฯ รพ.รามาธิบดี วันที่ 16 พฤษภาคม 2551

เริ่มมาอยู่วัดป่าภูไม้ฮาว เพื่อปฏิบัติธรรม วันที่ 6 มิถุนายน พ.. 2551

เริ่มกินอาหารแมคโครไบโอติคส์ แบบอิตาลี วันที่ 5กรกฎาคม พ.. 2551

โกนผม 17 กรกฎาคม พ.. 2551 เริ่มนับ 1

น้าเจง ครูเป้ บวช วันที่ 16 กรกฏาคม พ.. 2551

เริ่มกินอาหารสูตรหมอเจค็อป คือ ตอนเย็นจะกินแต่ผลไม้ วันที่ 18 กรกฎาคม พ.. 2551

 

อาจเป็นเพราะการกินเฉพาะผลไม้ ในวันหลังๆ ลูกบันทึกว่าไม่ค่อยมีแรง และขอเปลี่ยนมาเป็นกินข้าวแทนผลไม้ บ้าง ขณะที่การท่องคำขอบวชเป็นไปอย่างคล่องแคล่วแล้ว

 

วันที่ 30 กรกฎาคม

08.11 . หลวงพ่อมา ท่องบทสวดคำขอบวชให้ฟัง เสียงดัง ฟังชัด จากนั้นก็ซ้อมรับศิล ต้องฝึกท่องคำอารธนาศิล 8 เพิ่ม


วันที่ 31 กรกฎาคม

16.19 . หลวงพ่อมาโปรด ท่องบทคำขอบวช เสียงดังฟังชัด จากนั้นซ้อมรับศิล (อามะ ภันเต) หลวงพ่ออุทิศบุญให้ และเทศน์สอนหลายเรื่อง ลึกซึ้งถึงพระพุทธเจ้ามาก

 

วันที่ 1 สิงหาคม

วันนี้วันพระ และจะบวชชี เพื่อศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า

 

 

 

 

บล็อกของ เงาศิลป์

เงาศิลป์
เช้านี้...ไร้เรี่ยวแรงที่จะทำงาน จึงต่อสายไฟจากหม้อแบตเตอรี่รถแทรคเตอร์ เพื่อเปิดทีวีขนาดสิบสี่นิ้ว ฟังดูข่าวคราวของโลกกว้าง พบว่าราคาน้ำมันยังพุ่งลิ่ว ผู้คนในหลายประเทศตายเกลื่อนเพราะภัยพิบัติ ขณะที่ฉันกำลังทรมานใจกับความผิดบาปของตัวเอง เนื่องจากการทำงานเมื่อวานนี้... งูลายทางยาวๆ สีดำ ตัวโตขนาดข้อมือเด็กๆ กำลังบิดตัวขยับร่างให้เคลื่อนไหวต่อไปข้างหน้า มันผงกหัวออกแรงพุ่ง แต่ลำตัวกลับติดตายอยู่บนพื้นดิน ท่อนกลางและท่อนหางถูกตัดออกจนเกือบขาด มีเจ้าหมาหนุ่มสองตัวของฉันกำลังเอาตีนเขี่ยให้มันเคลื่อนไหวอย่างล้อเล่น
เงาศิลป์
กลีบดอกไม้ป่าร่วงผลอยไปอย่างรวดเร็ว เพื่อให้เมล็ดพันธุ์เติบโตเท่าทันกับฤดูฝนที่มาถึง ราวป่าท้ายไร่จึงเขียวขจีชุ่มชื่นแผ่ผ่านความสดใสมาถึงหัวใจของผู้คนในละแวกใกล้เคียง“ไปทำบุญที่ยอดห้วยกันเถอะ”ยายแดงตะโกนเรียกมาจากบนรถอีแต๊ก ที่ควบปุเลงๆผ่านหน้าไร่ฉันไปอย่างรวดเร็วเกินธรรมดา ขณะที่ฉันกำลังก้มหน้าก้มตาจัดการกับต้นหญ้าเล็กๆที่หน้าบ้าน
เงาศิลป์
เสียงลมอื้ออึง ปลุกฉันจากความหลับใหลที่เนื่องมาจากความอ่อนล้าโรยแรงฉันตื่นกลัวจนกระทั่งเผลอกลั้นลมหายใจ ผุดนั่งอย่างลืมตัวผืนผ้าใบที่ชายคาเสียงดังพึ่บ มันสะบัดปลายจนเรือนไม้หลังน้อยสะเทือนไหว เงี่ยหูฟังเสียงลมที่กำลังมุ่งหน้ามามันมีกำลังแรงขึ้นและแรงขึ้นอย่างรวดเร็วแสงสว่างวาบลอดเข้ามาตามช่องฝาผนัง  ฉันกอดอกด้วยความหวาดกลัว  และแล้ว ..เสียงฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาใกล้ๆ “ฉันมาทำอะไรที่นี่” เสียงครางอยู่ข้างในถามไถ่ตัวเองอย่างน่าสงสารน้อยครั้งนักที่ฉันจะหวาดกลัวอะไร หรือจะคิดจินตนาการอะไรๆ ที่เป็นเรื่องร้ายๆ ต่อชีวิต แม้ในท่ามกลางวิกฤติ เพราะฉันมีความเชื่อว่าพระจะต้องคุ้มครองฉันเสมอ …
เงาศิลป์
“มันจะได้ผลหรือคุณ” น้ำเสียงต่ำๆ แกมรอยยิ้มที่ริมปาก ทำให้ฉันฉุนกึกอยู่ข้างใน แต่ต้องฝืนตอบออกมาอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เพราะนับเป็นครั้งที่ร้อยแล้ว ที่ตาลีถามฉันอย่างนี้ ทั้งที่ไม่ใช่กงการอะไรของแกซะหน่อย“ได้ผลสิ ที่บ้านที่ใต้ทำใช้อยู่ประจำ”เรากำลังสนทนาถึงน้ำหมักชีวภาพที่ฉันทำไว้ใช้เอง บรรจุในถังพลาสติกใบใหญ่และนำออกมารดพื้นดินแทบทุกครั้งที่ฝนตกชุ่ม ความหวังที่จะฟื้นฟูแผ่นดิน เพื่อให้ไส้เดือนคืนถิ่นของฉัน ดูช่างยาวไกลราวกับนักเดินทน ที่ต้องเดินรอบโลกหลายรอบ เผลอๆอาจหมดแรงตายเสียก่อนที่จะครบรอบแรกด้วยซ้ำ
เงาศิลป์
“โชค ไปเที่ยวในป่ากันดีกว่า น้าได้กลิ่นดอกไม้หอม”เขาพยักหน้า วางเครื่องมือทำงานไว้ในที่ร่มแล้วคว้าขวดน้ำดื่มติดมือมาแทน เจ้าหมาหนุ่มสองตัวรีบมุ่งหน้ามาสมทบโดยไม่ต้องส่งเสียงเรียก เพราะการเคลื่อนไหวของเราอยู่ในสายตาของมันเสมอแค่เอื้อมเท่านั้น...ที่ฉันจะหาความสุขอันลึกซึ้งได้ แต่บ่อยครั้งที่ฉันแข็งใจไม่แวะเข้าไปในป่า เนื่องจากงานในไร่กำลังเร่งรีบ และยามนี้เป็นเวลาปิดเทอมใหญ่ “โชค” จึงมีเวลามาช่วยงานได้เต็มวัน เขาเป็นเพื่อนร่วมงานที่ขยัน เป็นครูสอนงานที่ดีให้แก่ฉันในบางกรณี และพร้อมที่จะเป็นผู้เรียนรู้งานได้อย่างน่าชื่นชม ฉันแอบดูเขาทำงาน มองร่างผ่ายผอมในวัยเพียงสิบห้าปี…
เงาศิลป์
แสงไฟสีส้มดวงเล็กๆ ดาหน้ากันเข้ามาจากทุกทิศทาง ยกเว้นจากส่วนที่เป็นด้านหลังไร่ เพราะนั่นคือป่าชุมชนผืนใหญ่ ที่เป็นเป้าหมายของการไปสู่ของแสงไฟเหล่านั้น ดูแล้วน่าตื่นเต้นไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพายุฝนที่โหมกระหน่ำเมื่อตอนเย็นนี้ฉันนึกถึงแนวรั้วลวดหนามด้านท้ายไร่ ที่เสร็จไปครึ่งทางแล้ว ด้วยฝีมือของตาลี “เราทำรั้วกั้นที่ของเรา ไม่มีใครเขามาว่าได้หรอก อีกหน่อยพอฝนตกชุก คุณต้องทำประตูกั้นทางเข้าไร่ด้วยนะ ทำรั้วง่ายๆพอเป็นที่เข้าใจว่าถนนที่ตรงมาทางนี้คือทางส่วนบุคคล ไม่ใช่ทางสาธารณะ” แกย้ำถึงความจำเป็น เพราะฉันเคยลังเลกลัวว่าจะไปทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน ต้องเดินอ้อมไปไกลจึงจะไปถึงป่าชุมชนนั้นได้…
เงาศิลป์
การใช้ชีวิตในบ้านไร่ชายป่า บางครั้งทำให้ฉันถามตัวเองว่า การใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต เป็นความฟุ่มเฟือยของชีวิตด้วยหรือเปล่า แต่แล้วก็มีบางเรื่องราวมาคลี่คลายเป็นคำตอบให้ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับคำถามใดๆ ทั้งสิ้น.......สวัสดีค่ะ พี่ชื่ออะไรเหรอคะหนูชื่อทรายนะคะ บังเอิญเข้ามาอ่านเจอพอดี พี่ทำงานกับป๊าหนูด้วยเหรอค่ะ (ยงยุทธ ตรีนุชกร) แต่พ.ศ.31 หนูเพิ่งจะเกิดเอง คงไม่รูจักพี่แน่เลย!! แล้วจะเข้ามาอ่านใหม่นะค่ะ อ่านแล้วชอบมากๆ เลย เพราะหนูเรียนแพทย์แผนไทยอยู่ ก็เลยรู้สึกดีที่มีคนชอบการรักษาแบบแผนไทยเหมือนกัน ขอให้พี่หายเร็วๆ นะคะ แล้วก็ช่วยเป็นกำลังใจให้ป๊าด้วยนะคะ……………………….
เงาศิลป์
มือขวาที่บวมเบ่ง ความสากกร้านที่ห่อหุ้มยิ่งทำให้มือนั้นดูเทอะทะ เจ้าของมือยังมีเค้าความสวยงาม แม้วัยล่วงเลยจนเป็นย่าคนแล้ว เธอยังต้องทำงานหนัก จนกระทั่งบาดเจ็บ
ฉันค่อยๆลูบยาหม่องสูตรเข้มข้นที่ปรุงเอง ความร้อนของน้ำมันสมุนไพรคงพอบรรเทาอาการ ที่สำคัญกว่าสิ่งใดในการเยียวยาคือให้พักงาน หยุดใช้มือนั้นทำงานสักระยะ  เธอยิ้มตอบคำแนะนำอย่างสดใส บนใบหน้ากร้านแดด บอกว่าทำไม่ได้หรอก งานมีเยอะแยะ หนี้สินอีกมากมายจะหยุดทำงานได้อย่างไร“นี่ก็เปลี่ยนกันทำงาน ให้ตาเก้ไปรับจ้างไถไร่เพิ้น เอาเงินมาซื้อน้ำมันสูบน้ำใส่ไร่อ้อย ข้อยกะต้องมาเลี้ยงวัวแล้วกะเสียหญ้าอ้อยไปนำ” ฉันคลึงเบาๆที่นิ้วกลางอันบวมช้ำ…
เงาศิลป์
“ต้นไม้ไม่ต้องการคำภาวนา มันต้องการน้ำ” อาการห่อเหี่ยวของเรียวใบยังคงอยู่ บางต้นปลิดใบสีน้ำตาลร่วงพราวเกลื่อนพื้น........แม้แต่ความรัก ก็ยากจะเยียวยา.....ไม่ว่าฉันจะพูดปลอบประโลมอย่างไร มันก็ไม่อาจฟื้นคืนมาสู่ความสดใสได้อีกแล้วฉันสิ ที่ต้องคร่ำครวญและพาลโมโหตัวเองที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกชาวสวน แต่ไม่เคยมีวิชาทำสวนติดตัวสักกระผีกริ้น สิ้นลมหายใจพ่อ เหมือนสิ้นคู่มือชีวิต เรื่องของต้นไม้และเม็ดดินกลายเป็นความลี้ลับ ที่ต้องใช้เวลา และสติปัญญา มาถอดรัสลับ ซึ่งไม่รู้ว่าชาตินี้ฉันจะทำสำเร็จหรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องดินฟ้าอากาศ ที่สัมพันธ์กับอารมณ์ของต้นไม้แต่ละชนิดแม้เวลานี้ ยังได้ชื่อว่าเป็น “ฤดูหนาว”…
เงาศิลป์
ดนตรีแห่งฤดูกาล กำลังเปลี่ยนผ่านจังหวะไปสู่ความรุนแรงร้อนรน แต่กระนั้นก็ยังหลอกล่อหัวใจผู้คนด้วยจังหวะผ่อนแผ่วของไอหนาว เมื่อคืน ฉันเผลอเรอลืมห่อห่มร่างกายให้อบอุ่น จึงถูกไข้หวัดจู่โจม จะเรียกว่าเป็นความอ่อนแอของร่างกายหรือว่าเป็นความแข็งแรงอันร้ายกาจของไวรัสก็ไม่อาจรู้ได้ เพราะรอบทิศทางของไร่ มีเปลวเพลิงลุกไหม้อยู่ทุกคืน การเผาซากอ้อยจึงกลายเป็นฤดูกาลเผาไร่...ฤดูกาลใหม่ของที่นี่ถ้าบินขึ้นไปบนท้องฟ้าไกลลิบนั่น คงเห็นรอยไฟลามเลียเป็นหย่อมๆ แผ่กระจายไปทั่ว คล้ายสัตว์ประหลาดสีแดงเพลิงเคลื่อนไหวเพยิบกลืนกินผิวโลกจนไหม้เกรียม และทุกหัวค่ำ ยังมีของแถมเพิ่มมาอีกหนึ่งอย่าง…
เงาศิลป์
 ริ้วสีชมพูอมส้ม กระจ่างจ้าที่ริมขอบฟ้า ดุจแก้มใสปลั่งของสาวน้อย ไรแสงสาดจับจ้าบนท้องฟ้าเหนือศรีษะ งดงามตระการ ฉันยืนมองแสงสีตรงหน้า ที่แปรเปลี่ยนไปทีละนิดๆ อย่างโปร่งโล่งในอารมณ์ สูดลมหายใจยาว นำเอาความสดชื่นไปกักเก็บไว้เต็มปอด สัมผัสความเย็นชุ่มที่ล่วงลึกลงภายใน ผิดกับผิวกายที่ห่อหุ้มด้วยเสื้อกันหนาวสีทึมเนื้อหนานุ่ม เพียงผิวหน้าเท่านั้นที่ได้สัมผัสกับละไอหมอกหนาลอยเรี่ยพื้น ความหนาวเย็น ไม่ใช่มิตรที่ดีนัก ไม่ควรใกล้ชิดจนเกินไป ร่างกายมันบอกให้ฉันอย่างนั้น เช้านี้เป็นอีกวันที่ตื่นขึ้นมาแล้วสดชื่นทั้งกายใจ งานหนักในไร่กลายเป็นคุณแก่ชีวิต…
เงาศิลป์
“เจ้าสองตัวนี่ เป็นนักล่าที่เก่งกาจ ดูที่อุ้งตีนมันสิ ใหญ่กว่าหมาทั่วไป” ลุงเจนบอก เมื่อเราเดินเล่นไปจนถึงนาของแก เสียงลิ้นตวัดน้ำในสระดังขวับ ๆ ๆ เพราะความหิวกระหาย มันคงเหนื่อยอ่อนทีเดียวเพราะต้องเดินดั้นด้นมุดกอหญ้าที่ท่วมตัว ดีว่ามีกันสองตัวพี่น้องจึงพอสนุกสานหยอกล้อไล่กัดกันไปพลาง ชวนขุดหามดหาแมลงกินกันไปพลาง ระยะทางเกือบกิโลเมตรจึงพอเดินสบายๆ ในยามแดดร่มลมตกเช่นนี้ฉันมีเจ้าสองตัวเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุขมาได้สิบกว่าวัน อายุของมันทั้งสองราวๆ 2 เดือนกว่า กำลังกินกำลังซนและมันทั้งคู่ต่างประกาศนิสัยส่วนตัวออกมาอย่างชัดเจน  เจ้าเสือตัวโตกว่าเพราะกินเก่งกว่า ขี้เล่น ห้าวหาญ…