ริ้วสีชมพูอมส้ม กระจ่างจ้าที่ริมขอบฟ้า ดุจแก้มใสปลั่งของสาวน้อย ไรแสงสาดจับจ้าบนท้องฟ้าเหนือศรีษะ งดงามตระการ
ฉันยืนมองแสงสีตรงหน้า ที่แปรเปลี่ยนไปทีละนิดๆ อย่างโปร่งโล่งในอารมณ์ สูดลมหายใจยาว นำเอาความสดชื่นไปกักเก็บไว้เต็มปอด สัมผัสความเย็นชุ่มที่ล่วงลึกลงภายใน ผิดกับผิวกายที่ห่อหุ้มด้วยเสื้อกันหนาวสีทึมเนื้อหนานุ่ม เพียงผิวหน้าเท่านั้นที่ได้สัมผัสกับละไอหมอกหนาลอยเรี่ยพื้น
ความหนาวเย็น ไม่ใช่มิตรที่ดีนัก ไม่ควรใกล้ชิดจนเกินไป ร่างกายมันบอกให้ฉันอย่างนั้น
เช้านี้เป็นอีกวันที่ตื่นขึ้นมาแล้วสดชื่นทั้งกายใจ งานหนักในไร่กลายเป็นคุณแก่ชีวิต หยาดเหงื่อที่ไหลหลั่งช่วยชะล้างความหมักหมมแห่งการงาน และแผ่นหลังล้าหนัก ยามจ่อมจมอยู่กับโต๊ะเก้าอี้ในห้องแคบนานๆ อีกทั้งได้นอนหลับสนิทอย่างล้ำลึก แม้อากาศจะหนาวเหน็บในยามดึก แต่กองไฟที่คุกรุ่น เป็นเครื่องคลายหนาวได้อย่างดียิ่ง
เช้านี้ มันกลายเป็นกองถ่านแดงๆ
เสียงรถยนต์แว่วมา เหลียวไปดู เป็นรถกระบะสีแดงเลือดหมูสภาพกลางเก่ากลางใหม่ โยกเยกเชื่องช้ามาบนถนนสายฝุ่น ที่คั่นระหว่างไร่ แล้วเลี้ยวซ้ายมุ่งตรงเข้ามาในพื้นที่ของฉัน ไม่ถึงห้านาทีมันมาจอดนิ่งสนิทใกล้ๆที่ฉันยืนอยู่
เป็นผู้ชายคนเดียว และฉันไม่เคยรู้จัก
ฉันมีโลกส่วนตัวสูงกว่าคนปกติ แต่ในยามปรับตัวเข้ากับผู้คน ฉันก็สามารถทำได้ ขอแต่ให้ฉันได้เป็นฝ่ายเลือกที่จะกระทำ ยามใดที่ถูกกระทำ เช่นวันนี้ ฉันจึงรู้สึกอึดอัดจนยิ้มไม่ออก
เขามาเช้าเกินไป..ทั้งๆที่ฉันยังไม่ทันล้างหน้าล้างตา ไม่ทันได้จิบกาแฟกระตุ้นประสาท ไม่ทันทำอะไรสักอย่างให้กับตัวเองนอกจากสูดลมหายใจยาวๆ และเหวี่ยงแขนเหวี่ยงขาสะบัดกายไล่ความหนาว
“ไปไหนคะ” อันที่จริงฉันไม่น่าจะถามโง่ๆอย่างนี้ เพราะนี่ก็สุดทางแล้ว และเขาก็น่าจะไม่ใช่คนหลงทาง แต่เพราะฉันไม่รู้ว่าจะทักเขาอย่างไรให้ดีกว่านี้
”ผมตั้งใจมาที่นี่แหละ เจอลุงลีเมื่อวานนี้ รู้ว่าเจ๊ มาซื้อที่ทำสวนที่นี่ จึงอยากจะมาบอกขายที่ดิน” เขาไม่อ้อมค้อม แต่ฉันสิ ฝืดเหลือทน ด้วยใจจริงไม่ชอบให้ใครเรียกเจ๊ ยกเว้นคนที่มาทำงานในไร่ แบบรายวัน (นานๆมาที) เมื่อเขาเรียกเจ๊ ฉันก็ปล่อยให้เขาเรียกไปตามสบาย แต่คนใกล้ชิดที่ต้องคบหากันนานๆ ฉันขอร้องว่าช่วยนับญาติกับฉันหน่อย ซึ่งก็ได้ผล อย่างป้าแดงจะเรียกฉันว่า “น้อง....”
เขาเดินลงมาจากรถ ด้วยเครื่องแต่งกายที่ทันสมัยในกางเกงยีนส์ใหม่เอี่ยม เสื้อยืดคอโปโลสีเหลืองสวย ท่าทางคล่องแคล่วจนฉันระแวง ว่าอาจจะมาสอดส่องเรื่องอื่นมากกว่าจะมาบอกขายที่ดิน แต่เมื่อเขายืนยันเรื่องตำแหน่งแห่งหนของพื้นที่ ฉันจึงค่อยวางใจ มันเป็นที่ดินที่ห่างออกไปหลายกิโลเมตร ในอีกหมู่บ้านหนึ่ง ที่อยู่ใกล้ภูเขามากกว่าที่นี่
เขาบอกว่า เขาเป็นเขยที่หมู่บ้านนั้น แต่เกิดในหมู่บ้านนี้ มิน่า จึงรู้เส้นทางแถวนี้ดี
ฉันปฏิเสธไปว่าไม่มีเงินจะซื้อที่ดิน หรืออะไรที่แพงๆอีกแล้ว ที่ทำอยู่นี่ก็แทบจะไม่มีทุนทำต่อ ต้องใช้แรงงานตัวเองเป็นหลัก เขาคงไม่ค่อยจะเชื่อ หรือว่าเขาไม่เข้าใจชีวิตก็ไม่รู้ได้ ยังคงอ้อนวอนให้ฉันช่วย ราวกับมันมีราคาแค่ไม่กี่สิบบาท จนฉันรู้สึกหงุดหงิด..บอกเขาว่า เงินเป็นล้าน ฉันไม่มีปัญญาซื้อหาหรอกนะ อย่าคิดว่าฉันรวย พรรคพวกญาติพี่น้องของฉันก็ไม่ได้ร่ำรวย แค่นี้ก็หมดตัวแล้ว เชื่อสิ...คราวนี้ฉันเป็นฝ่ายอ้อนวอนให้เขาเชื่อฉันบ้าง
ขณะที่เขาสอดส่ายสายตามองไปรอบๆกระท่อมของฉัน คงจะเห็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาดเล็ก ที่ฉันวางไว้ใต้เพิงหมาแหงนหลังบ้าน มันเป็นทรัพย์สินที่คนละแวกนี้รู้ว่าฉันใช้มัน เพราะเสียงอันดังสนั่นยามหัวค่ำไม่กี่ชั่วโมง ลุงจ่อย ช่างสร้างบ้านหลังน้อยให้ฉันเคยล้อว่า บ้านนี้นักเลงพอตัว เอาของมีราคาทิ้งไว้นอกบ้าน ฉันได้แต่ยิ้ม ไม่สามารถตอบรับหรือปฏิเสธ แต่ก็บอกแกไปว่า
“ว่างๆ ช่วยแวะมาทำกระท่อมหลังน้อยๆ ที่มีประตูล็อคกุญแจได้ ให้หน่อยนะลุง” ลุงจ่อยพยักหน้า แต่ไม่เคยแวะมาอีกเลย ฉันรู้ว่าแกไม่ว่าง จนกว่าจะเก็บเกี่ยวผลผลิตของตัวเองเสร็จแล้วนั่นล่ะ ฉันจึงต้องทำใจใหญ่ เชื่อว่าแถวนี้ไม่มีขโมย โดยเฉพาะขโมยที่ย่องมาในตอนที่ฉันหลับสนิท
พอฉันยืนยันว่าฉันจน ไม่มีเงิน ไม่มีทุน ไม่คิดจะเป็นนายหน้าค้าที่ดินด้วย เขายังอิดออด บอกว่าช่วยซื้อเฉพาะที่ดินของเขาก็ได้ แค่ 30 ไร่ จะให้ราคาพิเศษ หรือถ้าจะหาเพื่อนมาช่วยซื้อเพิ่ม ก็มีของญาติพี่น้องเมียที่อยากจะขาย รวมๆแล้วที่ดินที่อยู่ติดกัน ราวๆร้อยไร่นั่นล่ะ
ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจึงอยากจะขายที่ดินทำกินกันนัก หากเป็นเพราะมีหนี้สิน ต้องการปลดหนี้ ก็เท่ากับว่าสภาพชีวิตพี่น้องชาวอีสาน ไม่เคยดีขึ้นมาเลย เพราะฉันถูกเสนอขายที่ดินบ่อยมาก จนสงสัยว่า นี่เขากำลังขายที่ดินราคาเป็นแสนเป็นล้าน หรือว่ากำลังขายปลาทูราคาห้าบาทสิบบาทกันแน่
สำหรับฉันในเวลานี้ แค่จะซื้อน้ำมันเบนซินมาเติมเครื่องตัดหญ้า ฉันยังต้องคิดแล้วคิดอีก ว่าจะซื้อดีไหมหนอ หรือว่าจะหวดหญ้าด้วยสองแขนกับพร้าทื่อๆ ที่ฉันไม่มีปัญญาจะลับให้คมกริบได้ด้วยตัวเอง
ส่วนเครื่องปั่นไฟ ฉันตัดสินใจจะใช้มันอาทิตย์ละหนก็พอ ในเวลาที่แบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือเรียกร้องขอพลังเพิ่มเติม มันคือสิ่งจำเป็นที่ฉันต้องมี ในยามฉุกเฉิน และป้องกันคนที่อยู่ไกลๆ โดยเฉพาะแม่ ไม่ให้กังวลว่าฉันอาจจะกลายเป็นอะไรบางอย่างที่ไม่ควรเป็นไป
ก่อนที่เขาคนนั้นจะจากไป ได้ขอร้องให้ฉันเก็บเบอร์โทรศัพท์มือถือของเขาเอาไว้ เผื่อฉันจะเปลี่ยนใจ
ชื่อและเบอร์โทรศัพท์ บนกระดาษสีขาวแผ่นเล็กๆ ฉันกำไว้ในมือโดยไม่ได้อ่านดู
หวนคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ สมัยที่รัฐบาลน้าชาติครองเมือง คราวนั้นที่ดินในภาคอีสานถูกกว้านซื้อขนานใหญ่ จนราคาที่ดินพุ่งพรวด นายหน้าค้าที่ดินเดินสวนกันเป็นขบวนพาเหรด การเงินสะพัดสุดๆ และแล้วไม่นาน ฟองสบู่ก็แตกโผล๊ะ ทุกอย่างละลายหายวับไปกับตา
มันคือคลื่นแห่งหายนะลูกใหญ่ที่โถมซัดเข้ามา แม้วันนี้ คลื่นลูกเล็กๆยังทยอยตามมาไม่ขาดสาย
กระดาษแผ่นน้อยร่วงลงสู่กองไฟอย่างตั้งใจ สีขาวค่อยๆกลายเป็นน้ำตาล และไม่ถึงอึดใจเปลไฟก็ลุกโชน
ท้องไส้ฉันเริ่มส่งเสียงบอกว่าหิว