ทามัน เนการ่า ป่าฝนมลายา (4)

25 December, 2009 - 00:00 -- ngoasil

ประมาณตีสาม เราค่อยๆไต่ขึ้นสู่เขตภูเขาสูง ฉันนึกเดาเอาว่าที่นี่น่าจะเป็นเขตรัฐสลังงอร์ เพราะว่าเผอิญสายตาปะทะกับป้ายที่เขียนว่า เกนติ้ง ไฮแลนด์ มีลูกศรชี้ไปทางซ้ายมือ แต่รถยังมุ่งหน้าตรงไป กระทั่งฉันเห็นเมืองเล็กๆมีไฟฟ้าสว่างไสว สาดจับที่รูปปั้นขององค์พระศิวะสีทองอร่ามความสูงร่วมร้อยเมตร ยืนตระหง่านตรงปากทางขึ้นถ้ำซึ่งมีขนาดใหญ่โตมโหฬาร ไม่น้อยไปกว่ากัน ฉันรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นถ้ำบาตู ฮินดูสถานที่สำคัญของคนมาเลเซียเชื้อสายอินเดีย และถัดมาอีกไม่เกินครึ่งชั่วโมง มีป้ายเขียนไว้ว่า พิพิธภัณฑ์โอรัง อัสลี ฉันจึงมั่นใจว่าตอนนี้เรากำลังปีนอยู่บนสันเขาสูงที่ทอดตัวยาวกั้นแผ่นดินมาเลเซียออกเป็นตะวันออกและตะวันตก และเราย่างเข้าสู่เขตรัฐสลังงอร์แล้วจริงๆ

 

ถนนกลายเป็นสองเลนเล็กๆ ที่คดเคี้ยววกวน ความเร็วรถไม่น่าจะมากนักแต่การพุ่งลงจากภูเขาสูงและการแซงแบบกระชั้นชิดหลายครั้งทำเอาฉันลุ้นลืมหายใจ ลืมง่วงลืมเพลียอย่างไม่ทันรู้ตัว คิดว่าถนนในมาเลเซียมีมาตรฐานความปลอดภัยและรถราก็ไม่มากไม่มายจนเกินไปนัก อัตราการเกิดอุบัติเหตุคงไม่เยอะหรอกนา

 

ตีห้ากว่าๆ เรามาถึงเมืองจารันตุด เพราะคนขับรถตะโกนบอก ขณะนั้นเหลือผู้โดยสารเพียงสี่คน สองคนที่ลงจากรถคือฉันและปิ๋น อีกสองคนยังนั่งอยู่ นาทีนั้นฉันจึงฉลาดขึ้นบ้าง เพราะหนึ่งในนั้นคือหนุ่มน้อยคนช่างรัก ที่บอกว่าบ้านเขาอยู่กัวลา ทาฮัน นั้นแสดงว่ารถน่าจะไปต่อยังเมืองนั้น และเป็นโอกาสที่จะเข้าถึงป่าได้ง่ายที่สุด แต่ฉันก็ไม่ได้พยายามจะหาข้อมูลเพิ่มเติม เพราะที่มีอยู่ในมือก็น่าจะนำพาให้ไปถึงป่าได้ และเป็นเส้นทางที่ฉันชอบเสียด้วย นั่นคือการเดินทางด้วยเรือ

 

การเชื่อมั่นในข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต และการเดินทางแบบปุบปับไม่ได้วางแผน ทำให้ฉันไม่ได้หยิบเอาหนังสือคู่มือการเดินทางฉบับโลนลี่แพลเน็ตมาด้วย จึงต้องค่อยๆงมทางอย่างทุลักทุเล และเป็นบทเรียนให้จดจำไปใช้ในอนาคตว่า การเดินทางด้วยตัวเองอย่าลืมไก๊ด์บุคกับแผนที่ฉบับมาตรฐานเป็นเด็ดขาด

 

รถเมล์คันนั้นจากไปแล้ว ที่ท่ารถมีแค่เราสองคนเท่านั้น ฉันหันไปมองรอบๆอย่างตื่นตาตื่นใจ เพราะว่าที่นี่ไม่มีอาคารสูงใหญ่ มีแค่เรือนแถวชั้นเดียวที่สร้างง่ายๆ เหมือนร้านขายของเล็กๆน้อยข้างท่ารถที่บ้านเรา ฉากหลังที่เป็นภูเขาลูกเล็กๆทอดตัวยาวทางทิศตะวันตก มีม่านหมอกห่มคลุมบางๆ ชวนให้นึกถึงเมืองลาวที่เรียบง่าย ในนาทีนั้นฉันยิ่งสร้างภาพอันยิ่งใหญ่ของผืนป่ากว้างแห่งนั้นว่า มันจะต้องเป็นดงดิบหนาทึบร้างไร้ผู้คนสัญจรอย่างแน่นอน เพราะที่นี่ยังเป็นเมืองเล็กขนาดนี้ แล้วในป่าจะเงียบเหงาขนาดไหน

 

ฝันหวานค่อยๆละลายหายไป เมื่อเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง ขณะที่ฉันนอนเอนกพิงกระเป๋าเดินทางบนมายาวในอาคารเล็กๆของท่ารถ มีผู้หญิงมาเลเซียเชื้อสายจีนคนหนึ่งเดินมาถามว่า จะไปป่าทามัน เนการ่าใช่ไหม ฉันบอกว่าใช่ เธอเสนอให้เหมารถแท๊กซี่ของเธอ คิดราคาไม่แพง ฉันงงเล็กน้อย ถามว่าที่นั่นมีถนนเข้าไปถึงแล้วเหรอ เธอบอกว่าใช่ ฉันบอกว่าฉันอยากเดินทางเข้าไปทางแม่น้ำมากกว่า เธอจึงเสนอว่า ถ้าอย่างนั้นก็เหมาไปที่ท่าเรือก็ได้นี่คิดเงินแค่ 30 เหรียญเท่านั้น ฉันบอกเธอว่า ฉันยังมีเวลารอรถเมล์ท้องถิ่นอีกนาน เพราะเรือเที่ยวแรกออกเวลา 10 โมงเช้า รถเมล์เที่ยวแรกที่จะไปเมืองเตมบลิง ออกจากที่นี่ 8.30 . ฉันมีเวลาเหลือเฟือที่จะนั่งดูชีวิตผู้คนอยู่แถวนี้

 

เธอคนนั้นจากไปแล้ว มีผู้ชายหน้าตาแบบคนอินเดียเดินเข้ามา เขาเสนอว่าให้ไปป่าทางถนนด้วยรถตู้ของเขา คิดค่ารถคนละ 70 เหรียญ ฉันบอกเขาว่าขอบคุณ ฉันอยากไปทางเรือ ในช่วงเวลานั้นมีสาวๆฝรั่งผมทองสามคนแบกเป้ใบโตมาขึ้นรถตู้ ท่าทางพวกเธอไม่ลังเลที่จะใช้ถนนเข้าสู่ป่า แต่ฉันกับปิ๋นยืนยันว่าต้องการผจญภัยทางน้ำ

 

รถเมล์ของเรามาถึงที่ท่ารถตรงเวลา เมื่อเราขึ้นไปนั่งบนรถ สิ่งที่พบเห็นทั้งหมดเรียกได้ว่า เหลือเชื่อ เกินคาด เพราะรถคันเก่าๆคันนี้ มีคนขับที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย ความเก่าและรกเขรอะขระจนแทบนั่งไม่ลง เบาะสีดำเปียกชื้นไปด้วยราดำ เศษขยะพลาสติกชิ้นเล็กชิ้นน้อยซุกอยู่ทุกซอกของรถ ที่เหลือเชื่อกว่านั้นคือ บนรถมีแค่เราสองคน จ่ายค่ารถไปคนละ 1.50 เหรียญ (ราวๆ 15 บาท) ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงจึงถึงท่าเรือเตมบลิง แต่รถคันนั้นยังวิ่งต่อไปยังในเมืองเตมบลิง ที่อยู่ห่างจากท่าเรือราวๆ 5 กิโลเมตร

 

ความฉลาดค่อยๆปรากฏตัว มาเย้ยฉันทีละนิด นับตั้งแต่รถแล่นออกจากท่ารถเพียงเล็กน้อย ฉันเห็นเมืองจารันตุดตัวจริง หาใช่เมืองเล็กๆไกลปืนเที่ยงไม่ แต่เป็นเมืองขนาดกลางที่มีร้านรวงพอสมควร และที่มีมากหนาตาคือบริษัททัวร์ป่า ที่มีป้ายโฆษณาคึกคัก

 

ความจริงยิ่งปรากฏชัดเมื่อเรามาถึงท่าเรือ ที่นั่นมีหนุ่มสาวชาวฝรั่งร่วมร้อยคนกำลังรอเรืออยู่ก่อนหน้าแล้ว พวกเขามากับบริษัททัวร์ ที่ขายบริการแบบคอนแท็คทัวร์โดยที่ผู้ซื้อบริการไม่ต้องโง่งมโข่งในเรื่องใดๆทั้งสิ้น

 

เขาเหล่านั้นน่าจะเดินทางมาจากเมืองเคแอล เมื่อคืนนี้

 

 


ท่ารถ เมืองจารันตุด

 

 


ร้านอาหาร


 


ในเมืองจารันตุด


 


ที่ท่าเรือเตมบลิง

 

 

ความเห็น

Submitted by นกเอี้ยงนครเจดีย์ on

ใช่ครับ .......บางครั้งซื้อแบบ package จะสะดวกกว่าครับ.....หมายถึงเป็นบางครั้ง...บางสถานที่ที่เราไม่รู้จริง ๆ......สวัสดีปีใหม่...ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองคุณศิลป์ครับ...........

Submitted by อ้ายแสงดาวฯ on

เงาศิลป์ เจ้า มาสวัสดีปีใหม่สมมุติ ขอให้มีสุขภาพแข็งแรง เน้อ

Submitted by เงาศิลป์ on

สวัสดดีปีใหม่ค่ะ คุณนกเอี้ยงฯ พี่แสงดาว และ.....ผู้ที่รักใคร่ชอบพอ ที่เข้ามาอ่านงานทุกท่านคะ

เนื่องในวาระปีใหม่นี้ ศิลป์ ขออัญเชิญคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายอำนวยพรให้ทุกท่านมีอายุมั่น ขวัญยืน สุขภาพแข็งแรง ตลอดปีนะคะ

ขออภัยค่ะ...อาทิตย์นี้ ไม่ได้ส่งงานตามกำหนด
เพราะ....แหะๆๆๆ มันไม่มีอะไรในหัวเลยสักบรรทัด
ขออภัยจริงๆ

Submitted by กุณฑลทิพย์ คุณะ... on

ศิลป์จ๊ะ หายไปไหนเอ่ย ทำไมเงียบจัง

ทามัน เนการ่า ป่าฝนมลายา (4)

25 December, 2009 - 00:00 -- ngoasil

ประมาณตีสาม เราค่อยๆไต่ขึ้นสู่เขตภูเขาสูง ฉันนึกเดาเอาว่าที่นี่น่าจะเป็นเขตรัฐสลังงอร์ เพราะว่าเผอิญสายตาปะทะกับป้ายที่เขียนว่า เกนติ้ง ไฮแลนด์ มีลูกศรชี้ไปทางซ้ายมือ แต่รถยังมุ่งหน้าตรงไป กระทั่งฉันเห็นเมืองเล็กๆมีไฟฟ้าสว่างไสว สาดจับที่รูปปั้นขององค์พระศิวะสีทองอร่ามความสูงร่วมร้อยเมตร ยืนตระหง่านตรงปากทางขึ้นถ้ำซึ่งมีขนาดใหญ่โตมโหฬาร ไม่น้อยไปกว่ากัน ฉันรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นถ้ำบาตู ฮินดูสถานที่สำคัญของคนมาเลเซียเชื้อสายอินเดีย และถัดมาอีกไม่เกินครึ่งชั่วโมง มีป้ายเขียนไว้ว่า พิพิธภัณฑ์โอรัง อัสลี ฉันจึงมั่นใจว่าตอนนี้เรากำลังปีนอยู่บนสันเขาสูงที่ทอดตัวยาวกั้นแผ่นดินมาเลเซียออกเป็นตะวันออกและตะวันตก และเราย่างเข้าสู่เขตรัฐสลังงอร์แล้วจริงๆ

ทามัน เนการ่า ป่าฝนมลายา (3)

18 December, 2009 - 00:00 -- ngoasil

คุณเคยเดินทางไปในทิศทางที่ไม่คุ้นเคยบ่อยไหม ขณะนั้นหัวใจของคุณเต้นเป็นจังหวะอะไร มันระทึกตื่นเต้นโครมครามปานช้างป่าตกมันหรือเปล่า หรือว่าเรียบเรื่อยราวห่านหงส์กระดิกปลายเท้าแผ่วใต้สายน้ำนิ่ง แล้วเคลื่อนร่างไปข้างหน้าอย่างละมุน แม้แต่ผิวน้ำก็แทบจะไม่กระจาย

ทามันเนการ่า ป่าฝนมลายู (2)

11 December, 2009 - 00:00 -- ngoasil

กำแพงบางๆ ที่กั้นระหว่างความทุกข์กับความสุข คือความกระหายใคร่รู้ในบางสิ่งบางอย่างที่ต้องหาคำตอบด้วยตนเอง จะเรียกสิ่งนั้นว่า ความท้าทาย การผจญภัย หรือความใฝ่รู้ ก็น่าจะได้ แต่บางทีมันกลับเป็นเครื่องจองจำบีบรัดหัวใจให้อึดอัดจนหายใจไม่ออก และฉันไม่ชอบอารมณ์นั้นเลย ฉันจึงต้องพยายามจะเป็นฝ่ายชนะมันด้วยการออกเดินทางเพื่อไปหาคำตอบ แม้จะอยู่สุดหล้าฟ้าเขียวก็ตาม

 

ทามันเนการ่า ป่าฝนมลายู ( 1)

4 December, 2009 - 00:00 -- ngoasil

ป่าในสำนึก คือวิหารอันโอฬาร ที่เปลี่ยนแปลงรูปทรงทุกขณะที่เคลื่อนเข้าใกล้ มีพลังดึงดูด มีมนต์สะกด มีความยิ่งใหญ่ที่ข่มให้เราตัวเล็กลง ฉันจึงหลงรักการถูกครอบงำนี้ อย่างไม่อยากถอนใจ

ประตูบานที่สาม

27 November, 2009 - 00:00 -- ngoasil

ฉันได้ตายลงแล้วจริงๆ เพราะเบื้องหน้าที่มองเห็นคือท่านท้าวพญายมราช

"ทำไมเจ้าจึงเลือกประตูบานที่สาม"
น้ำเสียงเข้มขรึมไม่ด้อยไปกว่าท่วงท่าอันน่าเกรงขามบนบัลลังค์ ฉันซึ่งนั่งคุกเข่าก้มหน้าหลบสายตา ยิ่งต้องทำตัวห่อลีบ ประหนึ่งหลบหลีกคมหอกดาบที่พุ่งมาพร้อมกับคำถามนั้น