Skip to main content


















(
๕๓)

บางวิถีข้า

หนาวลมอดีต

หอมความทรงจำ

 

(๕๔)

ลมหนาวมาเยือนอีกแล้วชีวิต

ถึงเวลาแล้วที่ข้าจะได้เรียนรู้

ความบาดเจ็บและเหน็บหนาวอีกครั้ง

 

(๕๕)

ความป่วยไข้

ทำให้ข้ารู้จัก

ความจริงที่ว่างเปล่า

 

(๕๖)

คืนดึกนั่งบนระเบียงไม้ไผ่

ปิดไฟทุกดวงอยู่ในความมืด

ปล่อยให้ดวงดาวเปล่งแสงตัวเอง

 

(๕๗)

นั่น,ดวงดาวระบำกลางเวิ้งฟ้า

สายลมหนาวสนทนากับข้า

ปลดปล่อยชีวิตให้เรียนรู้สัมผัส

 

(๕๘)

ลมหนาวยะเยือก
ก่อไฟ ต้มน้ำ จิบชา ครุ่นคำนึง
ทำให้หัวใจอุ่นได้

 

(๕๙)

เช้านี้พี่ชายจูงวัวมาเลี้ยงในสวน

เสียงกระดึงวัว

ปลุกสวนให้ตื่นฟื้น

 

(๖๐)

สองข้างทางเดินรกเรื้อปกคลุมด้วยหญ้า

ข้าจูงฝูงวัวไปเล็มหญ้า นานจนแดดกล้า

วัวอิ่มหญ้า ทางเดินโล่งเตียน

 

(๖๑)

ข้าหัวเราะ

ฝูงวัว

กลายเป็นเครื่องตัดหญ้าที่มีชีวิต

 

(๖๒)

หลานชายบอกว่าเพียงชั่วโมงเดียว

ปล่อยให้วัวกินหญ้าจนเหี้ยนเตียน

ไม่ต้องเปลืองแรง เปลืองน้ำมัน


(
๖๓)

เหมือนเด็กน้อยมองเห็นของแปลก

ลูกวัวสองตัวสูดจมูกย่างเท้าเข้าหาแมวนอนหมอบนิ่ง

ต่างฝ่ายต่างตกใจ ก่อนกระโจนวิ่งหนี

 

(๖๔)

บ่ายแก่ๆข้าเดินลัดไปในสวนข้างบ้าน

ความหิว

ทำให้ข้าเข้าแย่งมะละกอจากนกป่ามากิน

 

(๖๕)

ค่ำแล้ววัวน้อยแสนซน

ยังเดินวนเวียนรอบกระท่อมปีกไม้

เหมือนกำลังตื่นเต้นกับของเล่นชิ้นใหม่

 

(๖๖)

นอนฟังเสียงค่ำคืน

กระดึงวัวกังวาน

ในหุบเขา

 

(๖๗)

ฟังสิ,

ยินเสียงแผ่นดินขับกล่อมไหม

มาเถิดคืนกลับสู่อ้อมกอดของความจริง

 

(๖๘)

ฤดูหนาว

การเดินทางของกลางคืน

ช่างเชื่องช้ายาวนาน

 

(๖๙)

0.00 .

หนาว 9 องศา

ข้าตัดใจเลิกเขียนหนังสือ

 

(๗๐)

ดึกแล้วข้านอนนิ่งในความมืด

นึกถึงโลกภายนอก

กำลังเคียดแค้นและชิงชัง

 

(๗๑)

สายลมรำพัน

ทำไมคนเราไม่จุมพิตความรัก

ไม่โอบกอดความเมตตา


บล็อกของ ภู เชียงดาว

ภู เชียงดาว
 
ภู เชียงดาว
   
ภู เชียงดาว
 
ภู เชียงดาว
  จู่ๆ คุณก็รู้สึกเหนื่อยเพลีย ข้างในเหมือนว่างโหวง ไม่สดชื่นรื่นรมย์เหมือนแต่ก่อน มือเท้าชา ร่างกายอ่อนแรง สมองมึนงง คิดโน่นลืมนี่อยู่อย่างนั้น ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทั้งๆ ที่คุณก็หลีกหนีห่างจากเมืองอันสับสน ไกลจากผู้คนของความอึงอล มาอยู่ในหุบเขาสงบเงียบแบบนี้  
ภู เชียงดาว
  1.
ภู เชียงดาว
-1- หลังการเก็บเกี่ยวข้าว นวดข้าว ขนข้าวมาเก็บไว้ในหลอง(ยุ้งฉาง)ของชาวนา ไม่นาน ท้องทุ่งเบื้องล่างก็ดูเปิดโล่ง มองไปไกลๆ จะเห็นตอซังข้าว กับกองฟางสูงใหญ่กองอยู่ตรงนั้น ตรงโน้น กระนั้น ท้องทุ่งก็ไม่เคยหยุดนิ่ง มันมีชีวิต มีการเคลื่อนไหวอยู่อย่างต่อเนื่องตลอดเวลา เท่าที่เขาเฝ้าดู ในหน้าแล้ง หลังฤดูกาลเก็บเกี่ยว คนเลี้ยงวัวประจำหมู่บ้านคงมีความสุขกันถ้วนหน้า พวกเขารู้ดีว่าจะทำอย่างไงหลังจากชาวนาขนข้าวขึ้นหลองเสร็จเรียบร้อย คนเลี้ยงวัวจะรีบปล่อยฝูงวัวสีขาวสีแดงหลายสิบตัวลงไปในทุ่งโดยไม่ต้องบอกเจ้าของนา ไม่มีใครว่า ปล่อยให้มันเล็มยอดอ่อนจากตอซังข้าว บ้างก้มเคี้ยวเศษฟางข้าว…
ภู เชียงดาว
เกือบค่อนปีที่ข้าตัดสินใจหันหลังให้กับใบหน้าของเมืองใหญ่ มุดออกมาจากกล่องของความหยาบ แออัดและหมักหมม ถอยห่างออกมาจากความแปลก แยกออกมาจากความเปลี่ยน สลัดคราบมนุษย์เงินเดือน สลัดความเครียดที่สะสม สลัดทิ้งซึ่งพันธนาการ ตำแหน่ง หน้าที่การงาน และความโลภ ที่นับวันยิ่งพอกพูนสุมหัวใจข้า - - กระชาก ขว้างทิ้งมันไว้ตรงนั้น อา,ทุกอย่างช่างหน่วงหนักและเหน็ดหน่าย - -ย้อนถามตัวตน ข้าระเหระหนเดินทางมาไกลและแบกรับสัมภาระมากเกินไปแล้ว !