นิวยอร์คในยามต้นฤดูใบไม้ผลิยังคงร่องรอยของความหนาวไว้บ้าง แต่โดยรวมอากาศที่อบอุ่นทำให้ผมไม่ต้องใส่เสื้อผ้าหลายชั้น เมื่อเทียบกับหลายเดือนที่ผ่านมา
ผมเลือกพักย่านไทม์สแควร์ซึ่งเป็นจุดที่คนมานับถอยหลังสู่ปีใหม่ เป็นย่านโรงละครและแหล่งช็อปปิ้ง ในยามค่ำคืนคนจะออกมาเดินเที่ยวในย่านนี้ เพราะมีแสงสีให้ชม มีตัวละครอย่างแบทแมน มีเนียม หมีพูห์ สเมิร์ฟ ชิวเบ็คก้า ไอ้แมงมุม และตัวการ์ตูนอื่นๆ
ในตอนเช้าสามารถเดินข้ามถนนไปร้านกาแฟฝั่งตรงข้ามเพื่อกินอะไรง่ายๆ ก่อนจะเดินไปตามหาความฝันที่ตั้งใจไว้
ในการมาเยือนนิวยอร์คครั้งนี้ ผมมีฝันเล็กๆ คือการได้ไปดูละครสักเรื่อง ไปเดิน Museum of Natural History และเซ็นทรัลปาร์ค ไปร้าน Strands Books และกินอาหารจีนที่ย่านเยาวราช แม้อยากจะไปเดินเล่นย่านเชิงสะพานบรู๊คลิน หรือย่านอาคารเวิร์ลเทรดเซ็นเตอร์เก่า แต่คงไม่มีเวลาพอที่จะทำได้หมด และผมเองก็อยากจะดื่มด่ำความเดียวดายนี้เอาไว้มากกว่าจะเร่งเร้าตัวเองจนเกินไป
ทำไมต้องนิวยอร์ค? เหตุผลง่ายๆ ก็คือเมืองนี้ใกล้อัลบานีและอิทากะ ซึ่งผมสามารถกลับบอสตันได้ด้วยรถเมกาบัสในราคาเพียงสิบเก้าเหรียญเศษเท่านั้น นอกจากนี้ ผมยังอยากไปที่ที่เคยไป เช่น ไชน่าทาวน์ ยูเนียนสแควร์ และไปในจุดที่ไม่เคยไป เช่น เซ็นทรัลปาร์ค ที่เคยผ่าน แต่ไม่เคยเดินเล่นแบบสบายๆ ไม่เร่งรีบ มาครั้งแรกก็มาช่วยเพื่อนทำงาน แม้จะอยู่นาน แต่ก็ไม่มีเวลามากนัก นอกจากไปดูละครเรื่อง Phantom of the Opera ซึ่งก็นับว่าคุ้มค่าอยู่ มาครั้งที่สองก็มาแวะเที่ยว แต่มันแปลกประหลาดตรงที่เป็นการเดินทางที่มีเพื่อนร่วมทาง ในขณะที่ความสัมพันธ์ของเราไม่ราบรื่น คราวนี้ผมถึงพยายามให้เวลากับตัวเองมากๆ ก่อนจะกลับบ้านเกิดเมืองนอน ซึ่งไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนที่จะได้มาที่นี่อีก
เช้าวันเสาร์ ผมวางแผนไปเดินเที่ยวเล่นใกล้ๆ พร้อมกับซื้อตั๋วละครเรื่อง The King and I ที่แสดงโดย เคน วาตานาเบ กับ เคลลี่ โอฮารา โชคดีที่ผมได้ตั๋วใบท้ายๆ ของวันอาทิตย์ เพราะผมพยายามจองตั๋วหน้าเว็บ แต่ระบบการขายตั๋วทางเว็บก็ยุ่งยากพอสมควร เพราะเขาต้องเอาไปทำราคาก่อน ส่วนตั๋วที่ไม่สามามารถทำราคาได้ถึงจะปล่อยมาในนาทีท้ายๆ นอกจากนี้ ต้องดู demand ของตั๋วในแต่ละช่วงเวลา เช่น ถ้าเป็นวันหยุด หรือวันสุดสัปดาห์ก็ยิ่งแพง
เรื่อง The King and I เป็นเรื่องของแหม่มแอนนา เลโอโนเวนในราชสำนักสยามสมัยรัชกาลที่ 4 ในฐานะของครูสอนภาษาอังกฤษ และเข้ามาสังเกตุการณ์ความเป็นไปในราชสำนัก โดยเฉพาะในฐานะของพระอาจารย์พระราชโอรสและพระราชธิดา เธอเป็นผู้บันทึกโศกนาฏกรรมในราชสำนัก ซึ่งยังเป็นข้อถกเถียงมาถึงปัจจุบัน ระยะเวลาที่เธออยู่ไม่นานมาก แต่ลูกชายของเธออยู่ในสยามในวัยหนุ่ม ถึงกับใช้ชีวิตในเมืองเชียงใหม่และมีเรื่องอื้อฉาวถึงการใช้ชีวิตส่วนตัวของเขาแบบห่ามๆ กับหมอชี๊ค ที่ตั้งฮาร์เร็มส่วนตัวริมแม่น้ำปิงทีเดียว
ละครเรื่องนี้ได้รับความสนใจมากๆ เพราะตัวละครเด่นนั้นแสดงโดยดาราชื่อดังอย่างเคน วาตานาเบที่แสดงภาพยนต์เรื่อง The Last Samurai ส่วนเคลลี่ โอฮารานั้น แสดงมาในหลายบทบาท คาดว่าเธอจะได้รับรางวัลเด่นแน่ๆ จากละครเพลงเรื่องนี้ อีกทั้งยังสถานที่แสดงคือโรงละคร Vivian Beaumont แห่ง Lincoln Center Theater ด้วย ยิ่งทำให้คนหลั่งไหลกันมาชม
เรื่องราวและเสียงเพลงมีท่วงสนุกสนาน แต่มีบางช่วงบางตอนที่ผมเองในฐานะคนไทย รู้สึกแปลกๆ ซึ่งก็พอจะเข้าใจได้ในการเล่าเรื่องจากมุมของสตรีผิวขาวที่เข้ามาใช้ชีวิตในราชสำนัก เธอสอนให้คนอ่านกระท่อมน้อยของลุงทอม (Uncle Tom’s Cabin) ที่เล่าเรื่องชีวิตทาสและการปลดปล่อยทาส
เอาเป็นว่าผมสนุกกับละครที่ไม่มีวันได้แสดงในบ้านเราแน่ๆ ด้วยเหตุผลหลายประการ
ส่วนวันจันทร์ที่เป็นวันสุดท้ายในนิวยอร์ค ผมเลือกไปเดิน American Museum of Natural History ข้าง Central Park โดยคาดว่าจะมีเวลาเดินสบายๆ
พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติแห่งนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง เพราะมี collection ของสิ่งล้ำค่ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นตัวอย่างฟอสซิล ตัวอย่างสัตว์สตั๊ฟในห้องแสดง เช่น ห้องอาฟริกัน รวมไปถึงวัตถุทางวัฒนธรรมจากวัฒนธรรมต่างๆ ทั่วโลก ทั้งในแง่ประวัติศาสตร์และมานุษยวิทยา โดยเฉพาะชุดมานุษยวิทยานั้นมีหุ่นในชุดหมอผีและพิธีกรรมจัดแสดง พร้อมๆ กับชุดประจำชาติต่างๆ จากทุกมุมโลก
หนึ่งในความฝันก็คือการได้มาชมห้องที่เป็นแรงบันดาลใจในงานวิทยานิพนธ์ของผมเรื่องอันตรภาพ หรือ diorama ที่ Donna Haraway กล่าวถึงในงานของเธอเรื่อง Primate Visions ที่ Carl Akeley ไปล่าสัตว์มากมายเพื่อเก็บ “ตัวอย่าง” เอามาสร้าง African Hall ที่มีเป้าหมายเพื่อ “การสร้างสำนึกการอนุรักษ์ธรรมชาติ” แต่เริ่มต้นด้วย “การทำลาย”
ข้างหน้ามีรูปปั้นของประธานาธิบดี Ted Roosevelt บนหลังม้าโดยมีทาสอาฟริกันและชาวอินเดียนแดงในชุดพื้นเมืองแต่สำแดงออกมาในรูปกึ่งเปลือย ขณะที่ประธานาธิบดีใส่เครื่องแบบเต็มยศ ก็บอกอะไรได้มากมายเกี่ยวกับประเทศและสถานที่แห่งนี้ เท็ดดี้ รูสเวลท์ได้ชื่อว่าเป็นนักนิยมไพรคนสำคัญ ดังนั้นพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จึงอุทิศพื้นที่ส่วนหนึ่งรำลึกถึงเขา
เรื่องเล่าชุดนี้เองที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผมสร้างชุดคำอธิบายเรื่อง Siamese Diorama หรือ สยามอันตรภาพ เพื่ออธิบายชุดของจินตนาการชาติกระแสหลักในงานศิลปะประเพณีและนวประเพณีนิยม ขณะที่งานศิลปะร่วมสมัยมีนัยสำคัญในการเซาะกร่อน ท้าทายจินตนาการหลักชุดนี้
ผมใช้เวลาเกือบทั้งวัน และเกือบลืมไปว่าต้องออกไปเดินเล่นสวนสาธารณะเซ็นทรัลปาร์ค ในยามบ่ายนี้ผมมีเวลาไม่มาก ผมออกจากพิพิธภัณฑ์แล้วเดินข้ามถนนมายังสวนสาธารณะที่บรรดาดอกไม้กำลังผลิบาน กิ่งก้านใบเขียวกำลังแทงช่อออกมาหลังจากผ่านพ้นฤดูหนาว
ฟ้าใสๆ ของนิวยอร์คตัดกับบึงใหญ่ ขณะที่มีตึกสูงระฟ้าเป็นฉากหลังประดับขอบฟ้า ในสวนมีคนออกมาเดินมากมาย ทั้งนักท่องเที่ยวและคนเมือง ต่างออกมาเดินวิ่ง พาเด็กๆ มาเดินเล่น
โดยไม่รู้ว่าเพราะอะไร ผมตัดสินใจไปร้าน Strand Book Store และไปเดินแถวยูเนียนสแควร์จนเกือบจะทำให้ผมพลาดรถบัส เพราะลืมว่าเป็นบ่ายวันจันทร์ ผมรีบกลับไปเอาของที่โรงแรม จากนั้นก็ไปขึ้นรถไฟใต้ดินไปท่ารถบัสที่ถนนสาย 34 ระหว่าง ถนน 11 กับ 12 รอขึ้นรถบัสเพื่อกลับบอสตัน
ผมรู้พิกัดคร่าวๆ แต่ไม่คิดว่ามันจะไกลจากสถานีรถไฟใต้ดินอยู่ราวเกือบหนึ่งกิโลเมตร ทั้งกระเป๋าและเป้เริ่มหนักอึ้ง ผมต้องเตรียมอาหารเย็นของผมด้วย (รถเมกาบัสไม่สะดวกสบายเท่ารถบัสของคอร์แนลที่มีของว่าง แน่นอน เพราะรถบัสคอร์แนลค่าตั๋วราคา 90 USD)
ในระหว่างทาง ผมรีบถึงขนาดต้องใช้วิธีกึ่งเดิน กึ่งวิ่ง เพราะตั๋วรถระบุเวลาหกโมงสิบนาที ขณะที่ผมมีเวลาเหลือประมาณครึ่งชั่วโมง ขณะเดินผ่านสำนักข่าวอัล จาซีรา ก็อดถ่ายรูปเป็นที่ระลึกไว้ไม่ได้
รถบัสแล่นผ่านย่านต่างๆ ของนิวยอร์ค พอให้เห็นเป็นที่ระลึกถึงเรื่องราวทั้งวันวานและวันนี้ได้บ้าง ขณะที่ออกจากเขตเมืองพระอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าพอดี
กว่ารถจะเข้าสถานีปลายทางที่บอสตันก็เป็นเวลาสี่ทุ่มสิบนาที ผมจับรถไฟใต้ดินเข้าไปพักกับอาจารย์พิชญ์อีกสองคืนก่อนจะเดินทางกลับเมืองไทย เมื่อถึงที่พักอาจารย์พิชญ์ก็เตรียมอาหารเย็นไว้แล้ว
หลังจากเอาหนังสือเรื่องความจริงเพื่อความยุติธรรม อันเป็นรายงานของศูนย์ข้อมูลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุม กรณี เม.ย.-พ.ค.53 (ศปช.) ไปมอบให้ห้องสมุด Widener Library ในวันสุดท้ายของผมในฮาร์วาร์ดแล้ว ผมมีนัดสำคัญกับหญิงสาวคนหนึ่งที่รู้จักกันมานาน ผมเลือกนัดพบเธอร้านอาหารไทยใกล้มหาวิทยาลัย เพื่อเธอจะได้กลับไปสอนทันเวลา เรามีเรื่องสนทนามากมาย รวมทั้งเรื่องที่เธอตัดสินใจจะย้ายไปสอนที่มหาวิทยาลัยอื่น แผนการช่วงฤดูร้อนที่เธอต้องพาพ่อแม่ไปเที่ยวในช่วงวันหยุด เราคุยถึงเรื่องอื่นๆ มากมายจนเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เราถ่ายรูปด้วยกันเป็นที่ระลึกและไปดื่มกาแฟร้านที่เราเคยไปด้วยกัน ก่อนที่ผมจะเดินไปส่งเธอที่หน้าห้องบรรยาย เราโอบกอดร่ำลากันโดยไม่รู้ว่าจะได้พบกันอีกเมื่อไหร่ ฉากชีวิตของเราคงจะเป็นความทรงจำที่ดีเสี้ยวหนึ่ง
ผมเดินจากอาคารของฮาร์วาร์ดที่ได้ใช้เวลาในห้องสมุดแห่งนี้เกือบห้าเดือน นึกถึงห้วงเวลาที่หิมะตกหนัก คืนที่หิมะโปรยเป็นสายกองพะเนินบนลานหน้าอนุสาวรีย์และหอสมุด ตลอดจนความเงียบเหงาช่วงวันหยุดขอบคุณพระเจ้าและวันคริสต์มาส บัดนี้มันผ่านพ้นไปแล้ว ผมไม่มีโอกาสดื่มด่ำฤดูใบไม้ผลิได้ เพราะโมงยามของการจากลามาถึง
กว่าห้าเดือนของการนั่งอ่านเขียนในหอสมุดที่งดงาม ได้ชมพิพิธภัณฑ์และแลกเปลี่ยนพูดคุยสัมมนาทางวิชาการในฮาร์วาร์ด นับเป็นช่วงที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งของผม ทั้งมิตรภาพในวงวิชาการก็ทำให้ความหนาวเหน็บปลาสนาการไป
รุ่งเช้า อาจารย์พิชญ์ตื่นมาส่งผมขึ้นรถแท็กซี่หน้าห้องพัก ผมถ่ายภาพอาจารย์พิชญ์ยืนพิงร้านกาแฟสตาร์บัคส์ และพบว่าอาจารย์พิชญ์เอาบทกวีของหลี่ไป๋ ** ที่อาจารย์อภิวัฒน์ส่งให้มาแปะคู่กับภาพถ่ายที่ผมส่งไปให้ทีหลัง ผมถอดความเป็นภาษาไทยไว้ว่า
ทิวเขาเขียวทาบทาดั่งกำแพงในทิศอุดร
ลำธารใสไหลเชี่ยวจากทิศบูรพา
ที่นี้คือที่ซึ่งเขา, โดยลำพังและมุ่งมั่น,
เริ่มต้นการเดินทางนับพันลี้
หมู่เมฆาเคลื่อนสะท้อนความคิดนักเดินทาง
ตะวันยอแสงดังบอกความนัยมิตรสหาย
จึงโบกมือร่ำลาจากที่นี้
กุมบังเหียนขยับม้าจากไปเพียงเดียวดาย
* บทความในชุดชีวิตนักวิชาการในเคมบริดจ์ แมสซาจูเส็ตส์ตอนนี้เป็นตอนสุดท้าย รวมทั้งสิ้น 22 ตอน โดยผมเขียนขึ้นเพื่อสะท้อนความคิด ประสบการณ์ในฐานะนักวิชาการที่มาแลกเปลี่ยนทางวิชาการที่โครงการไทยศึกษา Thai Studies Program, Asia Center, Harvard University โดยการสนับสนุนของทุน US-ASEAN Visiting Scholar Program (USAS) จากมูลนิธิฟุลไบรท์ เป็นเวลาสี่เดือน รวมระยะเวลาที่ผมพำนักในสหรัฐอเมริการาวห้าเดือน ระหว่างวันที่ 18 พฤศจิกายน 2557- 16 เมษายน 2558 โดยเป็นการลา Sabatical Leave จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง
** Seeing a Friend Off
Green mountains range beyond the northern wall.
White water rushes round the eastern town.
Right here is where, alone and restless, he
Begins a journey of a thousand miles.
While travellers' intents are fleeting clouds,
A friend's affection is a setting sun.
He waves good-bye, and as he goes from here,
His dappled horse lets out a lonely neigh.)
(บทกวีของหลี่ไป๋ Li Bai แปลจากภาษาจีนโดย Stephen Carlson)