โดย ฮิโตมิโตกูฉะดะ
หากจะนับว่าหนังเรื่องไหนได้รับการยกให้เป็นหนังอีโรติก หรือพิงค์ฟิล์มเรื่องแรกของญี่ปุ่น คำตอบคือผลงานของ ซาโตรุ โคบายาชิ ในปี 1962 ที่ชื่อว่า 肉体の市場(Nikutai no Ichiba) หรือ Flesh Market ที่อาจตั้งชื่อไทยได้ว่า "ตลาดโลกีย์"
หนังเรื่องนี้เปิดฉายที่โรงอุเอโนะ โอคุระ ในกรุงโตเกียว โดยบริษัท โอพี เองะ เมื่อ 27 กุมภาพันธ์ 1962 และหลังการฉายได้เพียงสองวัน ตำรวจโตเกียวก็ทำการระงับการฉายพร้อมยึดตัวฟิล์มก๊อปปี้ และฟิล์มต้นฉบับ ด้วยข้อหาอนาจาร กลายเป็นหนังเรื่องแรกหลังสงครามโลกครั้งที่สองที่ถูกตั้งข้อหาดังกล่าว
ต้นฉบับของ Flesh Market มีความยาวเพียง 49 นาทีเท่านั้น (ปัจจุบันตัวหนังต้นฉบับหลงเหลือเก็บรักษาในหอภาพยนตร์เพียง 21 นาที) ว่าด้วยเรื่องราวของหญิงสาวที่ถูกลักพาตัวโดยแก๊งค์อาชญากรรม ระหว่างตำรวจกำลังสืบสวนการฆ่าตัวตายที่หาสาเหตุไม่ได้ที่เกิดกับพี่สาวของเธอในโตเกียว ซึ่งสิ่งที่ทำให้หนังถูกยกเป็นหนังพิงค์ฟิล์มเรื่องแรกเพราะมันเป็นหนังญี่ปุ่นเรื่องแรกที่เผยให้เห็นหน้าอกของผู้หญิง
ทามากิ คาโตริ นักแสดงนำของเรื่องยังกลายเป็นหนึ่งในภาพจำของหนังพิงค์ฟิล์ม เธอแสดงหนังเรื่องนี้ขณะอายุ 23 ปี และมีงานแสดงต่อเนื่องในหนังพิงค์ฟิล์มต่ออีกร่วมสิบปี มีเครดิตในหนังที่แสดงนำ และร่วมแสดงถึง 600 เรื่อง จนได้ฉายาว่าเจ้าหญิงพิงค์ฟิล์ม(Pink Princess)
ขณะที่ผู้กำกับ ซาโตรุ โคบายาชิ หลังจากสร้างชื่อจากหนังเรื่องดังกล่าว เขาก็ได้รับโอกาสผลิตงานแนวนี้มาต่อเนื่องอีกถึง 30 ปี โดยมีหนังที่เขากำกับกว่า 400 เรื่อง
หากใครสงสัยว่าทำไมหนังอีโรติคของญี่ปุ่น หรือหนังเอวีจำนวนมากมักวนเวียนกับแนวซาดิสม์-มาโซคิสม์ ที่ชายหญิงมีการทำร้ายทารุณทางร่างกายต่อกัน ตั้งแต่ใช้กำลัง หรือการใช้เชือก... ก็อาจกล่าวได้ว่าจุดเริ่มต้นก็มาจากหนังพิงค์ฟิล์มเรื่องแรกนี่เอง
โคบายาชิ เกิดที่จังหวัดนางาโนะ ในปี 1930 ศึกษามาทางด้านการละคร ทำงานกับการแสดงบูโต ออกแบบฉาก และเขียนวิจารณ์การแสดงละครขณะเรียนมหาวิทยาลัย ชีวิตช่วงวัยรุ่นเขาเติบโตช่วงสงครามโลกครั้งที่สองพอดี และเกี่ยวข้องกับกิจกรรมต่อต้านสงคราม และส่งผลให้ถูกจับกุมโดยตำรวจกองทัพแห่งจักรวรรดิญี่ปุ่น ที่มักซ้อมทรมานผู้ต้องหาอย่างรุนแรง เขาอ้างว่านี่เป็นประสบการณ์ฝังใจที่ทำให้เขาสนใจและมักถ่ายทอดแนวซาโด-มาโซคิสม์ลงในหนังพิงค์ฟิล์มของเขาเสมอ
ปี 1954 เขาได้ทำงานกับ ชินโตโฮ สตูดิโอ ในฐานะผู้ช่วยผู้กำกับ เคยร่วมงานกับ เทรุโอะ อิชิอิ และ ฮิโรชิ ชิมิสุ ปรมาจารย์ด้าน ero guro(งานศิลปะที่เน้นเนื้อหาทางเพศ และความรุนแรง) ก่อนเขาจะได้กำกับหนังเรื่องแรกในปี 1959 ซึ่งงานนับตั้งแต่เรื่องแรกเป็นต้นมาก็แสดงให้เห็นว่าเขาสนใจการสร้างหนังที่เน้นเนื้อหาเรื่องเพศและความรุนแรงมาก่อ่นแล้ว
คินยะ โองาวะ หัวหน้าผู้ช่วยผู้กำกับของหนังเรื่องนี้ซึ่งเป็นคนจัดการนำเวอร์ชั่นใหม่ของหนังที่ผ่านการตัด จนปีต่อมาถึงได้ออกฉายแบบจำกัดเฉพาะโรงสำหรับผู้ใหญ่เท่านั้น โดยเพิ่มใส่ฟุตเตจอื่นๆ จากหนังเข้าไปใหม่ และตัดฉากอื้อฉาวบางฉากออกไปถึงเจ็ดฉาก เล่าว่าเวอร์ชั่นใหม่ที่ได้ออกฉายนั้นทำเงินเป็นอย่างดี จากทุนสร้างเพียงราว 6-8 ล้านเยน แต่กลับทำเงินถึง 100 ล้านเยน เพราะสื่อเอาข่าวนี้ไปพาดหัวแทบทั้งสิ้น และเกิดคำใหม่ที่เรียกว่า Eroduction เพื่ออธิบายหนังแนวใหม่ และต่อมาถูกเรียกว่า Pink Film
ความสำเร็จของหนังทำให้พิงค์ฟิล์มกลายเป็นแนวหนังที่สำคัญและส่งอิทธิพลถึงปัจจุบัน
ข้อมูลจาก Wikipedia
พิศวาสความรู้คู่กามารมณ์
-------