Skip to main content

ฉันเพิ่งกลับมาจากหมู่บ้านหลังดอยค่ะ ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ไม่ได้คุยกับใครนอกพื้นที่ แต่ทันทีที่ลงมาจากดอย เปิดเมลพบว่ามีรูป ฯพณฯ ท่าน "สมชาย วงศ์สวัสดิ์ " ที่มีหน้าเปื้อนสีเลือดส่งเข้ามา ใต้ภาพเขียนว่า “คนบ้านเดียวกันกับคุณ-งานหน้าไม่ล่ะ

ฉันลบภาพทิ้งทันที และรีบไปที่ก๊อกน้ำล้างหน้า แต่ความรู้สึกสลดหดหู่ไม่ได้จางหาย มันหดหู่จริง ๆ “คนบ้านเดียวกัน” กับ “เสื้อสีเดียวกัน” นอกจากแยกเสื้อแดงเสื้อเหลืองแล้ว ยังแยกคนลูกบ้านไหนกันด้วย

สองวันก่อนนั่งรถแดงในตัวเมืองเชียงใหม่ นั่งข้างหน้าคู่ไปกับคนขับ คนขับรถชวนคุยเรื่องฯพณฯท่าน เขาพูดว่า “นายกฯคนใหม่เป็นคนสองนคร”

ฉันงงว่าเป็นคนสองนครอย่างไร
นครเชียงใหม่กับนครศรีธรรมราช” พูดแล้วเขาก็หัวเราะ “เขยนครเชียงใหม่” ฉันไม่ได้คุยต่อ นอกจากส่งเสียง อ๋อ
...เพราะอ่านสถานการณ์ในเสียงหัวเราะไม่ออก และไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีแบบว่าจุกอกนั่นแหละ

เขาว่า ผลีผลามคุยแบบเรื่องนี้ไม่ได้ เช่นเดียวกับสวมเสื้อเหลืองเสื้อแดง

ช่วงนั่งรถขึ้นดอยอินทนนท์เพื่อไปแม่แจ่ม สวนทางกับรถที่มีธงชาติประเทศไทย นับดูคร่าวๆ ไม่ต่ำกว่า 100 คัน สวนลงมาเป็นขบวน มีธงชาติทุกคัน คนที่นั่งรถไปด้วยต่างสงสัยว่า พวกเขาจะไปไหนกัน บ้างก็ว่า “น่าจะไปกรุงเทพฯ”

ถ้าไปกรุงเทพฯก็น่าเป็นห่วงมากกลัวม๊อบจะชนม๊อบล้มเจ็บล้มตาย”
บางคนว่าเป็นม็อบข้าวโพด เสียมากกว่า ตอนนี้เข้าโพดราคาตกต่ำมาก ๆ”
แต่ลักษณะไม่ใช่คนปลูกข้าวโพดนะ”

คนปลูกพืชเชิงเดี่ยวต่อไปจะลำบากมาก ๆ เพราะส่งขายไม่ได้ กินเองก็ไม่ได้

ฉันก็อยากรู้ไม่แพ้คนอื่นว่า ขบวนรถที่สวนมานั้นเป็นพวกไหนและจะไปไหน รถที่มีธงชาติข้างหน้าจะเดินทางไปไหนกัน

น่าจะไปอยู่กันหลายวัน เพราะมีรถขนเสบียงอาหารปิดท้าย” หนุ่มคนหนึ่งพูดขึ้น
ผ่านด่านตรวจมาแล้วจะถามใครก็ไม่ได้ โทรศัพท์ก็ไม่มีสัญญาณ

ในที่สุดก็ได้คำตอบ พวกเขาไปแค่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ เป็นกลุ่มข้าวโพด ข้าวโพดราคาตกต่ำ กิโลละ 4 บาท คนปลูกข้าวโพดขาดทุน เพราะปุ๋ยราคาแพง ทั้งปุ๋ย ทั่งยาฆ่าแมลง ล้วนราคาแพง

ที่นี่ถูกทำให้เป็นเมืองภูเขาข้าวโพด ภูเขาเป็นลูกๆ ที่ใช้ปลูกข้าวโพด มองไปสุดลูกหูลูกตาทีเดียว ได้ยินตัวเลขแล้วตกใจ หกหมื่นกว่าไร่ เฉพาะในอำเภอแม่แจ่ม (หกหมื่นกว่าได้มาจากผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งบอกมา จริงหรือเปล่าไม่แน่ชัด) แต่เท่าที่มองด้วยสายตาภูเขาหลายลูกเป็นภูเขาข้าวโพดจริงๆ แม้แต่ริมถนนหนทางขึ้นดอยก็เป็นข้าวโพด

นี่คือผลของการส่งเสริมการปลูกพืชเชิงเดี่ยวของกลุ่มทุนกับรัฐบาล นำมาซึ่งการบุกรุกพื้นที่ป่า และการใช้ปุ๋ย ใช้สารเคมีอย่างหนัก เป็นความผิดพลาดในการบริหารประเทศของรัฐบาลมาหลายยุคหลายสมัย

เมื่อลงมาจากดอยนอกจากได้เมลเรื่อง ฯพณฯ สมชาย หน้าเปื้อนสีเลือดแล้ว ยังได้รู้ว่า นักบินไล่ สส.ลงจากเครื่องบิน หมอในโรงพยาบาลบางแห่งจะไม่รักษาผู้ป่วย ที่เป็นตำรวจ ส่วนผู้ป่วย ผู้บาดเจ็บจากพันธมิตรอาการหนักหลายคน

หญิงสาวลูกสาวของพ่อคนหนึ่งตาย ส่วนแม่บาดเจ็บอยู่โรงพยาบาล ศิลปินคนวาดภาพคนหนึ่งมือขาด นี่เป็นผลมาจากการสลายการชุมนุมเพื่อเปิดพื้นที่ให้กับคณะรัฐบาลเข้าไปแถลงนโยบาย มองเห็นภาพพวกเขาเดินลุยแม่น้ำสายเลือด และเดินฝ่าหมอกควันไฟเข้าไป โดยไม่สนใจเสียงร้องไห้ของใคร

พวกเขายังพูดว่า สถานการณ์ยังไม่ถึงทางตัน
นับว่าเป็นข่าวที่สลดหดหู่จริง ๆ

เพื่อนคนหนึ่งบอกว่า เป็นห่วงเพื่อนๆ น้องๆ ที่อยู่ในที่ชุมนุมพันธมิตร ฉันบอกเพื่อนว่า ฉันเป็นห่วงหลานที่เป็นตำรวจและทหาร ได้ข่าวมาว่า พวกเขาเหนื่อยกันมาก และไม่มีเวลาทำอะไรเลยในชีวิตนอกจากรอเปลี่ยนเวร พวกเขาก็มีครอบครัวมีลูก บางครอบครัวลูกมาชุมนุมกับพันธมิตรด้วย

แน่นอนต่างเหนื่อยกันทุกคน ต่างไม่มีความสุข และต่างหวาดกลัว

นักการเมืองบอกว่ายังไม่ถึงทางตันอีก และจะตรวจสอบกรณีการสลายม็อบที่ใช้ความรุนแรงจนตายและบาดเจ็บถึงสี่ร้อยคน พวกเขาจะตรวจสอบใคร ตรวจสอบตัวเองนั่นแหละเป็นสำคัญ

ฯพณฯ ท่านนายกรัฐมนตรียังทรงตัวเดินได้ บอกว่า ผมจะฟังทุกฝ่าย เพราะประชาชนทุกคนเป็นเจ้าของประเทศ ประเทศไทยเป็นของทุกคน พูดแล้วก็หนีหน้านักข่าวพยายามเดินจากไปให้เร็วที่สุดก้มหน้าดันตัวเอง ดันทุรังต่อไป หรือต่างฝ่ายต่างก็ถือว่า ยังไม่ถึงทางตันและต่างดันทุรังต่อไป


บล็อกของ แพร จารุ

แพร จารุ
“จึงขอตั้งจิตมั่นว่าจะพูดแต่ความจริงด้วยถ้อยคำที่ก่อให้เกิดความมั่นใจ ความเบิกบาน และความหวัง โดยไม่กระพือข่าวที่ตัวเองไม่รู้แน่ชัด รวมทั้งไม่วิพากษ์วิจารณ์ หรือกล่าวโทษในสิ่งที่ตัวเองไม่แน่ใจ” ฉันชอบถ้อยคำนี้มาก เป็นถ้อยคำ ที่เพื่อนนำมาฝากหลังจากที่เธอกลับมาจากภาวนา เรื่องมันเป็นอย่างนี้ค่ะ... เพื่อนของฉันกลับมาจาก “ภาวนา” แบบหมู่บ้านพลัม เธอว่าดีงามมาก ใช้กับชีวิตได้ เธอพูดถึง ข้ออบรมสติ 5 ประการ แต่เธอเน้นข้อฝึกอบรม ข้อที่ 4 เธอเขียนส่งมาให้ฉันอ่าน ฉันคิดว่าเธอคงอยากให้ฉันตระหนักรู้ หรือไม่เธอก็บอกอ้อม ๆ ว่า ฉันเป็นคนที่ควรจะปฏิบัติเพราะฉันมีปัญหาในข้อนี้…
แพร จารุ
ระหว่างการพูดคุยกับเพื่อน เพื่อนนักเขียนของฉัน ไปอยู่ไกลถึงลอนดอน ช่วงที่ผ่านมาเธอกลับบ้านเพื่อมาส่งแม่เดินทางไกล เพราะครั้งนี้แม่ไปแล้วจะไม่กลับมาอีกเลย และไม่รู้ว่าเส้นทางสายยาวไกลของแม่อยู่ที่ไหน แต่สำหรับเธอ เชื่อว่า จะไปพบกันที่พระเจ้า เราไม่ได้พบหน้ากันมานาน ได้แต่คุยโทรศัพท์กัน ช่วงแรกเพื่อนนักเขียนของฉันนั่งทำงานเขียน นั่งวาดภาพ และปลูกต้นไม้อยู่ในเรือนกระจกอยู่ที่บ้าน ต่อมาเธอไม่เลือกที่จะนั่งเขียนหนังสืออยู่ที่บ้านแล้ว เธอไปทำงานที่พักคนชรา ทำงานอยู่กับคนแก่ ไม่ใช่เรื่องโรแมนติกแต่เป็นเรื่องจริงของชีวิต เธอมีการงานที่มีความเศร้า ความตายของคนแก่ที่นั่นอยู่เสมอ
แพร จารุ
ยามเช้าได้อ่านงานของดอกสตาร์ เธอเขียนจั่วหัวว่า เชียงใหม่แพ้ซ้ำซาก Chiangmai lost her beauties. ข้อเขียนของเธอบอกว่า ผังเมืองฉบับใหม่ซึ่งตอนนี้อยู่ในช่วง ๙๐ วัน ที่คนได้รับความเดือดร้อนจากผังเมืองฉบับนี้จะยื่นคำร้องเพื่อคัดค้าน ถ้ารัฐบาลไม่รับฟังและผังเมืองฉบับนี้ผ่าน โฉมหน้าเมืองเชียงใหม่คงจะอัปลักษณ์สุด ๆ รอวันตายลูกเดียว มีเรื่องฝายทั้งสามแห่งคือ ฝายพญาคำ ฝายหนองผึ้งและฝ่ายท่าศาลาอีก ของเก่าแก่ภูมิปัญญาของบรรพบุรุษสร้างไว้ให้ลูกหลานชาวล้านนาได้ประโยชน์กลับจะรื้อทิ้งโดยเห็นแก่ประโยชน์เล็กน้อยที่เทียบไม่ได้เลยกับความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นกับบ้านเมืองกับลูกหลานในอนาคต“…
แพร จารุ
พ่อหมื่นแก่ฝายคนสุดท้าย นัดพบที่หน้าฝายพญาคำ ในวันเสาร์ที่ 13 กันยายน เวลา 10.00 น. ร่วมทำพิธีสืบชะตาอีกครั้ง ชาวบ้านยอมให้มีการสร้างประตูระบายน้ำแล้ว แต่มีข้อแม้ว่า ห้ามทุบห้ามรื้อฝายโบราณทั้งสามฝาย หรือทดลองใช้ประตูระบายน้ำก่อนสองปี ว่าสามารถทดน้ำเข้าเหมืองเพื่อส่งเลี้ยงไร่นาได้หรือไม่ คือให้ลองดูว่าประตูน้ำทำหน้าที่แทนฝายหินทิ้งเก่าแก่ได้ดีแค่ไหน การจัดการน้ำด้วยระบบเหมืองฝายจะถูกเปลี่ยนมือ จากการจัดการโดยชาวบ้านในระบบแก่ฝายมาเป็นจัดการโดยรัฐชลประทาน ชาวบ้านผู้ใช้น้ำคิดอย่างไรถึงยินยอมทั้งที่ยื้อกันมานาน ถ้านับตั้งแต่ช่วงแรกที่จะมีการรื้อก็เกือบสิบปีแล้ว
แพร จารุ
ฉันได้เดินทางมายังหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ตั้งใจจะมาเที่ยวตามป่าเขาแค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศ   รัฐบาล โดยนายอำเภอ และอุทยานแห่งชาติ จัดให้มีงานบวชป่า และส่งมอบอาวุธปืน มีหนังสือจากหน่วยงานของรัฐมาถึงผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านในเย็นวันหนึ่ง มีเสียงพูดกันเบา จับใจความได้ว่า พวกเขากังวล เพราะพวกเขาไม่มีปืนจะไปมอบ ฉันฟังอย่างไม่เข้าใจ ไม่รู้พวกเขาว่าจะกังวลทำไม ไม่มีก็ไม่ต้องมอบ บอกไปว่าเราไม่มีก็จบ ก็ไม่มีจะเอามาจากไหน
แพร จารุ
 “ไม่นานคนก็ตายกันหมดโลกแน่ ๆ”หญิงสาววัยเพิ่งผ่านเลขสามพูดขึ้นก่อนล้มตัวลงนอน “พี่เชื่อไหม ไม่นานผู้คนจะตายหมดโลก” เธอพูดอีกครั้ง “อะไรทำให้เธอคิดเช่นนั้น” ฉันถามออกไปด้วยความขลาดกลัว มานอนกลางป่ากลางเขาแล้วพูดถึง เรื่องความตาย  ไม่อยากจะฟังคำตอบจากเธอ รีบเตรียมถุงนอน พร้อมที่จะล้มตัวลงนอนใกล้ ๆ เธอ คืนนี้เราเลือกที่จะไม่นอนในบ้านสบาย ๆ แต่เลือกที่จะมานอนกันในป่าเปลี่ยนบรรยากาศ   เธออธิบายต่อว่า เมื่อกลางวันได้ยินข่าวแผ่นดินไหวที่เชียงราย 3.5 ริกเตอร์  เมื่อแผ่นดินไหวที่เชียงรายได้ ก็ไหวที่เชียงใหม่ได้ หรือที่อื่น ๆ ได้ และมันคงจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ “อือ...ก็น่าจะจริง…
แพร จารุ
 เธอได้ยินไหม  คนบ้านฉันเขาตัดไม้กันอยู่ เสียงดังกรูด ๆ ๆ แล้วไม่นานก็ได้ยินเสียงไม่ล้ม ฉันฟังจนแยกออกแล้วว่า เสียงที่ล้มลงมาต้นเล็กต้นใหญ่ขนาดไหน ฉันบอกเพื่อนไปเช่นนั้น ด้วยเราพูดกันอย่างไม่เห็นหน้าจึงไม่รู้ว่า เพื่อนทำหน้าตาอย่างไร เธอคงคาดไม่ถึงว่าได้ยินเสียงตอบเช่นนี้ เธอคงผิดหวังมากทีเดียวเพื่อนโทร.มาบอกให้ฉันช่วยเขียนเรื่องการปลูกต้นไม้ เป็นโครงการหนึ่งของมูลนิธิที่เธอทำงานอยู่ ชื่อว่า โครงการป่าเมือง หรือการปลูกต้นไม้ในเมืองนั่นเอง
แพร จารุ
ขอคั่นรายการหน้าโฆษณาหน่อยนะคะ บอกจริง ๆ ว่า ช่วงนี้รู้สึกโหวงเหวงอย่างบอกไม่ถูก คุณผู้อ่านรู้จักคำว่า โหวงเหวงไหม มันเป็นอาการซึม ๆ เศร้า ๆ และรู้สึกเบา ๆ ในหัวใจ  เมื่อทบทวนดูอาการแล้ว พบว่าน่าจะมาจากสภาพสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัว ซึ่งน่าจะเป็นอาการผิดปกติจากข่าว ช่วงนี้มีข่าวมีคนตายเป็นหมื่นเป็นแสน และยังหายสาบสูญไปอีกเท่าไหร่ไม่รู้ อีกทั้งยังบาดเจ็บรอคอยอยู่อีกมาก
แพร จารุ
“พี่มันน่ากลัวจริง ๆ ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ไม้พี่ไม้ ไม้เป็นหมื่น ๆ” เธอส่งเสียงมาเหมือนถูกผีหลอกกลางวัน“อยู่แดนสนธยาที่ไหน” ฉันถามกลับไปเพื่อให้ตัวเองตั้งสติหากมีเรื่องร้าย “ไม่ใช่ต้นไม้แต่เป็นไม้เป็นหมื่น ๆ ท่อนพี่ ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย มันเยอะจริง เดี๋ยวจะถ่ายรูปส่งไปให้ดู บางต้นมีผ้าเหลืองผ้าแดงผูกโคนต้นด้วย” “ที่ไหน” “กิ่วคอหมาพี่ เขากำลังสร้างเขื่อนกิ่วคอหมา พี่รู้เรื่องนี้ไหม พูดแล้วขนลุกพี่ รอเดี๋ยว ๆ นะพี่นะจะส่งรูปไปให้ดู”“จ๊ะ แล้วเธอไปทำไม”“ขับรถผ่านมานะพี่  กลับมาจากลำปาง”เธอพูดหลายครั้งว่าเธอไม่เคยเห็นไม้เยอะขนาดนี้มาก่อนจริง ๆ และสงสัยว่าทำไมเขายังตัดไม้กันขนาดนี้…
แพร จารุ
เขาว่ากันว่า  เชียงใหม่เป็นเมืองแห่งธรรมชาติงดงาม เมืองวัฒนธรรมประเพณีเก่าแก่ จอดดูสักหน่อยซิเขาเล่ากันต่อว่า ช่วงสิบปีที่ผ่านมา เชียงใหม่เติบโตด้านการท่องเที่ยวสูงสุด ปีหนึ่งๆ มีคนมาเที่ยวเชียงใหม่มากมาย เชียงใหม่กลายเป็นเมืองที่ต้องรับภาระหาเงินทอง เมกกะโปรเจคขนาดใหญ่จึงเกิดขึ้นที่เมืองเชียงใหม่ว้าว! แล้วคนเชียงใหม่ คิดอย่างไรกับเมืองเชียงใหม่ หากไปถามคำถามนี้ ร้อยทั้งร้อยคนเชียงใหม่ต่างวิตกกังวล คนเชียงใหม่บอกว่า เมืองน่าอยู่นั้นคือเมื่อก่อน เมื่อก่อนซึ่งไม่นานเท่าไหร่ แต่เดี๋ยวนี้ คนเชียงใหม่ลำบากกับรถติดในเมือง คนเชียงใหม่กลัวน้ำท่วมเหมือนปี 2548 ฤดูร้อน…
แพร จารุ
เมื่อไม่นานมานี้ ฉันไปร่วมงาน เปิดตัวหนังสืออาหารบ้านฉัน ที่บ้านแม่เหียะใน หัวหน้าอุทยานดอยสุเทพ มาเปิดงาน ฉันฟังเสียงของท่านไม่ค่อยได้ยิน เพราะว่ายืนไกลและที่บ้านแม่เหียะใน ไม่มีไฟฟ้าใช้ ต้องใช้เครื่องปั่นไฟ เสียงเครื่องปั่นไฟดังมาก จึงไปถามชาวบ้านที่ตั้งใจไปฟังใกล้ ๆ ว่าท่านพูดอะไร แน่นอนชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่อุทยานเขาต้องตั้งใจฟังทุกอย่างที่เจ้าหน้าที่อุทยานพูด เพราะว่าชีวิตขึ้นอยู่กับอุทยานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  หรือเรียกว่าอยู่ภายใต้กฎหมายอุทยาน “ท่านพูดว่า ท่านเข้าใจว่าที่ทำหนังสือเล่มนี้ทำขึ้นมาเพราะต้องการที่อยู่ที่กิน” หญิงสาวคนหนึ่งบอกว่าท่านพูดเช่นนั้น และเธอรู้สึกดีใจมาก“…
แพร จารุ
ป้าของฉันเป็นผู้หญิงธรรมดามาก ไม่เป็นที่รู้จักของใคร  ฉันคิดว่าคนที่ป้ารู้จักมีแต่หลาน ๆ กับคนข้างบ้านเท่านั้น และคนที่รู้จักป้าก็เช่นกัน ป้าเป็นผู้หญิงธรรมดาจริง ๆ แต่ฉันอยากเขียนถึงป้า เพราะน่าจะมีแต่ฉันที่จะเขียนถึงป้า และฉันก็น่าจะเป็นหลานคนเดียวที่ไม่เคยได้ทำอะไรให้ป้าเลยนอกจากเขียนถึงป้า ใจหายเหมือนกันเมื่อคิดว่า นี่คือสิ่งแรกที่ฉันจะทำให้ป้า ป้าฉันไม่มีอะไรพิเศษเลยนอกจากเป็นคนดี มีจิตใจที่ดีงาม ตั้งแต่ฉันรู้จักเป็นป้าหลานมา ฉันไม่เคยเห็นป้าทำอะไรไม่ดีเลย ไม่ใช่แกเป็นป้าที่ดีของพวกหลาน ๆ แกเท่านั้น แต่เป็นเพื่อนบ้านที่ดีของเพื่อนบ้าน ชีวิตป้ามีความสุขมาก ฉันคิดว่าป้ามีความสุขทุกวัน…