วันนี้ ฉันพบดอกไม้บนดอยสูงมากมาย ดอกไม้เล็ก ๆ เหมือนดาว กระจายอยู่ทั่วหุบเขา หลากสีสดใส ทั้งเหลือง ส้ม และสีม่วง
หลายครั้งที่ผ่านทางมา เรามาด้วยความเร็วมาก จุดหมายอยู่ที่หลังดอย หมู่บ้านเล็ก ๆ หมู่บ้านหนึ่ง ความเร็วความรีบเร่งทำให้เราไม่ได้เห็นอะไรมากนักระหว่างทาง
ความหมายไม่ได้อยู่ที่ปลายทางแต่อยู่ที่ระหว่างทางที่ได้พบเจอ การได้ชื่นชมกับบรรยากาศระหว่างทาง นั่นเอง
การเดินทางมาครั้งนี้เรามากับทีมช่างภาพสองคนและผู้ติดตามเป็นหญิงสาวน่ารักอีกหนึ่งคน มีเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯเป็นชายหนุ่มสองคน
เราจึงมีเวลามากพอที่จะค่อย ๆ ขับรถไป และหยุดทุกครั้งที่น้องช่างภาพต้องการ เราหยุดดูดอกไม้เล็ก ๆ ระหว่างทาง หยุดล้างหน้าเมื่อพบน้ำตกสายเล็ก ๆ ไหลผ่าน นั่งดูผีเสื้อ
คิดถึงบทเพลง
ลืมดอกไม้ไว้บนยอดเขา จะปีนป่ายใหมี่กหนซิ บทเพลงของ ไวด์ ซี้ดว่าไว้อย่างนี้
หรือนี้เป็นดอกไม้ที่ถูกลืมไว้บนดอย
ลืมดอกไม้ไว้บนยอดเขา จะปีนป่ายใหม่ อีกหนซิ ลืมดอกไม้ไว้บนยอดเขา จะลองดูอีกสักที ฉันก็ยังสงสัยว่าใครเขียนบทกวี ฉันก็ยังสงสัยว่าเธอจะเขียนบทกวี
ก็แม้มันจะเศร้า ก็แม้หนทางจะยาวไกล จะให้โอกาสตัวเอง อีกครั้งหนึ่งซิ
ฉันก็ยังสงสัยว่าใครจะยืน ข้างประชาชน
ดอกไม้ที่มีจริง ดอกไม้ที่มีจริง จะมีดอกไม้มาฝากประชาชน เธอมีดอกไม้มาฝากประชาชน
บทเพลงสั้น ๆ และเสียงร้องเฉพาะตัว ยากแก่การเลียนแบบ ของหนุ่มผมฟู ชื่อไวด์ ซีด ในอัลบั้ม หมายเหตุเชียงใหม่
"บนดอยไม่ได้มีต้นไม้มากเหมือนก่อนแล้ว มันโล่งเตียนไปหมด ในเกือบทุกแห่ง แม้แต่หัวไร่ปลายนา ที่หลบแดดยังไม่มีเลย" เจ้าหน้าที่มูลนิธิคนหนึ่งบอกเช่นนั้น
แต่เดี๋ยวนี้ ชาวบ้านตีนผา เริ่มปลูกต้นไม้ตามหัวไร่ปลายนาในที่ทำกินของตัวเอง ด้วยความหวังว่าเมื่อต้นไม้โตขึ้นเขาจะมีไม้ใช้สอยของตัวเอง
ปล.ท่ามกลางสงครามกลางเมือง มีผู้คนบาดเจ็บและล้มตายอยู่ทุกวัน ดูดอกไม้บนยอดดอย เพื่อผ่อนคลายนะคะ