Skip to main content
บ้านฉันไม่ได้อยู่ใกล้สถานบันเทิงเลยค่ะ แต่หนวกหูมากเหมือนกัน”

ฉันบอกเพื่อนที่โทรศัพท์มาปรึกษาเรื่องที่บ้านของเธออยู่ใกล้สถานบันเทิง หลังจากที่ ฟังเธอบ่นปรับทุกข์ เรื่องเสียงเพลงหนวกหูจากสถานบันเทิง เธอเล่าว่าย้ายบ้านจากกรุงเทพฯ มาอยู่ต่างจังหวัดได้ไม่นาน ร้านอาหารคาราโอเกะก็มาเปิดข้างบ้าน


บ้านเธออยู่ใกล้สถานบันเทิง ส่วนบ้านฉันอยู่ใกล้วัดและโรงเรียน จะต่างกันตรงที่ว่า เสียงที่รบกวนเธอในยามค่ำคืนแต่สำหรับฉันมีเสียงรบกวนยามเช้า


บ้านฉันอยู่ใกล้วัดและโรงเรียน น่าจะดีกว่าอยู่ใกล้สถานบันเทิงใช่ไหม แต่ไม่ใช่เลย เสียงดังรบกวนเหมือนกัน


ยามเช้าสำหรับฉัน ถือว่าเป็นช่วงที่มีค่าที่สุด เพราะฉันตื่นเช้าทุกวัน เพื่อทำงานที่บ้าน แต่น้อยคนที่จะรู้ เพราะฉันปฏิเสธการนัดหมายใด ๆ ในตอนเช้า ฉันไม่เดินทางออกจากบ้านไปไหน ไม่รับโทรศัพท์ ใคร ๆ จึงคิดไปเองว่า ฉันตื่นสายฉันคงเขียนหนังสือดึก ซึ่งความจริงแล้ว ฉันแทบไม่ทำงานในยามค่ำคืนเลย


ฉันตื่นก่อนฟ้าสาง ทุกยามเช้าฉันตื่นขึ้นมาเพื่อเขียนหนังสือ เป็นอย่างนี้มานานแล้ว ฉันจึงหวงเวลายามเช้ามากกว่าเวลาอื่นใด เพราะสำหรับฉันแล้วยามเช้าเป็นช่วงที่ดีที่สุด หากฉันไม่ได้เริ่มยามเช้า ฉันก็จะสูญเสียเวลาไปทั้งวัน แต่ถ้าฉันได้เริ่มงานยามเช้าได้ทุกอย่างก็จะราบรื่น เรียกว่าเริ่มต้นดีอะไร ๆ ก็จะดี พอเที่ยงวันฉันก็ได้หยุดทำงาน ช่วงบ่ายถึงเย็นฉันจะทำอะไรก็ได้ที่ไม่เกี่ยวกับงานเขียน เช่น ทำความสะอาดบ้าน อาบน้ำหมา คุยกับเพื่อน หรือนัดหมายใคร ๆ ออกไปพูดคุยในยามเย็น


ยามเช้าของฉันจึงเป็นเวลาสำหรับการเขียนหนังสือเท่านั้น แม้แต่อาหารเช้าฉันก็ไม่เสียเวลาที่จะทำ อาหารเช้าของฉันจึงเป็นอาหารที่เหลือจากเมื่อวานเย็น


แรกฉันคิดว่าเมื่อย้ายมาอยู่ในชนบท ใกล้โรงเรียนใกล้วัด ชีวิตจะสุขสงบ สบาย แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ โรงเรียนอยู่ห่างจากบ้านฉันแค่สี่ห้าร้อยเมตร ส่วนวัดอยู่ห่างออกไปอีกนิดหนึ่ง

 

ก่อนเจ็ดโมงเช้า ทั้งวัดและโรงเรียนแข่งกันใช้เสียง โดยการเปิดเครื่องขยายเสียงดังไปทั่ว ยามเช้ามีเสียงตามสายมาแล้ว ทางวัดก็จะประกาศคณะศรัทธาให้ร่วมบุญ ประกาศของสาธารณสุข ประกาศหมู่บ้าน ประกาศและประกาศ รวมทั้งเรื่องอื่น ๆ อีกมากมาย เสียงตามสายมาทุกเช้าและไม่มีวันหยุดด้วย ตื่นขึ้นมาก็มีเรื่องประกาศแล้ว บางครั้งเสียงประกาศตามสายก็ทับกับเสียงจากโรงเรียนฟังไม่รู้เรื่อง ส่วนเสียงโรงเรียนยามเช้า เริ่มจากเสียงเพลงเด็กเอ๋ยเด็กดี และเพลงอื่น ๆ ประมาณสี่ห้าเพลงและที่บันเทิงกว่านั้นก็คือเสียงครูที่สั่งสอนลูกศิษย์ด้วยเสียงเกรี้ยวกราดอีกประมาณครึ่งชั่วโมง รวมแล้วเสียงดังจากโรงเรียนในยามเช้า ประมาณชั่วโมงกว่า ๆ และเสียงที่เป็นพิษมากคือเสียงครูสั่งสอนเด็กแบบตำหนิ นี่เป็นวันเวลาปกติที่ไม่มีกิจกรรมพิเศษอะไรแต่ถ้ามีกิจกรรมก็จะเพิ่มช่วงเที่ยงช่วงบ่ายด้วย วัดก็เช่นกันถ้ามีกิจกรรมอะไรเกี่ยวกับวัดก็จะเพิ่มพิเศษไปใช้เสียงเป็นวัน ๆ ก็มี บางครั้งก็แถมช่วงเย็นประกาศว่ามีคนตายและเพื่อบอกให้ชาวบ้านที่เป็นสมาชิกปณกิจศพเตรียมเงินไว้ และหัวค่ำก็ฟังสวดกันอย่างทั่วถึง

 

เคยถามข้างบ้านว่า เขารำคาญไหมกับเสียงตามสายในหมู่บ้านหรือเสียงโรงเรียน เขาตอบว่า ชินแล้ว บางครั้งถ้าหนวกหูมาก ๆ ก็ใช้วิธีเปิดเพลงของเราดัง ๆ


ถามเขาว่า เคยสงสัยไหม ทำไมเขาถึงต้องใช้เสียงกันดังขนาดนี้ โรงเรียนน่าจะเปิดเสียงแค่พอได้ยินในโรงเรียนก็พอ เปิดเบา ๆ ก็ได้ และยามเช้าครูควรจะพูดกับเด็กด้วยถ้อยคำที่ไพเราะ ไม่ควรเกรี้ยวกราดตำหนิเด็กทุกวัน เด็กที่เติบโตมากับการถูกตำหนิจะเป็นอย่างไรนะ เด็กบางคนกลับมาถึงบ้านยังถูกพ่อแม่ตำหนิอีก พวกเขามีชีวิตอยู่กับการถูกตำหนิและคาดโทษเขาจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างไร


ส่วนเสียงตามสายก็แจ้งแต่ที่จำเป็นที่เป็นส่วนรวมจริง ๆ ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องใช้ แจ้งข่าวหรือที่เป็นเฉพาะกลุ่ม ผู้ใหญ่ก็น่าจะไปบอกเอง

 

เขาบอกฉันว่า ในชนบทก็อย่างนี้แหละ เขานิยมเสียงดัง ๆ การมีเครื่องขยายเสียงดัง ๆ ถือเป็นความทันสมัยมีหน้ามีตา มีฐานะ มีงานเล็กงานน้อยเขาก็ต้องใช้เครื่องขายเสียงให้ดัง ๆ ไว้ก่อน

 

นี่เป็นเรื่องธรรมดา เห็นไหมละเพื่อน มันไม่ต่างกันหรอก แม้ฉันจะไม่ได้อยู่ใกล้สถานบันเทิง ฉันก็ทนกับเสียงเหมือนกัน บางทีฉันคิดว่า ที่สถานบันเทิงคาราโอเกะ เรายังพอไปพูดคุยได้ เช่นให้เขาลดเสียงลง ให้เขาเปิดไม่ดึกเกินไป หรือถ้าเป็นครอบครัวฉันบางคืนเราก็ไปนั่งร้องเพลงนั่งกินได้ด้วย แต่ที่วัดและโรงเรียนสถานที่สำคัญและต้องห้ามในการแตะต้อง ถือเป็นของสูง เป็นของส่วนรวม ขืนพูดไปดีไม่ได้ฉันก็ได้ชื่อว่าเป็นคนบาป คนจตใจคับแคบไปเห็นแก่ตัวไป ยิ่งโรงเรียนเป็นที่ซึ่งฉันก็ไม่ค่อยอยากเกี่ยวข้องมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เพราะว่าความทรงจำเกี่ยวกับโรงเรียนฉันไม่ค่อยดี ฉันรู้สึกว่า ความทุกข์แรกของฉันเกิดขึ้นที่โรงเรียน ฉันถูกบังคับ และถูกกักขังอิสรภาพครั้งแรกที่โรงเรียน ฉันถูกตำหนิถูกทำโทษครั้งแรกก็ที่โรงเรียน ถ้าใครถามฉันว่ามีความประทับใจอะไร ฉันจำความประทับใจอะไรไม่ค่อยได้นอกจากเพื่อน ๆ


ดังนั้น การไปบอกไปเตือนโรงเรียนหรือวัดเป็นเรื่องทำไม่ได้เลย แต่สถานบันเทิงคาราโอเกะ ฉันว่าทำได้เพราะเป็นของคนธรรมดา เช่นให้เขาหันลำโพงออกจากบ้านเรา ลดเสียงลงนิดหนึ่ง ฉันมักจะบอกกับเพื่อน ๆ ที่ต้องการย้ายออกมาจากกรุงเทพฯ มาอยู่ในชนบทว่า เราจะหวังอะไรเลอเลิศกับการมาอยู่ในชนบทไม่ได้มากนักหรอก มีเรื่องราวที่เราต้องฝ่าฟันกันไปอีกเยอะ

 

คุยกับเพื่อนจบแล้ว เพื่อนบอกว่าเธอรู้สึกสบายใจขึ้นมาก ส่วนฉันคุยกับเพื่อนจบแล้วรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก โดยเฉพาะยิ่งนำมาเขียนถึงเช่นนี้ เข้าข่ายไปแตะต้องศรัทธา

 

ก่อนหน้านี้ ฉันไปเที่ยวที่วัดแห่งหนึ่งมีป้ายติดว่า มีทุกข์ไม่ต้องบ่นให้ทนเอา

D0 not grumble when you suffer persevere


เพื่อนร่วมบ้านคนเดียวของฉัน รีบบอกให้ฉันไปยืนใกล้ ๆ ป้าย เขาว่า ถ่ายรูปไปติดไว้ที่บ้าน เพื่อเตือนใจ





บล็อกของ แพร จารุ

แพร จารุ
มีคำกล่าวว่า "อาหารอายุสั้น คนกินอายุยืน อาหารอายุยืน คนกินอายุสั้น" แรกที่ฟังก็รู้สึกรำคาญคนพูดนิด ๆ เพราะเรากำลังกินอาหารอายุยืนแต่เราไม่อยากอายุสั้น สงสัยใช่ไหมคะว่าอาหารแบบไหนที่อายุยืน อาหารที่ปรุงแต่งมาเรียบร้อยแล้ว แช่ตู้ไว้ได้นานๆ นั่นคืออาหารอายุยืน กินกันได้นานๆ แช่ไว้ในตู้เย็น อาหารพวกนี้คนกินอายุสั้น แต่อาหารอายุสั้นก็พวกเห็ด ผักบุ้ง พวกเหล่านี้เป็นอาหารอายุสั้นอยู่ได้ไม่นาน แต่คนกินอายุยืน แต่เดี๋ยวนี้มีมะเขือเทศอายุยืนด้วยนะคะ เป็นพวกตัดต่อพันธุกรรมแบบให้ผิวแข็งไม่บอบช้ำในระหว่างขนส่ง
แพร จารุ
  1   เป็นนักเขียนมีความสุขไหม   วันหนึ่งฉันต้องตอบคำถามนี้ “เป็นนักเขียนมีความสุขไหม” ผู้ที่ถามคำถามนี้เป็นเด็กนักเรียนตัวเล็กๆ ชั้นประถมปีที่ 5 ฉันรู้สึกดีใจที่มีเด็กถามเรื่องความสุขมากกว่าเรื่องรายได้
แพร จารุ
ฉันห่างกรุงเทพฯ มานานจริงๆ นานจนไปไหนไม่ถูก ก่อนฟ้าสางรถทัวร์จอดตรงหัวมุมถนน ฉันเดินตรงเข้าไปทางถนนข้าวสารตามพื้นถนนแฉะ หาที่นั่งรอหลานมารับแต่ก็หาไม่ได้ พื้นแฉะ ๆ ผู้คนกำลังล้างพื้นกันอยู่ จึงตัดสินใจ เดินออกจากถนนข้าวสารมุ่งตรงไปทางกองฉลากกินแบ่งรัฐบาล มีคนจรนอนห่มผ้าเก่า ๆ อยู่มากมาย ตามทางเดิน  
แพร จารุ
มีเพื่อนอย่างน้อยสองคนตกหล่นไปจากชีวิต ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเราเขียนจดหมายคุยกันอยู่เสมอ ๆ ต่อมาฉันเลิกตอบจดหมายเพื่อนทั้งสองคน 
แพร จารุ
2 กันยายน 2552 นั่งกินมะขามหวานเพลิน ๆ มะขามก็เปรี้ยวขมขึ้นมาทันที เพื่อนโทรมาบอกว่า เธอไปที่โรงพยาบาลนครพิงค์ ได้ยินเสียงตามสายที่ รพ.ขอบริจาคเงินช่วยเหลือเด็กชาวเขาที่แม่มาคลอดตายที่โรงพยาบาล “แม่มาคลอดตายที่โรงพยาบาล แสดงว่าเธอตายระหว่างคลอด” เพื่อนตอบว่าใช่ “เด็กยังอยู่รอดปลอดภัย” “ใช่”    
แพร จารุ
"อะไรเอ่ยมันโผล่ขึ้นมาจากดิน" คำถามเล่น ๆ ของเด็ก ๆ สมัยก่อนเราจะตอบว่า ขอม เพราะเคยเรียนเรื่องพระร่วง  ตอนขอมดำดิน แต่ เดี๋ยวนี้ถ้าไปตอบว่า "ขอม" เด็กไม่เข้าใจ
แพร จารุ
1 วันก่อนไปท่ากาน (ท่ากานเป็นหมู่บ้านหนึ่ง ในอำเภอสันป่าตอง เชียงใหม่ ) พบเด็ก หญิงสองคน เอาก้านกล้วยมาแกว่งไปมากระโดดเล่นกัน ดูน่ารักดี เป็นการเล่นแบบหาของใกล้ตัวมาเล่นกัน
แพร จารุ
10 กันยายน 2552 น้องคนหนึ่งโทรศัพท์มาบอกว่า “มีเรื่องตลกเศร้ามาเล่าให้ฟัง” ฉันหัวเราะ ไม่อยากฟังเธอเล่าอะไรเลยเพราะกำลังเจ็บหูอย่างแรง กำลังจะไปหาหมอ แต่เธอรีบบอกก่อนว่า “พี่ยังไม่รู้ใช่ไหม ลุงหมื่นแกฝายพญาคำ กับพ่อหลวงสมบูรณ์ ผู้ช่วยแกฝาย เขาเซ็นยินยอมให้กรมชลประทานสร้างประตูระบายน้ำแล้ว”
แพร จารุ
   บก.สุชาติ สวัสดิ์ศรี เทียบเชิญฉันเขียนเรื่องสั้น ช่อการะเกด ฉบับเทียบเชิญนักเขียนเก่าที่เคยเขียนช่อการะเกด
แพร จารุ
เธอนิ่งเงียบหลังจากกินอาหารเสร็จ "เศร้าทำไม" ฉันถามเธอ "กำลังดูกระถางต้นไม้อยู่" เธอตอบไม่ตรงกับคำถาม ฉันมองไปที่กระถางต้นไม้ มีอะไรตายอยู่ในนั้นที่ทำให้เธอเศร้า หรือว่าเศร้าที่ต้องมากินอาหารใต้ที่เมืองเหนือทั้งที่เธอเพิ่งเดินทางมาจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
แพร จารุ
 ผู้ชายคนหนึ่ง เลี้ยงปลวกเพื่อเอาปลวกไปเลี้ยงปลาดุก เขาบอกว่า เขาเฝ้ามองปลวกตัวอ้วน ๆ ที่ค่อยเติบโตขึ้น และเอาปลวกไปให้ปลาดุกกิน เขาอธิบายตัวเองว่าเป็นวิถีแห่งสัตว์โลก วิธีการใช้ชีวิตให้อยู่รอดฉันแค่สะดุดใจตรงที่เลี้ยงดูเขาไว้ก่อนแล้วค่อยจัดการ ฉันคิดว่า ถ้ามันกินกันเองตามวิถีชีวิตไม่เป็นไรฉันคิดถึงถ้อยคำหนึ่ง จำไม่ได้แล้วว่า ใครพูด "เขารัก...เหมือนคนเลี้ยงหมูรักหมูที่เลี้ยงไว้" นั่นหมายถึงรักและดูแลอย่างดีเพื่อเอาไว้ฆ่าและขาย
แพร จารุ
1  ฉันเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับความตายครั้งแรกเมื่อพ่อตายจากไป ในวันที่แม่ พี่ ๆและ ญาติ ๆ ต่างช่วยกันจัดงานให้พ่อ ผู้หญิงเตรียมอาหาร ปอกหอมกระเทียม เด็ดก้านพริกขี้หนู หั่นตะไคร้ ผู้ชายเตรียมไม้ฟืนเพื่อทำอาหาร หุงข้าว ต้มแกง ต้องหุงข้าวด้วยกระทะใบใหญ่  ต้องทำอาหารจำนวนมากในเวลาหลายวัน เรามีญาติเยอะ มีเพื่อนบ้าน และคนรู้จักมากมาย เพราะเราไม่ได้มีพ่อที่ดีต่อลูกเท่านั้นแต่มีพ่อที่ดีต่อผู้อื่นด้วย