Skip to main content

  

 

1

 

ปาย เปลี่ยนไปมาก และที่ฉันไม่กล้าไปปายก็เพราะกลัวความเปลี่ยนแปลง กลัวจะเสียใจกับความเปลี่ยนแปลงก็เลยพยายามจะลืมปายทำเหมือนหนึ่งว่าไม่เคยมี ไม่เคยไป

พี่คนหนึ่งเคยบอกฉันว่า ไม่ว่าคนหรือสิ่งของที่เราพยายามจะลืมเรามักจะลืมไม่ได้จริง ดังนั้น การแก้ปัญหาโดยพยายามลืมนั้นเป็นเรื่องที่เลวร้ายมาก เราจึงไม่ควรจะลืมแต่ควรจะทำความเข้าใจถึงสิ่งนั้น ๆ และยอมรับความจริงอย่างเข้าใจจะดีกว่า

 

มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งที่ฉันพยายามจะลืมและไม่ไปที่นั่นอีกเลย นอกจากปาย อำเภอเล็ก ๆ ของแม่ฮ่องสอนแล้วก็มี เชียงคาน อำเภอเล็ก ๆ ริมแม่น้ำโขง จังหวัดเลยอีกแห่งหนึ่ง

 

เมื่อคุยกับเพื่อนเรื่องนี้ เพื่อนบอกว่า "เห็นที่จะไม่ได้ไปไหน เพราะสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองไทยพัฒนาไปทุกแห่งแล้ว และทุกแห่งก็พัฒนาเหมือน ๆ กัน คือโบกปูน ปลูกต้นไม้ระหว่างพื้นซิเมนต์เป็นหย่อม ๆ มีเสาไฟเป็นหัวเทวดา มีร้านสะดวกซื้อ ร้านขายของที่ระลึกและลานจอดรถ

 

จริงของเพื่อน ฉันจึงพยายามไปในที่ใหม่ ๆ ที่ไม่เคยไปมาก่อน

 

แต่ในที่สุดฉันก็ต้องไปปายอีกครั้ง เพียงเพราะเช้าวันหนึ่งเพื่อนบอกว่า เธอฝันอยากไปปายมานานแล้ว แต่ไม่เคยได้ไปสักครั้ง ครั้งนี้เธอเดินทางมาเพื่อจะไปปาย แต่เพื่อน ๆ ที่ร่วมเดินทางมาด้วยกันเปลี่ยนใจ พวกเขาเลือกที่จะไปไหว้พระที่เชียงรายแทนโดยที่เธอไม่รู้มาก่อนว่าเขาเปลี่ยนแผนการเดินทางจบจากการไหว้พระเธอจึงมาหาฉัน

 

ฟังเพื่อนพูดก็ใจอ่อนและอ่อนใจ เธอไปเที่ยวต่างประเทศมาแล้วแต่ยังไม่เคยไปปาย เธออยากไปตั้งแต่เริ่มวัยสาว หรือเรียกว่าวัยขาขึ้น มาถึงช่วงนี้เราต่างอยู่ในช่วงวัยขาลง หรือเทียบกับปายก็คือ ตั้งแต่ปายเป็นสาวจนบัดนี้เริ่มเข้าสู้วัยชรา และไม่ได้งดงามไปตามวัยแต่กลับทรุดโทรมอ่อนแอด้วยโรคร้าย แต่แม้จะอ่อนแอแก่เฒ่าก็คงเหลือเสน่ห์และความงามทิ้งไว้บ้าง

  

"เราจะไปกันพรุ่งนี้เลย ช่วงเข้าสู่ฤดูร้อนแต่เป็นวันหยุดยาวอาจจะต้องเตรียมพบกับผู้คนจำนวนมากที่นั้น"
เพื่อให้การเดินทางครั้งนี้กลับคืนสู่ชีวิตวัยเยาว์ ฉันจึงชวนเพื่อนเดินทางโดยรถประจำทาง
"เมื่อก่อนเราเดินทางไปปายด้วยรถประจำทางสีเขียวไม่มีแอร์แต่เดี๋ยวนี้มีรถตู้นั่งสบาย" ฉันเล่าให้เพื่อนฟังถึงเรื่องราวเมื่อครั้งเก่าก่อน การนั่งรถประจำทางทำให้เรามองทิวทัศน์ได้กว้างไกลมากกว่านั่งรถยนต์

ไปได้ครึ่งทางก็ต้องสำนึกว่า เราชราแล้วจริง ๆ รถแน่นเกินไป อากาศไม่ค่อยจะพอหายใจ มีอาการเมารถ คล้ายจะเป็นลม

 

ถึงปายเมื่อฟ้ามืด รถเข้าไปจอดที่ท่ารถด้วยความยากลำบากเพราะรถติด

"นี่มันไม่ใช่ปายที่ฉันเคยรู้จักแน่ๆ มีร้านสะดวกซื้อเซเว่น มีตู้เอทีเอ็มสีเหลือสดใสด้วย"

"เหมือนถนนข้าวสารเลย" เพื่อนว่าพลางหัวเราะ

 

ฉันลงจากรถเดินไปหาห้องน้ำอย่างอ่อนแรงหญิงชราคนหนึ่งนั่งอยู่หน้าห้องน้ำเพื่อเก็บเงิน ได้ล้างหน้าล้างตาอาการดีขึ้น รอเพื่อนชายรุ่นหลานมารับ เขามาเปิดร้านขายโปสการ์ดอยู่ที่นี่ เพื่อนของฉันผู้มีมนุษยสัมพันธ์ดีเยี่ยมนั่งคุยกับหญิงคนเก็บเงินหน้าห้องน้ำเธอ ถามแกว่า คนมากอย่างนี้ทุกวันเหรอ แกบอกว่าอย่างนี้แหละเดี๋ยวนี้ไม่มีเสาร์อาทิตย์คนมากทุกวัน

 

แกคุยอย่างมีความสุขว่า แกอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด ลูก ๆ ของแกก็เกิดที่นี่ แต่พวกเขาย้ายไปอยู่ที่อื่นกันหมดแล้ว เมื่อถามว่า แกได้ค่าจ้างเท่าไหร่ แกบอกว่า แล้วแต่เขาจะให้



ฉันถามแกว่า ชอบไหมที่เห็นคนมาเยอะ ๆ อย่างนี้ แกตอบว่าชอบ

 

เราได้ที่พักราคาแปดร้อยบาท เพื่อนรุ่นหลานที่จัดการให้บอกว่า ช่วงนี้ห้องพักเต็มหมด ที่นี่ก็เต็มแล้วพี่พักได้เฉพาะคืนนี้เท่านั้นพรุ่งนี้ต้องหาที่พักใหม่ ถ้าไม่คิดถึงราคาก็ถือว่าเป็นที่พักที่ดี บ้านหลักงเล็ก ๆ มีระเบียงนั่งสบาย ๆ อยู่ติดแม่น้ำปาย

 

ฉันบอกเพื่อนว่าเมื่อก่อน ฉันพักริมน้ำกับเพื่อน ๆ คืนละ 50 บาทเอง

 

เพื่อนบอกว่า ฉันควรจะลืม "เมื่อก่อนไป" ต่อไปนี้อย่าพูดถึงคำว่า "เมื่อก่อน" แต่อยู่กับเดี๋ยวนี้ การคิดถึงเมื่อก่อนก็คล้าย ๆ กับการคิดถึงคนรักเก่าซึ่งมันจะไม่คืนกลับมาอีก

 

"ปายแบบเมื่อก่อนจะไม่กลับมาอีกแล้ว เรามาค้นหาคุณค่าใหม่กันเถอะ" เพื่อนทิ้งคำคมก่อนชวนไปถนนคนเดิน


อ่านต่อฉบับหน้า

 

 

 

 

บล็อกของ แพร จารุ

แพร จารุ
มีคำกล่าวว่า "อาหารอายุสั้น คนกินอายุยืน อาหารอายุยืน คนกินอายุสั้น" แรกที่ฟังก็รู้สึกรำคาญคนพูดนิด ๆ เพราะเรากำลังกินอาหารอายุยืนแต่เราไม่อยากอายุสั้น สงสัยใช่ไหมคะว่าอาหารแบบไหนที่อายุยืน อาหารที่ปรุงแต่งมาเรียบร้อยแล้ว แช่ตู้ไว้ได้นานๆ นั่นคืออาหารอายุยืน กินกันได้นานๆ แช่ไว้ในตู้เย็น อาหารพวกนี้คนกินอายุสั้น แต่อาหารอายุสั้นก็พวกเห็ด ผักบุ้ง พวกเหล่านี้เป็นอาหารอายุสั้นอยู่ได้ไม่นาน แต่คนกินอายุยืน แต่เดี๋ยวนี้มีมะเขือเทศอายุยืนด้วยนะคะ เป็นพวกตัดต่อพันธุกรรมแบบให้ผิวแข็งไม่บอบช้ำในระหว่างขนส่ง
แพร จารุ
  1   เป็นนักเขียนมีความสุขไหม   วันหนึ่งฉันต้องตอบคำถามนี้ “เป็นนักเขียนมีความสุขไหม” ผู้ที่ถามคำถามนี้เป็นเด็กนักเรียนตัวเล็กๆ ชั้นประถมปีที่ 5 ฉันรู้สึกดีใจที่มีเด็กถามเรื่องความสุขมากกว่าเรื่องรายได้
แพร จารุ
ฉันห่างกรุงเทพฯ มานานจริงๆ นานจนไปไหนไม่ถูก ก่อนฟ้าสางรถทัวร์จอดตรงหัวมุมถนน ฉันเดินตรงเข้าไปทางถนนข้าวสารตามพื้นถนนแฉะ หาที่นั่งรอหลานมารับแต่ก็หาไม่ได้ พื้นแฉะ ๆ ผู้คนกำลังล้างพื้นกันอยู่ จึงตัดสินใจ เดินออกจากถนนข้าวสารมุ่งตรงไปทางกองฉลากกินแบ่งรัฐบาล มีคนจรนอนห่มผ้าเก่า ๆ อยู่มากมาย ตามทางเดิน  
แพร จารุ
มีเพื่อนอย่างน้อยสองคนตกหล่นไปจากชีวิต ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเราเขียนจดหมายคุยกันอยู่เสมอ ๆ ต่อมาฉันเลิกตอบจดหมายเพื่อนทั้งสองคน 
แพร จารุ
2 กันยายน 2552 นั่งกินมะขามหวานเพลิน ๆ มะขามก็เปรี้ยวขมขึ้นมาทันที เพื่อนโทรมาบอกว่า เธอไปที่โรงพยาบาลนครพิงค์ ได้ยินเสียงตามสายที่ รพ.ขอบริจาคเงินช่วยเหลือเด็กชาวเขาที่แม่มาคลอดตายที่โรงพยาบาล “แม่มาคลอดตายที่โรงพยาบาล แสดงว่าเธอตายระหว่างคลอด” เพื่อนตอบว่าใช่ “เด็กยังอยู่รอดปลอดภัย” “ใช่”    
แพร จารุ
"อะไรเอ่ยมันโผล่ขึ้นมาจากดิน" คำถามเล่น ๆ ของเด็ก ๆ สมัยก่อนเราจะตอบว่า ขอม เพราะเคยเรียนเรื่องพระร่วง  ตอนขอมดำดิน แต่ เดี๋ยวนี้ถ้าไปตอบว่า "ขอม" เด็กไม่เข้าใจ
แพร จารุ
1 วันก่อนไปท่ากาน (ท่ากานเป็นหมู่บ้านหนึ่ง ในอำเภอสันป่าตอง เชียงใหม่ ) พบเด็ก หญิงสองคน เอาก้านกล้วยมาแกว่งไปมากระโดดเล่นกัน ดูน่ารักดี เป็นการเล่นแบบหาของใกล้ตัวมาเล่นกัน
แพร จารุ
10 กันยายน 2552 น้องคนหนึ่งโทรศัพท์มาบอกว่า “มีเรื่องตลกเศร้ามาเล่าให้ฟัง” ฉันหัวเราะ ไม่อยากฟังเธอเล่าอะไรเลยเพราะกำลังเจ็บหูอย่างแรง กำลังจะไปหาหมอ แต่เธอรีบบอกก่อนว่า “พี่ยังไม่รู้ใช่ไหม ลุงหมื่นแกฝายพญาคำ กับพ่อหลวงสมบูรณ์ ผู้ช่วยแกฝาย เขาเซ็นยินยอมให้กรมชลประทานสร้างประตูระบายน้ำแล้ว”
แพร จารุ
   บก.สุชาติ สวัสดิ์ศรี เทียบเชิญฉันเขียนเรื่องสั้น ช่อการะเกด ฉบับเทียบเชิญนักเขียนเก่าที่เคยเขียนช่อการะเกด
แพร จารุ
เธอนิ่งเงียบหลังจากกินอาหารเสร็จ "เศร้าทำไม" ฉันถามเธอ "กำลังดูกระถางต้นไม้อยู่" เธอตอบไม่ตรงกับคำถาม ฉันมองไปที่กระถางต้นไม้ มีอะไรตายอยู่ในนั้นที่ทำให้เธอเศร้า หรือว่าเศร้าที่ต้องมากินอาหารใต้ที่เมืองเหนือทั้งที่เธอเพิ่งเดินทางมาจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
แพร จารุ
 ผู้ชายคนหนึ่ง เลี้ยงปลวกเพื่อเอาปลวกไปเลี้ยงปลาดุก เขาบอกว่า เขาเฝ้ามองปลวกตัวอ้วน ๆ ที่ค่อยเติบโตขึ้น และเอาปลวกไปให้ปลาดุกกิน เขาอธิบายตัวเองว่าเป็นวิถีแห่งสัตว์โลก วิธีการใช้ชีวิตให้อยู่รอดฉันแค่สะดุดใจตรงที่เลี้ยงดูเขาไว้ก่อนแล้วค่อยจัดการ ฉันคิดว่า ถ้ามันกินกันเองตามวิถีชีวิตไม่เป็นไรฉันคิดถึงถ้อยคำหนึ่ง จำไม่ได้แล้วว่า ใครพูด "เขารัก...เหมือนคนเลี้ยงหมูรักหมูที่เลี้ยงไว้" นั่นหมายถึงรักและดูแลอย่างดีเพื่อเอาไว้ฆ่าและขาย
แพร จารุ
1  ฉันเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับความตายครั้งแรกเมื่อพ่อตายจากไป ในวันที่แม่ พี่ ๆและ ญาติ ๆ ต่างช่วยกันจัดงานให้พ่อ ผู้หญิงเตรียมอาหาร ปอกหอมกระเทียม เด็ดก้านพริกขี้หนู หั่นตะไคร้ ผู้ชายเตรียมไม้ฟืนเพื่อทำอาหาร หุงข้าว ต้มแกง ต้องหุงข้าวด้วยกระทะใบใหญ่  ต้องทำอาหารจำนวนมากในเวลาหลายวัน เรามีญาติเยอะ มีเพื่อนบ้าน และคนรู้จักมากมาย เพราะเราไม่ได้มีพ่อที่ดีต่อลูกเท่านั้นแต่มีพ่อที่ดีต่อผู้อื่นด้วย