Skip to main content
"ปายแบบเมื่อก่อนจะไม่กลับมาอีกแล้ว เรามาค้นหาคุณค่าใหม่กันเถอะ" เพื่อนคงรำคาญที่ฉันพร่ำเพ้อถึงความหลังครั้งก่อน (ฉันเขียนมาถึงตอนนี้เมื่อฉบับที่แล้ว )

 

เราได้เพื่อนใหม่ทันที เธอชื่อเนเน่ เธอบอกว่า เธอเดินทางมาที่นี่ปีละหลาย ๆ ครั้ง และแม้ปายจะเปลี่ยนไปอย่างไรเธอก็ยังชอบปาย เธอมาเพื่อหาที่นั่งอ่านหนังสือสบาย ๆ ช่วง เย็น ๆ ก็ออกเดินเล่นไปตามถนน เดินคุยกับคนโน้นคนนี้เพราะผู้คนส่วนมากเป็นมิตร


เนเน่ชวนเราเดินถนนคนเดิน เธอว่าถนนคนเดินที่นี่ไม่เหมือนที่เชียงใหม่ อย่างไรปายก็ยังไม่เหมือนที่อื่น เธอแนะนำว่า ไปดื่มชาอินเดีย ไปยังไม่ถึงชาอินเดียหยุดอยู่ที่หมั่นโถวสีเหลือง พ่อค้าเป็นคนอินเดีย ให้สงสัยว่าทำไมไม่ทำโรตี อยากรู้มีหรือเพื่อนฉันจะไม่ถาม และได้ความมาว่ามีเมียเป็นคนจีนยูนนานหมั่นโถวหรือหม่านโถวถือเป็นอาหารประจำถิ่นของคนจีนยูนนานเลยทีเดียว สีเหลืองเพราะฟักทองจริงๆ ไม่ใช่ใส่สี เขาทดลองทำและได้ผลลูกค้าชอบ แรกเราคิดว่าจะกินคนละครึ่งลูกเพื่อจะได้เหลือท้องไว้กินอย่างอื่นอีกเพราะน้องเนเน่บอกว่ามีของกินอร่อยอีกหลายอย่าง แต่เมื่อกินแล้วหยุดไม่ได้ ยิ่งได้ชิมไส้ไก่ที่หอมกลิ่นแกงกะหรี่ด้วย เราสองคนก็เลยหยุดอยู่ที่ซาละเปา หมั่นโถว นานกว่าที่ควร และกินไปคนละสองลูก อิ่มอร่อยเกินห้ามใจจริง ๆ

 

 

จริงของเนเน่ มีของอร่อยหลายอย่างให้ชิมไปเรื่อยๆ เราไปหยุดอีกทีหนึ่งที่ร้านขายข้าวปุ๊ยูนนาน ชาวบ้านชาวเขาจะทำข้าวปุ๊กินกันในช่วงปีใหม่ เป็นการกินข้าวใหม่ด้วย เขาจะเอาข้าวใหม่หุงร้อนๆ แล้วเอาไปตำให้เป็นเนื้อเดียวกันต่อจากนั้นก็มาทำเป็นแผ่นหนาๆ กลมๆ แล้วเอาไปย่างไฟ กัดกินกับน้ำชาร้อนๆ ยามหนาวๆ ฉันเคยไปกินมาบ่อยๆ

 

 

ข้าวปุ๊ที่นี่ได้พัฒนาไปแล้วเหมือนกัน เมื่อย่างไฟแล้วไม่ได้กัดกินทันที แต่มีการโรยด้วยน้ำตาลทรายแดง น้ำอ้อย และราดด้วยนมข้นหวาน หรือจะเลือกราดด้วยช็อกโกแลตก็ได้ แน่นอนเพื่อนฉันไม่ผ่านไปเฉยๆ หล่อนซื้อมาชิ้นหนึ่งและกัดกินอย่างอร่อย เธอเป็นคนช่างพูด พูดเพราะและให้กำลังใจคนทั้งโลก เธอบอกแม่ค้าว่า อร่อยจริง ๆ และถามวิธีทำไปด้วย ฉันอยากจะบอกเพื่อนว่า ลองกินแบบเดิม ๆ ที่ได้กลิ่นข้าวปุ๊จริง ๆ แต่คิดขึ้นได้ว่า เราอยู่ในช่วงหาคุณค่าใหม่ ๆ ยอมรับการพัฒนา

 

หญิงสาวสองคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เรา ถามแม่ค้าว่าไม่มีกล่องโฟมใส่เหรอค่ะ แม่ค้าบอกว่าไม่มีค่ะ เธอบ่นว่าใบตองมันจะไม่สะอาดและถ้าใส่กล่องแล้วตัดเป็นชิ้นเล็กๆ หยิบกินง่าย

 

ฉันจึงเสียมารยาทบอกเธอว่า ใส่ใบตองน่ะดีแล้วค่ะ และข้าวปุ๊ต้องกัดกินร้อนถึงจะอร่อย

แม่ค้ารีบเอาผ้าขาวสะอาดออกมาเช็ดใบตองอีกครั้ง และเปลี่ยนใบตองให้เธอพร้อมกับหั่นข้าวปุ๊เป็นชิ้นเล็กๆ ให้กินได้สะดวก

 

"โฟมใส่ของกิน เป็นสารก่อมะเร็ง โดยเฉพาะของร้อน" ฉันว่าต่อ

หญิงสาวหันมาขอบใจและรับข้าวปุ๊ห่อใบตองไป เกินคาด คิดว่าจะถูกด่า แต่เธอขอบคุณ

 

เดินจนเหนื่อยมีของกินของใช้ เครื่องประดับ และอื่นๆ อีกมากมาย วางขายให้นักท่องเที่ยงจับจ่าย ใครสักคนเคยบอกฉันว่า ปายเปลี่ยนไปเพราะกลุ่มนักท่องเที่ยวเปลี่ยน มีนักท่องเที่ยวแบบไทย ๆ ที่ชอบจับจ่ายชื้อของมากขึ้น ไปที่ไหนก็ซื้อและซื้อ และจะมากันแน่นในวันหยุด นักท่องเที่ยวกลุ่มเดิมซึ่งเป็นคนต่างชาติ กลุ่มคนไทยที่รักสงบ และกลุ่มที่ต้องการเสรีภาพซึ่งอยู่นาน ๆ ได้ออกไปจากเมือง เจ้าของบ้านพักและคนทำธุรกิจการท่องเที่ยวชอบลูกค้ากลุ่มใหม่มากกว่า เขาบอกมาอย่างนี้จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้

 

ร้านสุดท้ายที่ไปหยุดเป็นร้านเพื่อนชายรุ่นหลาน เขาเปิดร้านขายโปสการ์ดและภาพถ่ายขาวดำ ที่นี่มีร้านขายโปสการ์ดมากมาย และผู้คนต่างก็เลือกซื้อและนั่งเขียนกัน ทุกร้านจะมีตู้ไปรษณีย์เล็ก ๆ สวย ๆ สำหรับหย่อนลงไปด้วย ก็ดีเหมือนกันได้เห็นผู้คนนั่งเขียนโปสการ์ดถึงคนที่เขาคิดถึง มันเป็นภาพแห่งความปรารถนาดีที่พบเห็นบนถนนแห่งนี้ ฉันคิดว่าผู้คนจะเขียนถึงคนที่เขารัก คงไม่มีใครนั่งเขียนโปสการ์ดที่นี่เพื่อส่งไปทวงหนี้


 

จำได้ว่าเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ฉันเคยมาที่นี้ ซื้อโปสการ์ดใบหนึ่งเพื่อส่งไปให้ใครคนหนึ่ง แต่ฉันไม่ได้ทิ้งตู้แถวนี้ ไปส่งที่หมู่บ้านซึ่งจำไม่ได้แล้วว่าหมู่บ้านอะไรมีตู้ไปรษณีย์เก่า ๆ ขึ้นสนิมซุกอยู่ข้างทางที่มีฝุ่นเกาะหนา ไม่แน่ใจว่ายังใช้ได้อยู่หรือเปล่าตัวอักษรที่เขียนเวลาเปิดก็ลอกออกไปแล้ว แต่ฉันอยากลองเสี่ยงดู หลังจากนั้นประมาณครึ่งปี ผู้รับบอกฉันว่า โปสการ์ดแผ่นนั้นไปถึงเขาด้วยสภาพเยิน ๆ มีร่องรอยด่างดำ

 

เพื่อนหยุดอยู่ที่ร้านโปสการ์ดขาวดำนั่งและนั่งเขียนอยู่ตรงนั้น เธอชวนฉันเขียนโปสการ์ดด้วย แต่ฉันอยากดูคนเขียนมากกว่า นานๆ จะได้เห็นคนนั่งก้มเขียนกันมากๆ อย่างนี้ ข้างร้านโปสการ์ดขาวดำมีดนตรีเล่นสดๆ ให้ฟังด้วย เที่ยงคืนเนเน่ชวนเราเดินกลับที่พักซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก นับว่าเนเน่ดูแลเพื่อนใหม่ที่เพิ่งรู้จักกันดีมากๆ การกระทำของเธอยืนยันคำพูดของเธอว่า คนที่นี่ส่วนใหญ่เป็นมิตร

 

ยามเช้าเราออกมาเดินดูเมืองปายกันต่อ เริ่มเดินจากที่พักผ่านร้านหนึ่งเขียนว่า ไก่ทอดหาดใหญ่ ข้าวแกงปักษ์ใต้ ฉันตรงเข้าไป แต่เพื่อนทำท่าว่ายังไม่อยากหยุดอยู่ที่ร้านอาหารใต้ จริงของเพื่อน เรามาถึงนี้จะกินอาหารใต้ทำไม จึงแค่หยุดทักทายแม่ค้าเป็นภาษาใต้แล้วเลยผ่าน ไปเช่ารถจักรยานกิจกรรมที่เคยทำทุกครั้งที่มาที่นี่ แต่เนเน่เธอไม่ชอบ เราจึงต้องแยกทางกัน เธอบอกว่าอยากจะนั่งนิ่งและอ่านหนังสือริมน้ำ

 

เช้านี้มีผู้คนมากกว่าเมื่อคืนอีก รถตู้เต็มถนน ปั่นจักรยานติดรถตู้เป็นระยะ แม้ออกจากถนนในเมืองไปแล้วก็ยังติดรถตู้ที่เข้าไปส่งนักท่องเที่ยวตามที่พัก

 

ไปเรื่อยๆ ไปตามเส้นทางเล็กๆ ในหมู่บ้าน พบเพิงขายอาหาร เป็นมะละกอทอด ไปที่ไหนต้องกินอาหารที่นั่น เราเลยชิมมะละกอทอดกัน กินแล้วก็ขอสูตรเขามาด้วย

 

แม่ค้า เป็นคนพื้นถิ่นที่นี้ เธอบอกว่ามะละกอทอดกินกันมานานแล้ว ต้องเลือกมะละกอที่แก่ใกล้จะสุกแบบเนื้อพอเหลืองนิด ๆ ซอยหยาบ ๆ แล้วไปแช่น้ำปูนใสสักพัก แล้วซุปแป้งทอด กินกับน้ำจิ้ม เผื่อใครสนใจอยากทำกิน น้ำจิ้มของเขาใช้น้ำส้มหรือมะนาวก็ได้ พริกขี้หนูเล็กน้อยหั่นหั่นหยาบๆ ถั่วลิสงตำพอแหลก เกลือ น้ำตาล แตงกวาหั่นบาง ๆ ชิมรสให้กลมกล่อม


 

ผ่านแม่ค้ามะละกอทอดเราพบลุงขายกล้วย แวะซื้อกล้วยหนึ่งหวี เพื่อนถามคนขายกล้วยว่า "กล้วยปลูกที่นี่หรือค่ะ"

"ปลูกหลังบ้านนี้แหละ"

"บ้านลุงกว้างขวาง ทำไมไม่ทำเป็นที่พักนักเดินทางละค่ะ" เพื่อนชวนคุยต่อ

ลุงแกส่ายหน้า

"นักท่องเที่ยวเยอะแยะอย่างนี้เดือดร้อนไม่ล่ะค่ะลุง" เพื่อนถาม

"ไม่เดือดร้อนอะไร"

"รำคาญไหมลุง ใกล้ๆ บ้านลุงก็มีที่เกสท์เฮาส์ มีบ้านพักนักเดินทางเยอะ" ฉันถาม


คราวนี้ ลุงตอบว่ารำคาญ ถ้าเสียงดังมาก ๆ

"ลูก ระวังรถ" แกบอกพลางขยับโต๊ะขายกล้วยให้เราหลบเข้ามาให้ปลอดภัยจากรถตู้ที่ขน นักท่องเที่ยวเข้าไปพักข้างใน จักรยานเราแกะกะถนนจริง ๆ คนขับรถยนต์เปิดกระจกมาส่งเสียงดัง คิดขำคำของเนเน่ที่ว่าผู้คนที่มาที่นี่ส่วนใหญ่เป็นมิตร

"เดือดร้อนเหมือนกันนะลุงนะ" ฉันพูดขึ้นหลังจากหลบรถจากถนน

"มีบ้าง" แกตอบอย่างเกรงใจ เพื่อนยกมือไหว้ลุงและบอกว่า ขอบคุณค่ะ และขอโทษนะลุงนะที่มารบกวน

โอ...ฉันมองเพื่อนอย่างทึ่งสุด ๆ นี่มุมที่งดงามของนักท่องเที่ยวอยู่ตรงนี้เอง ตรงที่ให้เกียรติรู้สำนึกต่อเจ้าของบ้าน กินอาหารของคนท้องถิ่น กินมะละกอทอดและกล้วยน้ำว้า

 


ฉันบอกเพื่อนว่า วันนี้เราตั้งใจจะหาคุณค่าใหม่ๆ แต่พบคุณค่าเก่าๆ เช่น ข้าวปุ๊ มะละกอทอด และกล้วยน้ำว้า เป็นคุณค่าเก่าๆ ที่ไม่ต้องค้นหา

 

 

บล็อกของ แพร จารุ

แพร จารุ
“จึงขอตั้งจิตมั่นว่าจะพูดแต่ความจริงด้วยถ้อยคำที่ก่อให้เกิดความมั่นใจ ความเบิกบาน และความหวัง โดยไม่กระพือข่าวที่ตัวเองไม่รู้แน่ชัด รวมทั้งไม่วิพากษ์วิจารณ์ หรือกล่าวโทษในสิ่งที่ตัวเองไม่แน่ใจ” ฉันชอบถ้อยคำนี้มาก เป็นถ้อยคำ ที่เพื่อนนำมาฝากหลังจากที่เธอกลับมาจากภาวนา เรื่องมันเป็นอย่างนี้ค่ะ... เพื่อนของฉันกลับมาจาก “ภาวนา” แบบหมู่บ้านพลัม เธอว่าดีงามมาก ใช้กับชีวิตได้ เธอพูดถึง ข้ออบรมสติ 5 ประการ แต่เธอเน้นข้อฝึกอบรม ข้อที่ 4 เธอเขียนส่งมาให้ฉันอ่าน ฉันคิดว่าเธอคงอยากให้ฉันตระหนักรู้ หรือไม่เธอก็บอกอ้อม ๆ ว่า ฉันเป็นคนที่ควรจะปฏิบัติเพราะฉันมีปัญหาในข้อนี้…
แพร จารุ
ระหว่างการพูดคุยกับเพื่อน เพื่อนนักเขียนของฉัน ไปอยู่ไกลถึงลอนดอน ช่วงที่ผ่านมาเธอกลับบ้านเพื่อมาส่งแม่เดินทางไกล เพราะครั้งนี้แม่ไปแล้วจะไม่กลับมาอีกเลย และไม่รู้ว่าเส้นทางสายยาวไกลของแม่อยู่ที่ไหน แต่สำหรับเธอ เชื่อว่า จะไปพบกันที่พระเจ้า เราไม่ได้พบหน้ากันมานาน ได้แต่คุยโทรศัพท์กัน ช่วงแรกเพื่อนนักเขียนของฉันนั่งทำงานเขียน นั่งวาดภาพ และปลูกต้นไม้อยู่ในเรือนกระจกอยู่ที่บ้าน ต่อมาเธอไม่เลือกที่จะนั่งเขียนหนังสืออยู่ที่บ้านแล้ว เธอไปทำงานที่พักคนชรา ทำงานอยู่กับคนแก่ ไม่ใช่เรื่องโรแมนติกแต่เป็นเรื่องจริงของชีวิต เธอมีการงานที่มีความเศร้า ความตายของคนแก่ที่นั่นอยู่เสมอ
แพร จารุ
ยามเช้าได้อ่านงานของดอกสตาร์ เธอเขียนจั่วหัวว่า เชียงใหม่แพ้ซ้ำซาก Chiangmai lost her beauties. ข้อเขียนของเธอบอกว่า ผังเมืองฉบับใหม่ซึ่งตอนนี้อยู่ในช่วง ๙๐ วัน ที่คนได้รับความเดือดร้อนจากผังเมืองฉบับนี้จะยื่นคำร้องเพื่อคัดค้าน ถ้ารัฐบาลไม่รับฟังและผังเมืองฉบับนี้ผ่าน โฉมหน้าเมืองเชียงใหม่คงจะอัปลักษณ์สุด ๆ รอวันตายลูกเดียว มีเรื่องฝายทั้งสามแห่งคือ ฝายพญาคำ ฝายหนองผึ้งและฝ่ายท่าศาลาอีก ของเก่าแก่ภูมิปัญญาของบรรพบุรุษสร้างไว้ให้ลูกหลานชาวล้านนาได้ประโยชน์กลับจะรื้อทิ้งโดยเห็นแก่ประโยชน์เล็กน้อยที่เทียบไม่ได้เลยกับความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นกับบ้านเมืองกับลูกหลานในอนาคต“…
แพร จารุ
พ่อหมื่นแก่ฝายคนสุดท้าย นัดพบที่หน้าฝายพญาคำ ในวันเสาร์ที่ 13 กันยายน เวลา 10.00 น. ร่วมทำพิธีสืบชะตาอีกครั้ง ชาวบ้านยอมให้มีการสร้างประตูระบายน้ำแล้ว แต่มีข้อแม้ว่า ห้ามทุบห้ามรื้อฝายโบราณทั้งสามฝาย หรือทดลองใช้ประตูระบายน้ำก่อนสองปี ว่าสามารถทดน้ำเข้าเหมืองเพื่อส่งเลี้ยงไร่นาได้หรือไม่ คือให้ลองดูว่าประตูน้ำทำหน้าที่แทนฝายหินทิ้งเก่าแก่ได้ดีแค่ไหน การจัดการน้ำด้วยระบบเหมืองฝายจะถูกเปลี่ยนมือ จากการจัดการโดยชาวบ้านในระบบแก่ฝายมาเป็นจัดการโดยรัฐชลประทาน ชาวบ้านผู้ใช้น้ำคิดอย่างไรถึงยินยอมทั้งที่ยื้อกันมานาน ถ้านับตั้งแต่ช่วงแรกที่จะมีการรื้อก็เกือบสิบปีแล้ว
แพร จารุ
ฉันได้เดินทางมายังหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ตั้งใจจะมาเที่ยวตามป่าเขาแค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศ   รัฐบาล โดยนายอำเภอ และอุทยานแห่งชาติ จัดให้มีงานบวชป่า และส่งมอบอาวุธปืน มีหนังสือจากหน่วยงานของรัฐมาถึงผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านในเย็นวันหนึ่ง มีเสียงพูดกันเบา จับใจความได้ว่า พวกเขากังวล เพราะพวกเขาไม่มีปืนจะไปมอบ ฉันฟังอย่างไม่เข้าใจ ไม่รู้พวกเขาว่าจะกังวลทำไม ไม่มีก็ไม่ต้องมอบ บอกไปว่าเราไม่มีก็จบ ก็ไม่มีจะเอามาจากไหน
แพร จารุ
 “ไม่นานคนก็ตายกันหมดโลกแน่ ๆ”หญิงสาววัยเพิ่งผ่านเลขสามพูดขึ้นก่อนล้มตัวลงนอน “พี่เชื่อไหม ไม่นานผู้คนจะตายหมดโลก” เธอพูดอีกครั้ง “อะไรทำให้เธอคิดเช่นนั้น” ฉันถามออกไปด้วยความขลาดกลัว มานอนกลางป่ากลางเขาแล้วพูดถึง เรื่องความตาย  ไม่อยากจะฟังคำตอบจากเธอ รีบเตรียมถุงนอน พร้อมที่จะล้มตัวลงนอนใกล้ ๆ เธอ คืนนี้เราเลือกที่จะไม่นอนในบ้านสบาย ๆ แต่เลือกที่จะมานอนกันในป่าเปลี่ยนบรรยากาศ   เธออธิบายต่อว่า เมื่อกลางวันได้ยินข่าวแผ่นดินไหวที่เชียงราย 3.5 ริกเตอร์  เมื่อแผ่นดินไหวที่เชียงรายได้ ก็ไหวที่เชียงใหม่ได้ หรือที่อื่น ๆ ได้ และมันคงจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ “อือ...ก็น่าจะจริง…
แพร จารุ
 เธอได้ยินไหม  คนบ้านฉันเขาตัดไม้กันอยู่ เสียงดังกรูด ๆ ๆ แล้วไม่นานก็ได้ยินเสียงไม่ล้ม ฉันฟังจนแยกออกแล้วว่า เสียงที่ล้มลงมาต้นเล็กต้นใหญ่ขนาดไหน ฉันบอกเพื่อนไปเช่นนั้น ด้วยเราพูดกันอย่างไม่เห็นหน้าจึงไม่รู้ว่า เพื่อนทำหน้าตาอย่างไร เธอคงคาดไม่ถึงว่าได้ยินเสียงตอบเช่นนี้ เธอคงผิดหวังมากทีเดียวเพื่อนโทร.มาบอกให้ฉันช่วยเขียนเรื่องการปลูกต้นไม้ เป็นโครงการหนึ่งของมูลนิธิที่เธอทำงานอยู่ ชื่อว่า โครงการป่าเมือง หรือการปลูกต้นไม้ในเมืองนั่นเอง
แพร จารุ
ขอคั่นรายการหน้าโฆษณาหน่อยนะคะ บอกจริง ๆ ว่า ช่วงนี้รู้สึกโหวงเหวงอย่างบอกไม่ถูก คุณผู้อ่านรู้จักคำว่า โหวงเหวงไหม มันเป็นอาการซึม ๆ เศร้า ๆ และรู้สึกเบา ๆ ในหัวใจ  เมื่อทบทวนดูอาการแล้ว พบว่าน่าจะมาจากสภาพสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัว ซึ่งน่าจะเป็นอาการผิดปกติจากข่าว ช่วงนี้มีข่าวมีคนตายเป็นหมื่นเป็นแสน และยังหายสาบสูญไปอีกเท่าไหร่ไม่รู้ อีกทั้งยังบาดเจ็บรอคอยอยู่อีกมาก
แพร จารุ
“พี่มันน่ากลัวจริง ๆ ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ไม้พี่ไม้ ไม้เป็นหมื่น ๆ” เธอส่งเสียงมาเหมือนถูกผีหลอกกลางวัน“อยู่แดนสนธยาที่ไหน” ฉันถามกลับไปเพื่อให้ตัวเองตั้งสติหากมีเรื่องร้าย “ไม่ใช่ต้นไม้แต่เป็นไม้เป็นหมื่น ๆ ท่อนพี่ ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย มันเยอะจริง เดี๋ยวจะถ่ายรูปส่งไปให้ดู บางต้นมีผ้าเหลืองผ้าแดงผูกโคนต้นด้วย” “ที่ไหน” “กิ่วคอหมาพี่ เขากำลังสร้างเขื่อนกิ่วคอหมา พี่รู้เรื่องนี้ไหม พูดแล้วขนลุกพี่ รอเดี๋ยว ๆ นะพี่นะจะส่งรูปไปให้ดู”“จ๊ะ แล้วเธอไปทำไม”“ขับรถผ่านมานะพี่  กลับมาจากลำปาง”เธอพูดหลายครั้งว่าเธอไม่เคยเห็นไม้เยอะขนาดนี้มาก่อนจริง ๆ และสงสัยว่าทำไมเขายังตัดไม้กันขนาดนี้…
แพร จารุ
เขาว่ากันว่า  เชียงใหม่เป็นเมืองแห่งธรรมชาติงดงาม เมืองวัฒนธรรมประเพณีเก่าแก่ จอดดูสักหน่อยซิเขาเล่ากันต่อว่า ช่วงสิบปีที่ผ่านมา เชียงใหม่เติบโตด้านการท่องเที่ยวสูงสุด ปีหนึ่งๆ มีคนมาเที่ยวเชียงใหม่มากมาย เชียงใหม่กลายเป็นเมืองที่ต้องรับภาระหาเงินทอง เมกกะโปรเจคขนาดใหญ่จึงเกิดขึ้นที่เมืองเชียงใหม่ว้าว! แล้วคนเชียงใหม่ คิดอย่างไรกับเมืองเชียงใหม่ หากไปถามคำถามนี้ ร้อยทั้งร้อยคนเชียงใหม่ต่างวิตกกังวล คนเชียงใหม่บอกว่า เมืองน่าอยู่นั้นคือเมื่อก่อน เมื่อก่อนซึ่งไม่นานเท่าไหร่ แต่เดี๋ยวนี้ คนเชียงใหม่ลำบากกับรถติดในเมือง คนเชียงใหม่กลัวน้ำท่วมเหมือนปี 2548 ฤดูร้อน…
แพร จารุ
เมื่อไม่นานมานี้ ฉันไปร่วมงาน เปิดตัวหนังสืออาหารบ้านฉัน ที่บ้านแม่เหียะใน หัวหน้าอุทยานดอยสุเทพ มาเปิดงาน ฉันฟังเสียงของท่านไม่ค่อยได้ยิน เพราะว่ายืนไกลและที่บ้านแม่เหียะใน ไม่มีไฟฟ้าใช้ ต้องใช้เครื่องปั่นไฟ เสียงเครื่องปั่นไฟดังมาก จึงไปถามชาวบ้านที่ตั้งใจไปฟังใกล้ ๆ ว่าท่านพูดอะไร แน่นอนชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่อุทยานเขาต้องตั้งใจฟังทุกอย่างที่เจ้าหน้าที่อุทยานพูด เพราะว่าชีวิตขึ้นอยู่กับอุทยานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  หรือเรียกว่าอยู่ภายใต้กฎหมายอุทยาน “ท่านพูดว่า ท่านเข้าใจว่าที่ทำหนังสือเล่มนี้ทำขึ้นมาเพราะต้องการที่อยู่ที่กิน” หญิงสาวคนหนึ่งบอกว่าท่านพูดเช่นนั้น และเธอรู้สึกดีใจมาก“…
แพร จารุ
ป้าของฉันเป็นผู้หญิงธรรมดามาก ไม่เป็นที่รู้จักของใคร  ฉันคิดว่าคนที่ป้ารู้จักมีแต่หลาน ๆ กับคนข้างบ้านเท่านั้น และคนที่รู้จักป้าก็เช่นกัน ป้าเป็นผู้หญิงธรรมดาจริง ๆ แต่ฉันอยากเขียนถึงป้า เพราะน่าจะมีแต่ฉันที่จะเขียนถึงป้า และฉันก็น่าจะเป็นหลานคนเดียวที่ไม่เคยได้ทำอะไรให้ป้าเลยนอกจากเขียนถึงป้า ใจหายเหมือนกันเมื่อคิดว่า นี่คือสิ่งแรกที่ฉันจะทำให้ป้า ป้าฉันไม่มีอะไรพิเศษเลยนอกจากเป็นคนดี มีจิตใจที่ดีงาม ตั้งแต่ฉันรู้จักเป็นป้าหลานมา ฉันไม่เคยเห็นป้าทำอะไรไม่ดีเลย ไม่ใช่แกเป็นป้าที่ดีของพวกหลาน ๆ แกเท่านั้น แต่เป็นเพื่อนบ้านที่ดีของเพื่อนบ้าน ชีวิตป้ามีความสุขมาก ฉันคิดว่าป้ามีความสุขทุกวัน…