Skip to main content

 

หญิงสาวมักจะกลัวอ้วนเพราะอยากสวย


เราถูกทำให้เชื่อกันว่าคนอ้วนจะไม่สวย เป็นสาวเป็นนางต้องผอมเข้าไว้ ใครไม่ผอมเหมือนนางแบบ หรือนักแสดงหน้าจอโทรทัศน์ก็จะไมได้มาตรฐาน ซึ่งความจริงแล้วบางคนผอมจนเกินไป เรียกว่าแห้งแรงน้อยไม่แข็งแรง ขาแขนมีแต่กระดูก คอโปน ไหปลาร้าลึกขนาดน้ำขังยามเมื่ออาบน้ำ

หลายคนอ้วนหรือแค่มีเนื้อหนังมังสาก็จะกลายเป็นปมด้อยไปแล้ว

คนอ้วนมักจะสูญเสียความมั่นใจในตัวเอง เช่นไม่กล้าสวมเสื้อผ้าสวย ๆ บางคนเดินก้มหน้า ไม่กล้ามีคนรัก ไม่กล้ารักใคร

ความจริงเสื้อผ้าสวย ๆ ที่สวมใส่แล้วมันใจในตัวเองก็สวมไปเถอะอย่าทำให้ตัวเองสูญเสียโอกาส

 

ฉันเป็นคนอ้วนคนหนึ่ง


ครั้งหนึ่งฉันก็สูญเสียความมั่นใจในตัวเองไป เพราะใคร ๆ ต่างทักว่า “อ้วน อ้วน และอ้วน” เหมือนหนึ่งว่าจะทักทายกันด้วยคำพูดอื่นไม่เป็น


บางคนร้ายเข้าไปกว่านั้นอีกนาน ๆ เจอกันครั้งทักทายด้วยคำพูดว่า “ทำไมอ้วนจัง” หรือไม่ก็ดูอ้วนไปนะแต่โชคดีที่ฉันสูญเสียความมั่นใจไปไม่นาน ฉันเรียกร้องความมั่นใจในตัวเองกลับมาและประกาศในใจ ว่า ถึงฉันอ้วนฉันก็แข็งแรงนะ ฉันวิ่งเดินได้เท่าที่คนอื่น ๆ ทำได้ ฉันไม่เดือดร้อนอะไรเลย คนอื่นต่างหากที่มาเดือดร้อนกับฉันมาพูด มาทักทาย มาแสดงความคิดเห็น และส่วนใหญ่ก็แสดงความคิดเห็นไปอย่างนั้นแหละไม่ได้จริงจังอะไร


ก็คนมันอ้วนอยู่แล้วจะมาทักกันทำไมหนักหนาว่า “อ้วนจัง อ้วนขึ้นนะ”

มีบางครั้งเหมือนกันที่ฉันมีโมโห ถามออกไปว่า “เคยเห็นฉันผอมหรือค่ะ ฉันไม่เคยผอมเลย”

 

มีเหมือนกันบางคนอยากเอาใจคืออยากพูดให้เราดีใจ

ผอมลงหรือเปล่าค่ะ”

ถามอย่างนี้ฉันมักจะตอบว่า

ไม่ผอม เรื่องอะไรจะต้องผอมค่ะ ระดับนี้ไม่มีผอมค่ะ”

มันน่าแปลกจริง ๆ ทำไมจะต้องยุ่งอยู่แต่เรื่องอ้วนผอม

 


ฉันมีเพื่อนอยู่คนหนึ่งเราเรียนประถมปลายด้วยกัน และกลับมาเจอกันอีกครั้งหนึ่งเมื่อเรียนรามคำแหง เราไปไหนมาไหนด้วยกัน ไปเรียนด้วยกัน ไปเที่ยวด้วยกัน เราถูกเรียกว่าอ้วนผอมเพราะเพื่อนสนิทคนนี้เธอผอมมากแบบนางแบบในยุคนี้ได้เลยแหละค่ะ


สิบกว่าปีไมได้พบกันต่างแยกย้ายกันไปทำงานตามแนวทางของตัวเอง แต่เธอจะโทร.มาบ่นเสมอว่า เธออ้วนขึ้นจนใคร ๆ ก็ทัก ทุกครั้งที่คุยกันเธอจะกังวลอยู่กับอ้วนของเธอ แล้ววันหนึ่งฉันก็ได้พบเธอ ฉันรู้สึกว่าเธออ้วนจริง แต่ดูดีขึ้นกว่าเก่าดีกว่าผอมแห้งแรงน้อย เธอถามฉันว่า ฉันเคยลดความอ้วนไหม


เคยคิดเหมือนกัน เช่นว่า เคยกินข้าวน้อยลง เคยหยุดกินอาหารเย็นอยู่สักครึ่งเดือนแต่รู้สึกไม่มีความสุขเลย”

เคยกินยาลดความอ้วนไหม เคยไปหาหมอไหม” เพื่อนถามต่อ

ฉันไม่เคยกินอะไรเพื่อให้ผอม และสำคัญอาชีพฉันไม่ได้ขายรูปร่างหน้าตาแบบนางแบบหรือนักแสดงฉันทำงานด้วยสมองและสองมือฉันกลัวยาจะไปกระทบกระเทือนด้านสมองฉัน เพราะฉันไม่ใช่คนฉลาด


ฉันก้าวผ่านเรื่องอ้วนผอมสวยงามมาตั้งแต่วัยเยาว์ เพราะฉันไม่เคยผอม และโชคดีที่บ้านฉันไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก เรียกว่า ลูกสาวบ้านนี้ไม่มีผอม


ฉันยืนยันกับเพื่อนว่า วิธีที่ดีที่สุดที่ทำให้ตัวเองแข็งแรง มีสุขภาพดีคือการออกกำลังกาย ซึ่งทำได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่อย่าไปตั้งเป้าหมายว่า ออกกำลังกายเพื่อลดความอ้วน เพราะจะหมดกำลังใจเพราะจะไม่ทำให้ผอมลงทันทีแต่จะทำให้เรารู้สึกมีความสุขในทุกวันที่ได้ออกกำลังกาย โดยเฉพาะการเดินในที่โล่ง ๆ

 

 

แต่งงานต้องผอม

น้องสาวคนโตของฉันเคยลดความอ้วนเพื่อชุดแต่งงานด้วยชาสมุนไพรอะไรสักอย่างหนึ่ง และเธอก็ผอมลงได้จริง ๆ และไม่กลับมาอ้วนอีกเลยแต่ฉันรู้สึกว่าเธอกลายเป็นคนไม่ค่อยแข็งแรง กว่าจะฟื้นตัวได้นานทีเดียว ส่วนน้องสาวคนเล็กของฉันนั้น เธอก็แต่งงานเหมือนกัน แต่เธอไม่สนใจ เธอสวมชุดเจ้าสาวทั้งที่ตัวอ้วนกลมและมั่นใจในตัวเองมาก ใครจะว่าแต่งสีชมพูหวานจะอ้วนไปเธอก็ไม่สน


เธอสวยแบบอ้วน ๆ ของเธอ

ส่วนฉันไม่มีปัญหาเรื่องชุดแต่งงานเพราะฉันไม่ได้สวมชุดแต่งงาน คือฉันไม่ได้มีพิธีแต่งงานในการมีคู่ครอง


ฉันจึงอ้วนต้นเสมอปลายเรียกว่าชีวิตนี้ไม่มีผอม มีผู้มาแนะนำเรื่องความผอมอยู่บ้าง มีเพื่อนบางคนที่มีเนื้อมีหนังไปลดความอ้วน ไปหาหมอ ซื้อยามากิน ดื่มชาสมุนไพร ช่วงหลังมีกาแฟลดความอ้วนด้วย

 

เดือนที่ผ่านมาได้พบเพื่อนอีกคนหนึ่งเธออยู่เยอรมัน เธอเป็นคนตัวสูงใหญ่ กลับมาเมืองไทย เธอถูกทักว่าอ้วนจนคิดว่าจะลดความอ้วน แต่เธอบอกว่าเธออยู่ที่โน้นเรื่องอ้วนผอมไม่มีปัญหาเลย เมื่อเธอจะลดความอ้วนเพื่อนบอกว่า ไร้สาระ

 

เชื่อว่า ผอมจนเกินเหตุกับอ้วนจนเกินไปมันก็ไม่ดีเหมือนกัน อ้วนมากเกินไปและอ้วนแบบไม่แข็งแรงนำไปสู่โรคต่าง ๆ มากมาย

แต่ถ้าอ้วนแล้วแข็งแรง ดูแลสุขภาพตัวเองอยู่เสมอก็ไม่น่าจะเป็นไร

ใช่แล้ว ถ้าคุณเป็นคนอ้วน คุณต้องเป็นคนอ้วนที่แข็งแรง ไม่มีโรค และมั่นใจในตัวเอง แค่นี้ก็มีความสุข


ฉันมีเพื่อนอยู่หลายคนที่กังวลอยู่กับเรื่องอ้วนผอมตั้งแต่วัยสาวจนผ่านเลยมาแล้วเธอก็ยังคงวุ่นยุ่งอยู่กับการลดความอ้วนของเธอ มีผอมลงบ้างเล็กน้อย เสียเงินไปกับการกิน ๆ ลด ๆ


ถ้าเรามีสุขภาพดีและมีความสุขอ้วนก็ไม่เห็นเป็นไรชีวิตมีอะไรมากมายมากกว่าอ้วนผอม ข้ามพ้นคำทักทายว่า “อ้วนจัง” หรือไม่ก็ขอบคุณเขา

 

 

 

บล็อกของ แพร จารุ

แพร จารุ
มีคำกล่าวว่า "อาหารอายุสั้น คนกินอายุยืน อาหารอายุยืน คนกินอายุสั้น" แรกที่ฟังก็รู้สึกรำคาญคนพูดนิด ๆ เพราะเรากำลังกินอาหารอายุยืนแต่เราไม่อยากอายุสั้น สงสัยใช่ไหมคะว่าอาหารแบบไหนที่อายุยืน อาหารที่ปรุงแต่งมาเรียบร้อยแล้ว แช่ตู้ไว้ได้นานๆ นั่นคืออาหารอายุยืน กินกันได้นานๆ แช่ไว้ในตู้เย็น อาหารพวกนี้คนกินอายุสั้น แต่อาหารอายุสั้นก็พวกเห็ด ผักบุ้ง พวกเหล่านี้เป็นอาหารอายุสั้นอยู่ได้ไม่นาน แต่คนกินอายุยืน แต่เดี๋ยวนี้มีมะเขือเทศอายุยืนด้วยนะคะ เป็นพวกตัดต่อพันธุกรรมแบบให้ผิวแข็งไม่บอบช้ำในระหว่างขนส่ง
แพร จารุ
  1   เป็นนักเขียนมีความสุขไหม   วันหนึ่งฉันต้องตอบคำถามนี้ “เป็นนักเขียนมีความสุขไหม” ผู้ที่ถามคำถามนี้เป็นเด็กนักเรียนตัวเล็กๆ ชั้นประถมปีที่ 5 ฉันรู้สึกดีใจที่มีเด็กถามเรื่องความสุขมากกว่าเรื่องรายได้
แพร จารุ
ฉันห่างกรุงเทพฯ มานานจริงๆ นานจนไปไหนไม่ถูก ก่อนฟ้าสางรถทัวร์จอดตรงหัวมุมถนน ฉันเดินตรงเข้าไปทางถนนข้าวสารตามพื้นถนนแฉะ หาที่นั่งรอหลานมารับแต่ก็หาไม่ได้ พื้นแฉะ ๆ ผู้คนกำลังล้างพื้นกันอยู่ จึงตัดสินใจ เดินออกจากถนนข้าวสารมุ่งตรงไปทางกองฉลากกินแบ่งรัฐบาล มีคนจรนอนห่มผ้าเก่า ๆ อยู่มากมาย ตามทางเดิน  
แพร จารุ
มีเพื่อนอย่างน้อยสองคนตกหล่นไปจากชีวิต ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเราเขียนจดหมายคุยกันอยู่เสมอ ๆ ต่อมาฉันเลิกตอบจดหมายเพื่อนทั้งสองคน 
แพร จารุ
2 กันยายน 2552 นั่งกินมะขามหวานเพลิน ๆ มะขามก็เปรี้ยวขมขึ้นมาทันที เพื่อนโทรมาบอกว่า เธอไปที่โรงพยาบาลนครพิงค์ ได้ยินเสียงตามสายที่ รพ.ขอบริจาคเงินช่วยเหลือเด็กชาวเขาที่แม่มาคลอดตายที่โรงพยาบาล “แม่มาคลอดตายที่โรงพยาบาล แสดงว่าเธอตายระหว่างคลอด” เพื่อนตอบว่าใช่ “เด็กยังอยู่รอดปลอดภัย” “ใช่”    
แพร จารุ
"อะไรเอ่ยมันโผล่ขึ้นมาจากดิน" คำถามเล่น ๆ ของเด็ก ๆ สมัยก่อนเราจะตอบว่า ขอม เพราะเคยเรียนเรื่องพระร่วง  ตอนขอมดำดิน แต่ เดี๋ยวนี้ถ้าไปตอบว่า "ขอม" เด็กไม่เข้าใจ
แพร จารุ
1 วันก่อนไปท่ากาน (ท่ากานเป็นหมู่บ้านหนึ่ง ในอำเภอสันป่าตอง เชียงใหม่ ) พบเด็ก หญิงสองคน เอาก้านกล้วยมาแกว่งไปมากระโดดเล่นกัน ดูน่ารักดี เป็นการเล่นแบบหาของใกล้ตัวมาเล่นกัน
แพร จารุ
10 กันยายน 2552 น้องคนหนึ่งโทรศัพท์มาบอกว่า “มีเรื่องตลกเศร้ามาเล่าให้ฟัง” ฉันหัวเราะ ไม่อยากฟังเธอเล่าอะไรเลยเพราะกำลังเจ็บหูอย่างแรง กำลังจะไปหาหมอ แต่เธอรีบบอกก่อนว่า “พี่ยังไม่รู้ใช่ไหม ลุงหมื่นแกฝายพญาคำ กับพ่อหลวงสมบูรณ์ ผู้ช่วยแกฝาย เขาเซ็นยินยอมให้กรมชลประทานสร้างประตูระบายน้ำแล้ว”
แพร จารุ
   บก.สุชาติ สวัสดิ์ศรี เทียบเชิญฉันเขียนเรื่องสั้น ช่อการะเกด ฉบับเทียบเชิญนักเขียนเก่าที่เคยเขียนช่อการะเกด
แพร จารุ
เธอนิ่งเงียบหลังจากกินอาหารเสร็จ "เศร้าทำไม" ฉันถามเธอ "กำลังดูกระถางต้นไม้อยู่" เธอตอบไม่ตรงกับคำถาม ฉันมองไปที่กระถางต้นไม้ มีอะไรตายอยู่ในนั้นที่ทำให้เธอเศร้า หรือว่าเศร้าที่ต้องมากินอาหารใต้ที่เมืองเหนือทั้งที่เธอเพิ่งเดินทางมาจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
แพร จารุ
 ผู้ชายคนหนึ่ง เลี้ยงปลวกเพื่อเอาปลวกไปเลี้ยงปลาดุก เขาบอกว่า เขาเฝ้ามองปลวกตัวอ้วน ๆ ที่ค่อยเติบโตขึ้น และเอาปลวกไปให้ปลาดุกกิน เขาอธิบายตัวเองว่าเป็นวิถีแห่งสัตว์โลก วิธีการใช้ชีวิตให้อยู่รอดฉันแค่สะดุดใจตรงที่เลี้ยงดูเขาไว้ก่อนแล้วค่อยจัดการ ฉันคิดว่า ถ้ามันกินกันเองตามวิถีชีวิตไม่เป็นไรฉันคิดถึงถ้อยคำหนึ่ง จำไม่ได้แล้วว่า ใครพูด "เขารัก...เหมือนคนเลี้ยงหมูรักหมูที่เลี้ยงไว้" นั่นหมายถึงรักและดูแลอย่างดีเพื่อเอาไว้ฆ่าและขาย
แพร จารุ
1  ฉันเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับความตายครั้งแรกเมื่อพ่อตายจากไป ในวันที่แม่ พี่ ๆและ ญาติ ๆ ต่างช่วยกันจัดงานให้พ่อ ผู้หญิงเตรียมอาหาร ปอกหอมกระเทียม เด็ดก้านพริกขี้หนู หั่นตะไคร้ ผู้ชายเตรียมไม้ฟืนเพื่อทำอาหาร หุงข้าว ต้มแกง ต้องหุงข้าวด้วยกระทะใบใหญ่  ต้องทำอาหารจำนวนมากในเวลาหลายวัน เรามีญาติเยอะ มีเพื่อนบ้าน และคนรู้จักมากมาย เพราะเราไม่ได้มีพ่อที่ดีต่อลูกเท่านั้นแต่มีพ่อที่ดีต่อผู้อื่นด้วย