Skip to main content

มุสโต๊ะ (มุส-สะ-โต๊ะ)
อาหารมื้อไหน ๆ ก็ต้องมีมุสโต๊ะ

มุสโต๊ะก็คือน้ำพริกนั่นเอง ฉันรู้จักมุสโต๊ะครั้งแรกเมื่อเที่ยวบ้านปกาเกอญอ และนับจากวันนั้นก็ชอบมุสโต๊ะแบบปกาเกอญอทันที่

มุสโต๊ะแบบแรกที่ได้กินคือมุสโต๊ะแบบแห้ง ๆ แม่บ้านหยิบพริกขี้หนูที่อยู่บนแผงเหนือเตาไฟมาใส่ครกแล้วก็ตำ ๆ พร้อมกับเกลือเม็ด ตำไปเรื่อย ๆ จนละเอียด แล้วใส่ผักชีลงไปตำด้วย เป็นมุสโต๊ะแบบแห้ง ๆ

ถามแม่บ้านว่า แค่นี้เองเหรอ เธอบอกว่า ใส่ผงชูรสอีกนิดหน่อย ชูรสกับเกลือ แต่ต้องเป็นเกลือเม็ดไม่ใช่เกลือป่น

ใส่ปลาแห้งลงไปได้ไหม”
เธอตอบว่า ถ้ามีก็ใส่ได้ มีอะไรก็ใส่ได้

มีอะไรก็ใส่ได้จริง ๆ เพราะวันแรกใส่ผักชี วันต่อมามีมะเขือเทศ และอีกวันไม่มีทั้งมะเขือเทศ และผักชี
แม่บ้านบอกฉันว่ามีข้าว มีพริก ก็อยู่ได้แล้ว พวกผัก ถั่ว ปลูกทีหลัง หาข้าวกับพริกไว้ก่อน

แล้วเกลือล่ะ” ฉันถาม
เธอบอกว่าซื้อเอาเกลือ ซื้อเกลือกับผงชูรสเท่านั้น อย่างอื่นไม่ต้องซื้อ



อาหารมื้อสมบูรณ์ก็ต้องมีมุสโต๊ะถ้วยหนึ่ง

 
หลังจากนั้น ฉันทำมุสโต๊ะแบบปกาเกอญอกินอยู่เสมอ ๆ แต่จะเติมปลาแห้ง กุ้งแห้งลงไปด้วย แต่ถึงกระนั้นก็ไม่เคยอร่อยเท่าจนเลิกทำเอง ฉันคิดว่ามันอยู่ที่ความเผ็ดของพริกที่ต่างกัน หรือไม่ก็อยู่ที่ไฟที่ลนให้พริกแห้งยาวนาน เพราะเขาจะเอาพริกขึ้นไว้บนแผงเหนือเตาไฟ ตลอดเวลา

ฉันจริงจังกับมุสโต๊ะมากถึงขั้นเอาพริกจากดอยลงมาปลูก และเมื่อทำมุสโต๊ะก็เอาพริกไปคั่วก่อน ไปซื้อเกลือเม็ดใหญ่ ใส่ชูรสด้วย ก็ยังไม่อร่อยเท่า ฉันคิดว่าอยู่ที่อารมณ์ของคนปรุง และบรรยากาศนั่นด้วย

เมื่อวานนี้ฉันได้ไปนั่งกินมุสโต๊ะอีกครั้งกับพี่น้องปกาเกอญอ ในระหว่างกินอาหารอยู่นั้น หนุ่มเจ้าของบ้านพูดขึ้นว่า มุสโต๊ะช่วยได้หลายอย่าง ดับกลิ่นคาว ช่วยให้อาหารต่าง ๆ อร่อยขึ้น

เขาถามฉันว่า มุสโต๊ะที่ปักษ์ใต้เป็นอย่างไร

เขาเรียกว่าน้ำชุบ ไม่ใช่น้ำพริก ถ้าใครพูดน้ำพริกไม่ใช่ของแท้หรือดัดจริตพูดใต้บนกลาง แล้ว”
เขาพยักหน้าพร้อมกับเอาปากกามาจด

น้ำชุบมีหลายอย่าง เช่นน้ำชุบแห้ง เอาพริกแห้งตำกับกะเทียมแล้วใส่กะปิลงไปเลย อยากนี้เรียกน้ำชุบแห้ง
(แต่กะปิต้องย่างไฟให้หอมถึงจะดี) แล้วก็มีน้ำชุบโจร อันนี้เป็นศิลปะมาก สมัยก่อนโจรต้องรีบกินรีบไปจะมามัวโอ้เอ้แบบศิลปินไมได้

 


น้ำชุบแห้ง
 

ดังนั้นน้ำชุบโจรจึงต้องทำอย่างรีบด่วน โจรไม่มีครกมีสาก มีแต่มีด พริกขี้หนูเก็บเอาระหว่างทาง เพราะพื้นที่เราอุดมสมบูรณ์มาก พริกหั่นหยาบ ๆ หอมก็หั่นหยาบ เอากะปิลงไป เติมน้ำลงไปคนให้เข้ากัน ถ้ามีน้ำตาลก็ใส่น้ำตาลไปนิดหนึ่ง นี้เป็นน้ำชุบโจรแท้ ๆ ส่วนที่ไม่แท้ดัดแปลงเขาจะใส่กุ้งลวก และมะนามลงไปด้วย อร่อยเพิ่มขึ้น

อุดมสมบูรณ์แล้วทำไมต้องเป็นโจร”
ฉันบอกเขาว่า มีโจรเพราะมีความไม่เป็นธรรมในแผ่นดิน ฉันก็สืบเชื้อสายมาจากโจรเหมือนกัน

แล้วมีน้ำชุบอะไรอีก”
มีน้ำชุบหยำ หรือเรียกเป็นภาษากลางว่า น้ำชุบขยำ น้ำชุบนี้ใช้พริกขี้หนูแห้งผสมกับพริกขี้หนูสด มีขมิ้น ตะไคร้เยอะ ๆ หอม กระเทียม พริกไทย ตำให้ละเอียดเติมกะปิย่างไฟลงไปตำให้เข้ากัน พิเศษคือน้ำชุบนี้ใส่ปลาย่างลงไปด้วย ใช้ปลาย่างเป็นตัว ๆ เอาแต่เนื้อตำให้เข้ากัน และเอามาคลุกข้าวเอามือคลุกเรียกว่าหยำ ๆ เสร็จแล้วกินกับผัก หรือจะทำเป็นข้าวยำก็ได้แค่เอาผักสารพัดหั่นฝอย ๆ โรยหน้าข้าวราดน้ำมูดูที่ปรุงแล้ว โรยมะพร้าวคั่ว กุ้งแห้ง

ฟังเล่าเรื่องน้ำชุบหลายคนอยากกิน ฉันสัญญากับพวกเขาว่า มาเที่ยวหน้าจะทำน้ำชุบโจรให้กิน น้องชายคนหนึ่งสงสัยว่า มีน้ำชุบโจรเพราะมีความไม่เป็นธรรมในแผ่นดินจริงหรือ

ทำไมพี่กล้าบอกใคร ๆ ว่า สืบเชื้อสายมาจากโจร” เขาถาม
ถ้าสืบต่อไปอีก พี่น่าจะมาจากพวกทาสเลยแหละ จากพวกทาสก็เลยมาเป็นโจร”
ไม่อายเหรอ ”หนุ่มหนึ่งว่า
จะอายทำไม คิดดูสิถ้าไม่มีชนชั้นนี้ การต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมก็ไม่เกิดหรอก ชนชั้นโจรนี่แหละที่มีความพยายามทำให้เกิดความเป็นธรรมหรือมีการเปลี่ยนแปลงได้บ้าง”

 

 

 

บล็อกของ แพร จารุ

แพร จารุ
ถ้าฉันพูดว่า อย่าเอาดอกไม้มาให้ฉันถ้าเธอไม่ได้ปลูกเอง เธออย่าโกรธฉันนะ ฉันจะเล่าให้เธอฟัง วันหนึ่งก่อนฤดูฝน ฉันเดินทางไปหมู่บ้านหลังดอยอินทนนท์  ฉันพบผู้ชายคนหนึ่ง เขาพูดว่า"เอาดอกไม้ของฉันออกจากหน้าอกเธอ"หนุ่มใหญ่คนหนึ่งพูดขึ้น หญิงสาวมีสีหน้าแปลกใจคงสงสัยว่าเธอทำอะไรให้เขาไม่พอใจ จึงไม่ยอมเอาดอกไม้ออกจากกระเป๋าเสื้อ "เอาออกเถอะ" เขายืนยันอีกครั้ง แต่หญิงสาวยังไม่ทำตาม ยังคงเอาดอกไม้เหน็บในกระเป๋าเสื้อตรงหน้าอกต่อ ในที่สุดเขาก็บอกว่า " มันอันตราย ดอกไม้ฉันมีแต่ยา"
แพร จารุ
หมู่บ้านหายโรงเรียนร้าง เดือนก่อนฉันเดินทางไปที่หมู่บ้านหนึ่ง แถวเชียงดาว ไกลเข้าไปในป่า พบโรงเรียนร้างไม่มีเด็ก ไม่มีครู โรงเรียนถูกปิดเพราะไม่มีเด็กเรียน และไม่ใช่แค่โรงเรียนร้างเท่านั้น หมู่บ้านก็หายไปด้วย  ผู้ชายคนหนึ่งเล่าให้ฉันฟังว่าหมู่บ้านนี้ถูกซื้อไปแล้ว "จริงเหรอ เหมือนโฆษณาเลย โฆษณาอะไรนะ ที่ผู้ชายคนหนึ่งถามซื้อเกาะให้ผู้หญิง" ใครคนหนึ่งพูดขึ้น"ไม่ใช่แค่โฆษณาหรอก ละครโทรทัศน์ก็มีเหมือนกัน ชายหนุ่มคนหนึ่งเขาซื้อเกาะให้หญิงสาวเป็นของขวัญหากเธอแต่งงานกับเขา" ฉันบอกพวกเขา
แพร จารุ
แปลกใจใช่ไหมค่ะ ต้นไม้ใหญ่ อ่างเก็บน้ำและหมีแพนด้า  มันเกี่ยวกันอย่างไร  เรื่องมันเป็นอย่างนี้ค่ะ  เดือนฉันก่อนไปศาลากลางมา  ที่หน้าศาลากลางมีคนมากมาย มีชาวบ้านมาประท้วงเรื่องการสร้างอ่างเก็บน้ำ 
แพร จารุ
ในขณะที่ผู้คนที่มาดูต้นไม้ ต่างตื่นเต้นกับต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ใหญ่ที่สุดที่นี่คือต้นจามจุรีหรือต้นก้ามปูที่สโมสรเชียงใหม่ยิมคานา เป็นสนามกอล์ฟเก่า เขาเล่ากันว่าต้นไม้นี้มีอายุมากกว่าร้อยปี ส่วนสูง 15 เมตร ผ่านการประกวดต้นไม้ใหญ่ที่ได้รับรางวัลของเทศบาลมาแล้ว
แพร จารุ
"ที่ซึ่งหนุ่มสาวหอบฝันมาทิ้ง" ฉันบอกเพื่อน ฟังดูน่าตกใจและดูจะเป็นคนใจร้ายไปสักหน่อย และหากว่าน้อง ๆ หนุ่มสาวที่นี่ได้ยินฉันพูดทำนองนี้ พวกเธออาจเสียกำลังใจ เพราะการเดินทางครั้งนี้เราพบหนุ่มสาวพวกที่ฉันคิดว่าเป็นพวก"หอบความฝัน"มากมายหลายคนทีเดียว
แพร จารุ
"ปายแบบเมื่อก่อนจะไม่กลับมาอีกแล้ว เรามาค้นหาคุณค่าใหม่กันเถอะ" เพื่อนคงรำคาญที่ฉันพร่ำเพ้อถึงความหลังครั้งก่อน (ฉันเขียนมาถึงตอนนี้เมื่อฉบับที่แล้ว )  เราได้เพื่อนใหม่ทันที เธอชื่อเนเน่ เธอบอกว่า เธอเดินทางมาที่นี่ปีละหลาย ๆ ครั้ง และแม้ปายจะเปลี่ยนไปอย่างไรเธอก็ยังชอบปาย เธอมาเพื่อหาที่นั่งอ่านหนังสือสบาย ๆ ช่วง เย็น ๆ ก็ออกเดินเล่นไปตามถนน เดินคุยกับคนโน้นคนนี้เพราะผู้คนส่วนมากเป็นมิตร
แพร จารุ
  1 ปาย เปลี่ยนไปมาก และที่ฉันไม่กล้าไปปายก็เพราะกลัวความเปลี่ยนแปลง กลัวจะเสียใจกับความเปลี่ยนแปลงก็เลยพยายามจะลืมปายทำเหมือนหนึ่งว่าไม่เคยมี ไม่เคยไป
แพร จารุ
"ป้าไฟไหม้ ไฟไหม้ " หลานสาวส่งเสียงอยู่หน้าบ้าน "ไฟไหม้ที่ไหน" ฉันถาม เดี๋ยวนี้อาการตื่นกลัวเรื่องไฟไหม้ป่าหลังบ้านลดลงไปแล้ว หากเป็นเมื่อสองปีก่อน ฉันจะกลัวมาก กลัวจนตัวสั่นและรีบโทรศัพท์ไปแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายทันที และบางครั้งก็ลงมือดับไฟเองก่อนที่รถดับเพลิงจะมา พร้อมกับบ่นด่าคนที่ทำไฟไหม้ คนที่มาเก็บของกินในสวนร้างแต่ไม่เคยสนใจหน้าแล้งยามที่ไม่ค่อยมีอะไรเก็บกิน และเจ้าของสวนที่ทิ้งสวนตัวเองไว้แล้วไม่มาดูแล  รวมถึงดับเพลิงที่มาช้าไม่ทันใจ
แพร จารุ
"อย่าลืมเอาถุงผ้าไปซื้อของ" ฉันเคยบอกใครต่อใครจนเขาเบื่อหน่ายกันแล้ว "อย่าเอาถุงพลาสติกเข้าบ้านถ้าไม่จำเป็น"และทุกครั้งที่ฉันเห็นถุงพลาสติกที่ใส่อาหารแล้ววางทิ้งไว้บนโต๊ะ ก็จะรู้สึกโกรธขึ้นมาทันทีและรีบเก็บแต่ถุงพลาสติกก็ไม่เคยหมดไปจากบ้านฉัน มันวางอยู่ตรงโน้นตรงนี้เสมอ ๆ
แพร จารุ
ผู้ชายคนหนึ่งนั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เขาขยันมาก นั่งทำงานทุกวัน เขามีเมียขี้คร้านกับหมาพุดเดิ้ลตัวเล็ก ๆ ที่ส่งเสียงเห่าแหลมเล็กทั้งวันทั้งคืน เสียงหมาเห่าดังมาก  แต่เขายังนั่งทำงานอย่างไม่สนใจ  เมียเขานอกจากขี้คร้านแล้วขี้รำคาญด้วย เธอจึงลุกขึ้นไปที่ประตูอย่างหงุดหงิดรำคาญใจเพราะเธอกำลังนอนอ่านหนังสืออย่างสำราญอยู่ ประตูบ้านยังไม่ปิด บ้านนี้ประตูจะไม่ปิดจนกว่าเจ้าของบ้านจะนอน  ลักษณะพิเศษคือเจ้าของบ้านไม่ชอบปิดประตู เปิดไว้ทั้งวันทั้งคืน
แพร จารุ
 หน้าร้อนใคร ๆ ก็ไม่อยากมาเชียงใหม่ อย่าว่าแต่นักท่องเที่ยวเลย คนที่อยู่เชียงใหม่ที่พอออกจากเมืองได้ก็จะพากันออกจากเมืองไปพักผ่อนที่อื่นฉันเป็นคนหนึ่งที่หนีออกจากเมืองเชียงใหม่ในช่วงหน้าร้อนเสมอ ให้เหตุผลกับตัวเองว่า ถือโอกาสกลับใต้ เป็นการกลับบ้านปีละครั้ง
แพร จารุ
“บ้านฉันไม่ได้อยู่ใกล้สถานบันเทิงเลยค่ะ แต่หนวกหูมากเหมือนกัน” ฉันบอกเพื่อนที่โทรศัพท์มาปรึกษาเรื่องที่บ้านของเธออยู่ใกล้สถานบันเทิง หลังจากที่ ฟังเธอบ่นปรับทุกข์ เรื่องเสียงเพลงหนวกหูจากสถานบันเทิง เธอเล่าว่าย้ายบ้านจากกรุงเทพฯ มาอยู่ต่างจังหวัดได้ไม่นาน ร้านอาหารคาราโอเกะก็มาเปิดข้างบ้าน