Skip to main content

 

1
 
เหมือนเมืองบาป
ฉันบอกเพื่อน ๆ จากเมืองกรุงว่า มาเชียงใหม่ อย่าลืมไปกินข้าวที่สุดสะแนนนะ อาหารหลายอย่างอร่อย และพบใครๆ ที่สุดสะแนนได้ไม่ยาก นักเขียน นักข่าว นักดนตรี นักร้อง ศิลปินวาดภาพ งานปั้น และคนที่ยังไม่มีงานทำและไม่อยากทำงานอะไรเลย

แล้ววันหนึ่ง เพื่อนของฉัน โทร.มาบอกว่า เธอไปที่สุดสะแนนแล้ว แต่ไม่กล้าเข้าไปนั่ง มันดูน่ากลัว เหมือนเมืองบาป
ฉันถามเพื่อนว่า เธอรู้สึกอย่างนั้นจริงหรือ นั่นน่ะเป็นสถานที่ซึ่งปลอดภัยมาก ไม่เคยมีประวัติอาชญากรรมที่นั่นเลย

“แต่ฉันดูแล้วมันน่ากลัว ฉันเดินเข้าไปก็เห็นคนแปลก ๆ ด้วย ดูไม่น่าไว้ใจ ฉันจึงไปที่อื่น”
“เธอไม่บอกฉันว่าจะไปวันไหน ไว้วันหลังถ้าเธอมาใหม่ฉันจะพาไปเอง ไม่น่ากลัว คนที่นั่นไม่น่ากลัวเลย ”

เหมือนเมืองบาป ที่ผู้คนแปลก ๆ ไปอยู่รวมกัน ฉันยิ้มขำ และคิดถึงตัวละครที่อยู่ในร้านเป็นประจำที่ฉันรู้จัก ถ้ามองจากภายนอก จากการแต่งตัว ก็น่าจะดูแปลก ๆ จริง ๆ
แต่อย่างไร ฉันก็ยืนยันว่า ไม่เป็นอันตรายใด ๆ กับใคร
และฉันก็ชอบสุดสะแนนที่เขาไม่เคยปล่อยโคมลอยที่มีไฟสว่าง ๆ หลอกนักท่องเที่ยวไปว่านี่คือวัฒนธรรมประเพณีของคนเมืองนี้
 
 

นี่คือชวด สุดสะแนน นักดนตรี
 
2

Love story เรื่องรักที่สุดสะแนน
 
หญิงคนหนึ่งบอกฉันว่า เธอพบคนรักที่สุดสะแนน  และอยู่กินร่วมกันมาหลายปี อย่างสุข ๆ ทุกข์ ๆ
แต่แล้ววันหนึ่ง เธอมาบอกฉันว่า เธอจะเลิกกับเขาแล้ว เพราะเบื่อที่เขาเอาแต่สนุกสนานจริง ๆ ไม่ได้สร้างฐานะอันใดเลย รับงานได้เงินก็เอาไปสนุกสนานกับเพื่อน ๆ หมด เขายังเป็นสุดสะแนนแสนสนุกเหมือนเดิม

และเธอก็ยกตัวอย่างหนุ่มสาวหลายคู่ที่พบรักกันที่สุดสะแนนแล้วล้วนแต่ไปกันไม่รอด
เธอเล่าต่อว่า แม่เธอเคยบอกแล้วว่า พบกันที่ร้านเหล้าก็ได้แค่นี้แหละ
ฉันยิ้มขำอยู่ในใจ แม่จะให้ไปพบที่ไหนเล่า วัดก็มีแต่พระ ถ้าพบพระที่พร้อมจะจีบสาวก็ไม่ไหวแล้ว หรือจะให้ไปทำเนียบรัฐบาลมีแต่พวกพูดจาโกหกประชาชนไปวัน ๆ เท่านั้น จะไปไหนไปโรงเรียนก็พบครูที่ชอบสั่งสอนตำหนิ ไปที่ศาลเจอผู้พิพากษาที่ตัดสินทั้งวันและเดี๋ยวนี้ศาลก็ถูกตั้งคำถามในด้านความยุติธรรมด้วยโดยเฉพาะกรณียุบพรรคไม่ยุบพรรคการเมือง

หลายวันผ่านไป เธอยังคงยืนยันว่าจะเลิกกับเขาเพราะเห็นแต่ความสนุกสนานของเขาเท่านั้น เธออยากมีรถยนต์ดี ๆ นั่ง อยากมีบ้านสวย ๆ
วันหนึ่งฉันบอกเธอว่า เธอต้องคิดว่าเธอพบกันในวันที่สนุกสนาน  ดังนั้นเธอจะหาสิ่งอื่นจากเขาได้อย่างไร เธอลองคิดถึงวันที่เธอมีความสุขดูว่า เธอคิดถึงอะไร คิดถึงที่ไหน  เอาที่ผ่านมานะไม่ใช่สิ่งที่ฝันถึงอนาคต
เธอนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมาและพูดว่า จริงด้วย
เธอบอกฉันว่า วันนั้นเธอสนุกจริง ๆ เขาพูดจาตลกมาก ๆ และเธอหัวเราะยาวนาน อย่างที่ไม่เคยหัวเราะมาก่อน นับจากวันนั้นเธอกับเขาก็นัดกันไปที่สุดสะแนนเสมอ
เธอไม่รู้ว่าความสนุกหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้อีกทีความเครียดมาแทนที่จนต้องใช้ยาคลายเครียด     
                                  
วันนี้สองคนยังไม่เลิกกัน พวกเขาเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเองและไม่ไปที่สุดสะแนนแล้ว

 

นักดนตรี

3
 
เด็กที่สุดสะแนน
“ป้าเขียนเรื่องอะไร” คำถามธรรมดาของเธอในเกือบทุกเช้า
“เขียนเรื่องสุดสะแนน”
 “สุดสะแนน ลุงก็เขียนเรื่องสุดสะแนน” เธอว่า
 “ไม่รู้จักสุดสะแนนหรอกหรือ...”
 “รู้จักแต่ ชวด สุดสะแนน” ว่าแล้วเธอก็ออกปั่นจักรยานคันเล็กต่อไป 

ชวด สุดสะแนน ชื่อที่ใช้สำหรับออนไลน์ นามสกุลนี้มีอยู่สองคน อีกคนคือ ฮวก สุดสะแนน แต่เธอไม่รู้จัก
ชวด สุดสะแนน คนแรกเป็นนักดนตรี  เป็นคนทำงานศิลปะ ถ่ายภาพ ออกแบบรูปเล่มหนังสือ และชงกาแฟอร่อย มีรานกาแฟเป็นของตัวเองที่เปิดขายในช่วงกลางวัน ส่วนฮวกเป็นเจ้าของร้าน เป็นนักดนตรี และเขียนหนังสือบ้าง

“เด็ก ๆ ไปได้ไหมสุดสะแนน” เธอปั่นจักรยานคันเล็กเวียนมาถามอีกครั้ง
“ไปได้ ที่นั่นมีงานศิลปะให้ดูด้วย มีดนตรีฟัง มีหนังสือให้อ่าน มีอาหารอร่อยให้กิน” ตอบหลานและอธิบายต่อว่า “ มีเหล้าขายด้วย แต่ถ้าเราไม่ซื้อกินก็ได้”
“จริงเหรอป้า”
 “จริง ป้าไม่ได้กินเหล้าสักอึกแต่ป้ายังชอบไปที่นั่นมีอาหารอร่อย ๆ  หลายอย่าง ป้าว่าอาหารสำคัญกว่า รองลงมาคือเพื่อน ไปที่นั่นก็จะเจอเพื่อน ๆ ”
 “โซเฟีย มายา เคยไปหรือเปล่าป้า”
“เคย ...พวกลูกๆ นักเขียน ลูกๆ เอ็นจีโอ ก็มีทำไมเหรอ”
“พี่โซเฟีย น้องมายา มาตาก็เคยไปแล้ว เด็ก ๆ ไปได้จริงๆ ” พูดแล้วเธอก็ปั่นจักรยานออกไป เธอคงปั่นไปอีกรอบหนึ่งก่อนจะกลับมาใหม่ บัดนี้ฉันรู้ตัวว่าพลาดท่าเด็กอีกแล้ว เธอต้องมีเป้าหมายจะไปด้วยแน่ ๆ เลย

นั่นไงเวียนมาอีกรอบแล้ว
“อาหารอร่อยแล้วมีหนังสืออ่านด้วยหรือป้า ” เธอไม่ได้หยุดรอคำตอบ เพราะเป้าหมายของเธอคือ เธอจะไปด้วยได้ไหม
 
 

ฮวก สุดสะแนน นักดนตรี และเจ้าของร้าน
4
 
อาหาร
ชอบที่สุดก็คือ เกาเหลาคั่ว
ฉันชอบอาหารสุดสะแนนในทันทีที่ไปกินครั้งแรก สมัยที่เขามีร้านเล็ก ๆ มีร้านนั่งเป็นม้ายาว ๆ ในคืนที่อากาศหนาวมากและกำลังตัดสินใจจะมาอยู่เชียงใหม่ มีผู้ชายสามคนชักชวนไปแนะนำให้รู้จักร้านนี้ ไปวันแรกก็รู้สึกว่าที่นี่เป็นมิตร มีหนุ่มคนหนึ่งก่อไฟผิงให้หายหนาว เวลาที่นี่ต่างกับเวลาที่กรุงเทพฯ มากเหมือนมันหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้น ผู้คนนั่งกันเงียบ ๆ คุยกันเบา ๆ ดื่มกันนิดหน่อย แต่ไม่มีทีท่าว่าจะจบลงหรืออยากจะแยกย้ายกันไปไหน

ฉันกินอาหารไปหลายอย่าง ทุกอย่างอร่อยหมดและรสชาติแปลกดี กินคำต่อไปไม่อาจรู้ได้ว่าเจออะไร เคี้ยวคำต่อไปอาจจะเป็นใบมะกรูด หอมเจียว หรืออะไรสักอย่าง

อาหารของสุดสะแนนมีความเป็นเฉพาะตัว เช่น เกาเหลาคั่ว ก๋วยจั๊บญวณ ข้าวผัดสูตรมั่ว ฯลฯ
“ไปสุดสะแนนเถอะ ไปกินเกาเหลาคั่ว”
เกาเหลาคั่วของสุดสะแนน พิเศษตรงที่มีหมูยอ มีกระดูกหมูต้มเปื่อย มีเครื่องเทศหอม มีเลือดหมู มีใบมะกรูดทอดด้วย

อีกจานหนึ่งของสุดสะแนน คือ ก๋วยจั๊บญวณ อาหารขึ้นชื่อ เคยถามคนทำครัวว่า มันพิเศษตรงไหน เขาบอกว่า ตรงที่ต้มกระดูกจนเปื่อยทุกวัน นอกจากน้ำซุปแล้วเส้นด้วย เลือกเส้นที่ดี
อาหารจานพิเศษอีกจานที่ฉันชอบก็คือ ข้าวผัดสูตรมั่ว ข้าวผัดที่ใส่สารพัดนั่นแหละ เคี้ยวคำต่อไปจะเจออะไรบ้างก็ไม่รู้ ต้องลองไปกินเอง
                
อาหาร  ดนตรี และมิตรภาพ สามสิ่งนี้ทำให้เรารู้สึกปลอดภัย
 
(ปล.งานชิ้นนี้เขียนในโอกาส 12 ปี  ซึ่งทางสุดสะแนน จะจัดพิมพ์หนังสือเล่มหนึ่ง และจัดงานสิบสองปีสุดสะแนน วันที่ 24 ธ.ค.2553 เขาบอกมาว่า มีหลากเหล่านักดนตรี กวี นักเขียน ศิลปิน ศิลปะ อาหารเครื่องดื่มเพียบ)
 

 

บล็อกของ แพร จารุ

แพร จารุ
นี้ไม่ใช่เรื่องสั้นหรือเรื่องแต่งแต่เป็นเรื่องจริง และนี้เป็นเรื่องน่าเศร้า ไม่ใช่เรื่องตลกแต่ถ้าคุณจะหัวเราะก็มีสิทธิที่จะทำได้ เพราะฉันก็หัวเราะไปแล้ว  เรื่องจริงที่จะเล่าให้ฟัง ...เรื่องมันเป็นอย่างนี้ค่ะ  ที่เชียงใหม่ ยามค่ำคืน มีหญิงสาวคนหนึ่งขับรถโฟล์คสีบานเย็น อยู่บนถนนสายหางดงเชียงใหม่ ในขณะขับรถไปนั้น น้ำมันหมด เพราะที่วัดระดับน้ำมันเสีย เธอรีบโทรศัพท์ไปหาน้องสาว บอกเส้นทางที่ตัวเองอยู่ แต่โทรศัพท์แบต หมดก่อนที่จะทันคุยกันรู้เรื่อง
แพร จารุ
"สงสารท่านผู้นำ" นาน ๆ ฉันถึงจะได้ยินคำพูดแบบนี้ ฉันจึงหยุดมองเธอคนพูด และเห็นว่าในมือของเธอถือหนังสือพิมพ์การเมืองรายสัปดาห์ที่หน้าปกมีรูปท่านผู้นำของเธอ "ทำไมถึงสงสาร" ฉันเสี่ยงถาม "ก็เขาไม่ได้กลับบ้าน"ฉันพยักหน้ารับคำแบบสงวนท่าที่ ไม่ผลีผลามแสดงความคิดเห็น แต่ก็รู้สึกประทับใจในเหตุผล เพราะไม่ว่าจะเป็นใครที่ไม่ได้กลับบ้านน่าสงสารทั้งนั้น ฉันเองก็เป็นหนึ่งคนที่ไม่ได้กลับบ้านในช่วงปีใหม่ คนไม่ได้กลับบ้านน่าสงสารจริงๆ ไม่ใช่เรื่องซับซ้อนอะไรมาก
แพร จารุ
เมื่อฉันดูข่าวสารบ้านเมืองในปัจจุบันนี้ ทำให้นึกถึงเหตุการณ์เมื่อวัยเยาว์ และอยากจะเล่าเอาไว้ เพราะพฤติกรรมของผู้ใหญ่ส่งผลต่อเด็กจริง ๆ ค่ะ ใครบางคนอาจจะไม่ทันคิดว่า การแสดงพฤติกรรมบางอย่างของผู้ใหญ่ เป็นได้มากกว่าการสอนเด็ก ๆ พฤติกรรมของผู้ใหญ่บางอย่างอาจส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของเด็กในอนาคตได้
แพร จารุ
ไนท์ซาฟารีที่อยู่ของสัตว์กลางคืน ฉันไม่เคยไปที่นั่นสักครั้งเดียว แม้ว่าจะมีงานเปิดอย่างยิ่งใหญ่ ใครต่อใครก็เดินทางไปที่นั่น และฉันถูกถามบ่อยๆ ว่า “ไปไนท์ซาฟารีมาหรือยัง” “ทำไมไม่ไป” ฉันได้แต่ยิ้มๆ ไม่ได้ตอบอะไร นอกจากว่า คนถามมีเวลาจริง ๆ ฉันก็จะอธิบายให้เขาฟังว่า ที่ไม่ไปเพราะไม่เห็นด้วยกับการสร้างไนท์ซาฟารีตั้งแต่ต้นและเห็นด้วยกับกลุ่มคัดค้านมาโดยตลอด ไปประชุมสัมมนากับเขาเสมอ
แพร จารุ
ธันวาคมเป็นเดือนที่มีญาติพี่น้องผองเพื่อนเดินทางมาเที่ยวบ้าน ดังนั้นเราจะไม่ไปไหนคือตั้งรับอยู่ที่บ้าน พวกเขามักจะมาพักหนึ่งคืนแล้วไปเที่ยวกันต่อ บางกลุ่มก็วกกลับมาอีกครั้งก่อนเดินทางกลับ พวกเขาจะค้างกันอย่างมากก็สองคืน  เรามีบ้านหลังเล็กมากๆ แต่มีบ้านพ่อหลังใหญ่ บ้านที่พ่อสามีทิ้งไว้เป็นสมบัติส่วนกลาง แรกเราคิดว่าจะให้เพื่อนๆ ไปพักชั้นบนของบ้านหลังนั้น แต่เอาเข้าจริงสองปีที่ผ่านมา ไม่มีใครไปพักหลังนั้นเลย
แพร จารุ
คราวนี้เสียงจากคนเชียงใหม่จริง ๆ ค่ะ เธอเขียนมาถึงดิฉัน พร้อมกับจดหมายสั้น ๆ ว่า ขอร่วมเขียนแถลงการณ์คัดค้าน การสร้างประตูระบายน้ำกั้นแม่น้ำปิงด้วยค่ะ เธอแนะนำตัวมาสั้นๆ ว่าเป็นคนเชียงใหม่โดยกำเนิด บ้านอยู่ข้างสถานีรถไฟ ข้ามสะพานนวรัตน์ เห็นฝายพญาคำมาตั้งแต่เล็ก ต้องขอโทษด้วยที่ทำจดหมายของเธอตกค้างอยู่นานนับเดือน กว่าจะได้เอามาลงให้ เชิญอ่านได้เลยค่ะ
แพร จารุ
 ฤดูฝนที่ผ่านมา ชาวบ้านตีนผาบ้านในหุบเขา ได้ปลูกต้นไม้บนดอย ครั้งนี้เป็นการปลูกเพื่อเป็นแนวกั้นระหว่างพื้นที่ทำกินกับเขตอุทยาน  เป็นการการทำแนวรั้วต้นไม้ในเช้าวันที่มีการปลูกต้นไม้สำหรับเป็นแนวเขตรั้ว ชาวบ้านตีนผาพร้อมเพรียงและจริงจัง ตั้งแต่เช้า กินข้าวแล้วเตรียมพร้อม มารวมตัวกันอยู่ที่หน้าโบสถ์ เพื่อขนกล้าไม้ไปปลูก มีทั้งผู้ใหญ่และเยาวชนและเด็กเล็ก ๆ ในหมู่บ้าน  ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานและเจ้าหน้าที่มากันพร้อม ผู้ใหญ่บ้าน นายวรเดช กล่าวว่า"การทำแนวรั้วเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมพื้นฟูรักษาป่านั่นแหละ"
แพร จารุ
 วันนี้ ฉันพบดอกไม้บนดอยสูงมากมาย ดอกไม้เล็ก ๆ เหมือนดาว กระจายอยู่ทั่วหุบเขา หลากสีสดใส ทั้งเหลือง ส้ม และสีม่วง หลายครั้งที่ผ่านทางมา เรามาด้วยความเร็วมาก จุดหมายอยู่ที่หลังดอย หมู่บ้านเล็ก ๆ หมู่บ้านหนึ่ง ความเร็วความรีบเร่งทำให้เราไม่ได้เห็นอะไรมากนักระหว่างทาง  ความหมายไม่ได้อยู่ที่ปลายทางแต่อยู่ที่ระหว่างทางที่ได้พบเจอ การได้ชื่นชมกับบรรยากาศระหว่างทาง นั่นเอง การเดินทางมาครั้งนี้เรามากับทีมช่างภาพสองคนและผู้ติดตามเป็นหญิงสาวน่ารักอีกหนึ่งคน มีเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯเป็นชายหนุ่มสองคน
แพร จารุ
  วิถีชีวิตกับไม้ไผ่คู่กัน เมื่อลุงมาบอกว่า วิถีชีวิตปกาเก่อญอกับไม้ไผ่นั่นคู่กัน วันนี้คนรุ่นพะตี(ลุง) จึงต้องสอนให้ลูกหลานรู้จักจักสาน เพราะว่าเด็ก ๆ รุ่นใหม่ ไม่ค่อยรู้เรื่องจักสานแล้ว พะตีมาบอกว่า ถ้าไม่ได้สอนไว้หมดรุ่นพะตีแล้วก็จะหมดรุ่นไปเลย ทั้งที่วิถีปกาเก่อญอกับไม้ไผ่นั่นคู่กัน ฟังพะตีว่า ลูกหลานปกาเก่อญอไม่รู้จักการใช้ไม่ไผ่ ฉันคิดถึงลุงที่บ้านแกว่าลูกชาวเลทำปลากินไม่เป็น ไม่ใช่หาปลามากิน แต่ทำปลากินไม่เป็นนั่นคือเขาหามาให้แล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะทำกินอย่างไร ขูดเกล็ดปลาออกจากตัวปลาไม่เป็น ดึงขี้ปลาออกไม่เป็น เป็นต้น ที่เป็นเช่นนี้เพราะอะไร…
แพร จารุ
อยู่อย่างมีสิทธิและศักดิ์ศรี“สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งคือ ชุมชนจะต้องเข้มแข็ง พึ่งตนเองได้ ลดการพึ่งพาภายนอก ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง และอยู่อย่างมีสิทธิและศักดิ์ศรี”แต่นั่นแหละ คำพูดเพราะๆ เช่นนี้จะเป็นจริงไปได้อย่างไร ในปัจจุบันนี้ หมู่บ้านเล็กๆ ในชุมชนหลายแห่งไม่สามารถพึ่งตนเองได้ การดำเนินชีวิตขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอก เช่น ขึ้นอยู่กับราคาผลผลิตที่ถูกกำหนดโดยตลาดทุนจากพืชเศรษฐกิจ 
แพร จารุ
พื้นที่ป่าในประเทศไทย เป็นพื้นที่ที่มีคนอาศัยอยู่ก่อนแล้ว โดยเฉพาะชุมชนชาวเขาทั้งหลายที่อาศัยก่อน ต่อมาพื้นที่ป่าก็ถูกประกาศเป็นพื้นที่ในเขตอุทยานแห่งชาติ หลายแห่งที่พยายามเอาคนออกจากป่า ตัวอย่างการย้ายคนออกจากพื้นที่เดิมมีอยู่หลายแห่ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตผู้คนที่ถูกย้ายและสังคมโดยรวมเป็นอย่างมาก เพราะทำให้เกิดปัญหาการย้ายถิ่นจากชนบทสู่เมือง การอพยพแรงงาน และปัญหาอื่นๆ ติดตามมาอีกมากมาย ทางออกหนึ่งก็คือการสนับสนุนให้คนที่อยู่ในป่าได้อยู่ในพื้นที่เดิมและดูแลป่าด้วยดังนั้น การทำความเข้าใจ ให้คนอยู่กับป่าได้และดูแลป่า น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี มีคำถามว่า…
แพร จารุ
ฉันเพิ่งกลับมาจากหมู่บ้านหลังดอยค่ะ ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ไม่ได้คุยกับใครนอกพื้นที่ แต่ทันทีที่ลงมาจากดอย เปิดเมลพบว่ามีรูป ฯพณฯ ท่าน "สมชาย วงศ์สวัสดิ์ " ที่มีหน้าเปื้อนสีเลือดส่งเข้ามา ใต้ภาพเขียนว่า “คนบ้านเดียวกันกับคุณ-งานหน้าไม่ล่ะ” ฉันลบภาพทิ้งทันที และรีบไปที่ก๊อกน้ำล้างหน้า แต่ความรู้สึกสลดหดหู่ไม่ได้จางหาย มันหดหู่จริง ๆ “คนบ้านเดียวกัน” กับ “เสื้อสีเดียวกัน” นอกจากแยกเสื้อแดงเสื้อเหลืองแล้ว ยังแยกคนลูกบ้านไหนกันด้วย