Skip to main content

 

1
 
เหมือนเมืองบาป
ฉันบอกเพื่อน ๆ จากเมืองกรุงว่า มาเชียงใหม่ อย่าลืมไปกินข้าวที่สุดสะแนนนะ อาหารหลายอย่างอร่อย และพบใครๆ ที่สุดสะแนนได้ไม่ยาก นักเขียน นักข่าว นักดนตรี นักร้อง ศิลปินวาดภาพ งานปั้น และคนที่ยังไม่มีงานทำและไม่อยากทำงานอะไรเลย

แล้ววันหนึ่ง เพื่อนของฉัน โทร.มาบอกว่า เธอไปที่สุดสะแนนแล้ว แต่ไม่กล้าเข้าไปนั่ง มันดูน่ากลัว เหมือนเมืองบาป
ฉันถามเพื่อนว่า เธอรู้สึกอย่างนั้นจริงหรือ นั่นน่ะเป็นสถานที่ซึ่งปลอดภัยมาก ไม่เคยมีประวัติอาชญากรรมที่นั่นเลย

“แต่ฉันดูแล้วมันน่ากลัว ฉันเดินเข้าไปก็เห็นคนแปลก ๆ ด้วย ดูไม่น่าไว้ใจ ฉันจึงไปที่อื่น”
“เธอไม่บอกฉันว่าจะไปวันไหน ไว้วันหลังถ้าเธอมาใหม่ฉันจะพาไปเอง ไม่น่ากลัว คนที่นั่นไม่น่ากลัวเลย ”

เหมือนเมืองบาป ที่ผู้คนแปลก ๆ ไปอยู่รวมกัน ฉันยิ้มขำ และคิดถึงตัวละครที่อยู่ในร้านเป็นประจำที่ฉันรู้จัก ถ้ามองจากภายนอก จากการแต่งตัว ก็น่าจะดูแปลก ๆ จริง ๆ
แต่อย่างไร ฉันก็ยืนยันว่า ไม่เป็นอันตรายใด ๆ กับใคร
และฉันก็ชอบสุดสะแนนที่เขาไม่เคยปล่อยโคมลอยที่มีไฟสว่าง ๆ หลอกนักท่องเที่ยวไปว่านี่คือวัฒนธรรมประเพณีของคนเมืองนี้
 
 

นี่คือชวด สุดสะแนน นักดนตรี
 
2

Love story เรื่องรักที่สุดสะแนน
 
หญิงคนหนึ่งบอกฉันว่า เธอพบคนรักที่สุดสะแนน  และอยู่กินร่วมกันมาหลายปี อย่างสุข ๆ ทุกข์ ๆ
แต่แล้ววันหนึ่ง เธอมาบอกฉันว่า เธอจะเลิกกับเขาแล้ว เพราะเบื่อที่เขาเอาแต่สนุกสนานจริง ๆ ไม่ได้สร้างฐานะอันใดเลย รับงานได้เงินก็เอาไปสนุกสนานกับเพื่อน ๆ หมด เขายังเป็นสุดสะแนนแสนสนุกเหมือนเดิม

และเธอก็ยกตัวอย่างหนุ่มสาวหลายคู่ที่พบรักกันที่สุดสะแนนแล้วล้วนแต่ไปกันไม่รอด
เธอเล่าต่อว่า แม่เธอเคยบอกแล้วว่า พบกันที่ร้านเหล้าก็ได้แค่นี้แหละ
ฉันยิ้มขำอยู่ในใจ แม่จะให้ไปพบที่ไหนเล่า วัดก็มีแต่พระ ถ้าพบพระที่พร้อมจะจีบสาวก็ไม่ไหวแล้ว หรือจะให้ไปทำเนียบรัฐบาลมีแต่พวกพูดจาโกหกประชาชนไปวัน ๆ เท่านั้น จะไปไหนไปโรงเรียนก็พบครูที่ชอบสั่งสอนตำหนิ ไปที่ศาลเจอผู้พิพากษาที่ตัดสินทั้งวันและเดี๋ยวนี้ศาลก็ถูกตั้งคำถามในด้านความยุติธรรมด้วยโดยเฉพาะกรณียุบพรรคไม่ยุบพรรคการเมือง

หลายวันผ่านไป เธอยังคงยืนยันว่าจะเลิกกับเขาเพราะเห็นแต่ความสนุกสนานของเขาเท่านั้น เธออยากมีรถยนต์ดี ๆ นั่ง อยากมีบ้านสวย ๆ
วันหนึ่งฉันบอกเธอว่า เธอต้องคิดว่าเธอพบกันในวันที่สนุกสนาน  ดังนั้นเธอจะหาสิ่งอื่นจากเขาได้อย่างไร เธอลองคิดถึงวันที่เธอมีความสุขดูว่า เธอคิดถึงอะไร คิดถึงที่ไหน  เอาที่ผ่านมานะไม่ใช่สิ่งที่ฝันถึงอนาคต
เธอนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมาและพูดว่า จริงด้วย
เธอบอกฉันว่า วันนั้นเธอสนุกจริง ๆ เขาพูดจาตลกมาก ๆ และเธอหัวเราะยาวนาน อย่างที่ไม่เคยหัวเราะมาก่อน นับจากวันนั้นเธอกับเขาก็นัดกันไปที่สุดสะแนนเสมอ
เธอไม่รู้ว่าความสนุกหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้อีกทีความเครียดมาแทนที่จนต้องใช้ยาคลายเครียด     
                                  
วันนี้สองคนยังไม่เลิกกัน พวกเขาเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเองและไม่ไปที่สุดสะแนนแล้ว

 

นักดนตรี

3
 
เด็กที่สุดสะแนน
“ป้าเขียนเรื่องอะไร” คำถามธรรมดาของเธอในเกือบทุกเช้า
“เขียนเรื่องสุดสะแนน”
 “สุดสะแนน ลุงก็เขียนเรื่องสุดสะแนน” เธอว่า
 “ไม่รู้จักสุดสะแนนหรอกหรือ...”
 “รู้จักแต่ ชวด สุดสะแนน” ว่าแล้วเธอก็ออกปั่นจักรยานคันเล็กต่อไป 

ชวด สุดสะแนน ชื่อที่ใช้สำหรับออนไลน์ นามสกุลนี้มีอยู่สองคน อีกคนคือ ฮวก สุดสะแนน แต่เธอไม่รู้จัก
ชวด สุดสะแนน คนแรกเป็นนักดนตรี  เป็นคนทำงานศิลปะ ถ่ายภาพ ออกแบบรูปเล่มหนังสือ และชงกาแฟอร่อย มีรานกาแฟเป็นของตัวเองที่เปิดขายในช่วงกลางวัน ส่วนฮวกเป็นเจ้าของร้าน เป็นนักดนตรี และเขียนหนังสือบ้าง

“เด็ก ๆ ไปได้ไหมสุดสะแนน” เธอปั่นจักรยานคันเล็กเวียนมาถามอีกครั้ง
“ไปได้ ที่นั่นมีงานศิลปะให้ดูด้วย มีดนตรีฟัง มีหนังสือให้อ่าน มีอาหารอร่อยให้กิน” ตอบหลานและอธิบายต่อว่า “ มีเหล้าขายด้วย แต่ถ้าเราไม่ซื้อกินก็ได้”
“จริงเหรอป้า”
 “จริง ป้าไม่ได้กินเหล้าสักอึกแต่ป้ายังชอบไปที่นั่นมีอาหารอร่อย ๆ  หลายอย่าง ป้าว่าอาหารสำคัญกว่า รองลงมาคือเพื่อน ไปที่นั่นก็จะเจอเพื่อน ๆ ”
 “โซเฟีย มายา เคยไปหรือเปล่าป้า”
“เคย ...พวกลูกๆ นักเขียน ลูกๆ เอ็นจีโอ ก็มีทำไมเหรอ”
“พี่โซเฟีย น้องมายา มาตาก็เคยไปแล้ว เด็ก ๆ ไปได้จริงๆ ” พูดแล้วเธอก็ปั่นจักรยานออกไป เธอคงปั่นไปอีกรอบหนึ่งก่อนจะกลับมาใหม่ บัดนี้ฉันรู้ตัวว่าพลาดท่าเด็กอีกแล้ว เธอต้องมีเป้าหมายจะไปด้วยแน่ ๆ เลย

นั่นไงเวียนมาอีกรอบแล้ว
“อาหารอร่อยแล้วมีหนังสืออ่านด้วยหรือป้า ” เธอไม่ได้หยุดรอคำตอบ เพราะเป้าหมายของเธอคือ เธอจะไปด้วยได้ไหม
 
 

ฮวก สุดสะแนน นักดนตรี และเจ้าของร้าน
4
 
อาหาร
ชอบที่สุดก็คือ เกาเหลาคั่ว
ฉันชอบอาหารสุดสะแนนในทันทีที่ไปกินครั้งแรก สมัยที่เขามีร้านเล็ก ๆ มีร้านนั่งเป็นม้ายาว ๆ ในคืนที่อากาศหนาวมากและกำลังตัดสินใจจะมาอยู่เชียงใหม่ มีผู้ชายสามคนชักชวนไปแนะนำให้รู้จักร้านนี้ ไปวันแรกก็รู้สึกว่าที่นี่เป็นมิตร มีหนุ่มคนหนึ่งก่อไฟผิงให้หายหนาว เวลาที่นี่ต่างกับเวลาที่กรุงเทพฯ มากเหมือนมันหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้น ผู้คนนั่งกันเงียบ ๆ คุยกันเบา ๆ ดื่มกันนิดหน่อย แต่ไม่มีทีท่าว่าจะจบลงหรืออยากจะแยกย้ายกันไปไหน

ฉันกินอาหารไปหลายอย่าง ทุกอย่างอร่อยหมดและรสชาติแปลกดี กินคำต่อไปไม่อาจรู้ได้ว่าเจออะไร เคี้ยวคำต่อไปอาจจะเป็นใบมะกรูด หอมเจียว หรืออะไรสักอย่าง

อาหารของสุดสะแนนมีความเป็นเฉพาะตัว เช่น เกาเหลาคั่ว ก๋วยจั๊บญวณ ข้าวผัดสูตรมั่ว ฯลฯ
“ไปสุดสะแนนเถอะ ไปกินเกาเหลาคั่ว”
เกาเหลาคั่วของสุดสะแนน พิเศษตรงที่มีหมูยอ มีกระดูกหมูต้มเปื่อย มีเครื่องเทศหอม มีเลือดหมู มีใบมะกรูดทอดด้วย

อีกจานหนึ่งของสุดสะแนน คือ ก๋วยจั๊บญวณ อาหารขึ้นชื่อ เคยถามคนทำครัวว่า มันพิเศษตรงไหน เขาบอกว่า ตรงที่ต้มกระดูกจนเปื่อยทุกวัน นอกจากน้ำซุปแล้วเส้นด้วย เลือกเส้นที่ดี
อาหารจานพิเศษอีกจานที่ฉันชอบก็คือ ข้าวผัดสูตรมั่ว ข้าวผัดที่ใส่สารพัดนั่นแหละ เคี้ยวคำต่อไปจะเจออะไรบ้างก็ไม่รู้ ต้องลองไปกินเอง
                
อาหาร  ดนตรี และมิตรภาพ สามสิ่งนี้ทำให้เรารู้สึกปลอดภัย
 
(ปล.งานชิ้นนี้เขียนในโอกาส 12 ปี  ซึ่งทางสุดสะแนน จะจัดพิมพ์หนังสือเล่มหนึ่ง และจัดงานสิบสองปีสุดสะแนน วันที่ 24 ธ.ค.2553 เขาบอกมาว่า มีหลากเหล่านักดนตรี กวี นักเขียน ศิลปิน ศิลปะ อาหารเครื่องดื่มเพียบ)
 

 

บล็อกของ แพร จารุ

แพร จารุ
“จึงขอตั้งจิตมั่นว่าจะพูดแต่ความจริงด้วยถ้อยคำที่ก่อให้เกิดความมั่นใจ ความเบิกบาน และความหวัง โดยไม่กระพือข่าวที่ตัวเองไม่รู้แน่ชัด รวมทั้งไม่วิพากษ์วิจารณ์ หรือกล่าวโทษในสิ่งที่ตัวเองไม่แน่ใจ” ฉันชอบถ้อยคำนี้มาก เป็นถ้อยคำ ที่เพื่อนนำมาฝากหลังจากที่เธอกลับมาจากภาวนา เรื่องมันเป็นอย่างนี้ค่ะ... เพื่อนของฉันกลับมาจาก “ภาวนา” แบบหมู่บ้านพลัม เธอว่าดีงามมาก ใช้กับชีวิตได้ เธอพูดถึง ข้ออบรมสติ 5 ประการ แต่เธอเน้นข้อฝึกอบรม ข้อที่ 4 เธอเขียนส่งมาให้ฉันอ่าน ฉันคิดว่าเธอคงอยากให้ฉันตระหนักรู้ หรือไม่เธอก็บอกอ้อม ๆ ว่า ฉันเป็นคนที่ควรจะปฏิบัติเพราะฉันมีปัญหาในข้อนี้…
แพร จารุ
ระหว่างการพูดคุยกับเพื่อน เพื่อนนักเขียนของฉัน ไปอยู่ไกลถึงลอนดอน ช่วงที่ผ่านมาเธอกลับบ้านเพื่อมาส่งแม่เดินทางไกล เพราะครั้งนี้แม่ไปแล้วจะไม่กลับมาอีกเลย และไม่รู้ว่าเส้นทางสายยาวไกลของแม่อยู่ที่ไหน แต่สำหรับเธอ เชื่อว่า จะไปพบกันที่พระเจ้า เราไม่ได้พบหน้ากันมานาน ได้แต่คุยโทรศัพท์กัน ช่วงแรกเพื่อนนักเขียนของฉันนั่งทำงานเขียน นั่งวาดภาพ และปลูกต้นไม้อยู่ในเรือนกระจกอยู่ที่บ้าน ต่อมาเธอไม่เลือกที่จะนั่งเขียนหนังสืออยู่ที่บ้านแล้ว เธอไปทำงานที่พักคนชรา ทำงานอยู่กับคนแก่ ไม่ใช่เรื่องโรแมนติกแต่เป็นเรื่องจริงของชีวิต เธอมีการงานที่มีความเศร้า ความตายของคนแก่ที่นั่นอยู่เสมอ
แพร จารุ
ยามเช้าได้อ่านงานของดอกสตาร์ เธอเขียนจั่วหัวว่า เชียงใหม่แพ้ซ้ำซาก Chiangmai lost her beauties. ข้อเขียนของเธอบอกว่า ผังเมืองฉบับใหม่ซึ่งตอนนี้อยู่ในช่วง ๙๐ วัน ที่คนได้รับความเดือดร้อนจากผังเมืองฉบับนี้จะยื่นคำร้องเพื่อคัดค้าน ถ้ารัฐบาลไม่รับฟังและผังเมืองฉบับนี้ผ่าน โฉมหน้าเมืองเชียงใหม่คงจะอัปลักษณ์สุด ๆ รอวันตายลูกเดียว มีเรื่องฝายทั้งสามแห่งคือ ฝายพญาคำ ฝายหนองผึ้งและฝ่ายท่าศาลาอีก ของเก่าแก่ภูมิปัญญาของบรรพบุรุษสร้างไว้ให้ลูกหลานชาวล้านนาได้ประโยชน์กลับจะรื้อทิ้งโดยเห็นแก่ประโยชน์เล็กน้อยที่เทียบไม่ได้เลยกับความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นกับบ้านเมืองกับลูกหลานในอนาคต“…
แพร จารุ
พ่อหมื่นแก่ฝายคนสุดท้าย นัดพบที่หน้าฝายพญาคำ ในวันเสาร์ที่ 13 กันยายน เวลา 10.00 น. ร่วมทำพิธีสืบชะตาอีกครั้ง ชาวบ้านยอมให้มีการสร้างประตูระบายน้ำแล้ว แต่มีข้อแม้ว่า ห้ามทุบห้ามรื้อฝายโบราณทั้งสามฝาย หรือทดลองใช้ประตูระบายน้ำก่อนสองปี ว่าสามารถทดน้ำเข้าเหมืองเพื่อส่งเลี้ยงไร่นาได้หรือไม่ คือให้ลองดูว่าประตูน้ำทำหน้าที่แทนฝายหินทิ้งเก่าแก่ได้ดีแค่ไหน การจัดการน้ำด้วยระบบเหมืองฝายจะถูกเปลี่ยนมือ จากการจัดการโดยชาวบ้านในระบบแก่ฝายมาเป็นจัดการโดยรัฐชลประทาน ชาวบ้านผู้ใช้น้ำคิดอย่างไรถึงยินยอมทั้งที่ยื้อกันมานาน ถ้านับตั้งแต่ช่วงแรกที่จะมีการรื้อก็เกือบสิบปีแล้ว
แพร จารุ
ฉันได้เดินทางมายังหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ตั้งใจจะมาเที่ยวตามป่าเขาแค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศ   รัฐบาล โดยนายอำเภอ และอุทยานแห่งชาติ จัดให้มีงานบวชป่า และส่งมอบอาวุธปืน มีหนังสือจากหน่วยงานของรัฐมาถึงผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านในเย็นวันหนึ่ง มีเสียงพูดกันเบา จับใจความได้ว่า พวกเขากังวล เพราะพวกเขาไม่มีปืนจะไปมอบ ฉันฟังอย่างไม่เข้าใจ ไม่รู้พวกเขาว่าจะกังวลทำไม ไม่มีก็ไม่ต้องมอบ บอกไปว่าเราไม่มีก็จบ ก็ไม่มีจะเอามาจากไหน
แพร จารุ
 “ไม่นานคนก็ตายกันหมดโลกแน่ ๆ”หญิงสาววัยเพิ่งผ่านเลขสามพูดขึ้นก่อนล้มตัวลงนอน “พี่เชื่อไหม ไม่นานผู้คนจะตายหมดโลก” เธอพูดอีกครั้ง “อะไรทำให้เธอคิดเช่นนั้น” ฉันถามออกไปด้วยความขลาดกลัว มานอนกลางป่ากลางเขาแล้วพูดถึง เรื่องความตาย  ไม่อยากจะฟังคำตอบจากเธอ รีบเตรียมถุงนอน พร้อมที่จะล้มตัวลงนอนใกล้ ๆ เธอ คืนนี้เราเลือกที่จะไม่นอนในบ้านสบาย ๆ แต่เลือกที่จะมานอนกันในป่าเปลี่ยนบรรยากาศ   เธออธิบายต่อว่า เมื่อกลางวันได้ยินข่าวแผ่นดินไหวที่เชียงราย 3.5 ริกเตอร์  เมื่อแผ่นดินไหวที่เชียงรายได้ ก็ไหวที่เชียงใหม่ได้ หรือที่อื่น ๆ ได้ และมันคงจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ “อือ...ก็น่าจะจริง…
แพร จารุ
 เธอได้ยินไหม  คนบ้านฉันเขาตัดไม้กันอยู่ เสียงดังกรูด ๆ ๆ แล้วไม่นานก็ได้ยินเสียงไม่ล้ม ฉันฟังจนแยกออกแล้วว่า เสียงที่ล้มลงมาต้นเล็กต้นใหญ่ขนาดไหน ฉันบอกเพื่อนไปเช่นนั้น ด้วยเราพูดกันอย่างไม่เห็นหน้าจึงไม่รู้ว่า เพื่อนทำหน้าตาอย่างไร เธอคงคาดไม่ถึงว่าได้ยินเสียงตอบเช่นนี้ เธอคงผิดหวังมากทีเดียวเพื่อนโทร.มาบอกให้ฉันช่วยเขียนเรื่องการปลูกต้นไม้ เป็นโครงการหนึ่งของมูลนิธิที่เธอทำงานอยู่ ชื่อว่า โครงการป่าเมือง หรือการปลูกต้นไม้ในเมืองนั่นเอง
แพร จารุ
ขอคั่นรายการหน้าโฆษณาหน่อยนะคะ บอกจริง ๆ ว่า ช่วงนี้รู้สึกโหวงเหวงอย่างบอกไม่ถูก คุณผู้อ่านรู้จักคำว่า โหวงเหวงไหม มันเป็นอาการซึม ๆ เศร้า ๆ และรู้สึกเบา ๆ ในหัวใจ  เมื่อทบทวนดูอาการแล้ว พบว่าน่าจะมาจากสภาพสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัว ซึ่งน่าจะเป็นอาการผิดปกติจากข่าว ช่วงนี้มีข่าวมีคนตายเป็นหมื่นเป็นแสน และยังหายสาบสูญไปอีกเท่าไหร่ไม่รู้ อีกทั้งยังบาดเจ็บรอคอยอยู่อีกมาก
แพร จารุ
“พี่มันน่ากลัวจริง ๆ ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ไม้พี่ไม้ ไม้เป็นหมื่น ๆ” เธอส่งเสียงมาเหมือนถูกผีหลอกกลางวัน“อยู่แดนสนธยาที่ไหน” ฉันถามกลับไปเพื่อให้ตัวเองตั้งสติหากมีเรื่องร้าย “ไม่ใช่ต้นไม้แต่เป็นไม้เป็นหมื่น ๆ ท่อนพี่ ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย มันเยอะจริง เดี๋ยวจะถ่ายรูปส่งไปให้ดู บางต้นมีผ้าเหลืองผ้าแดงผูกโคนต้นด้วย” “ที่ไหน” “กิ่วคอหมาพี่ เขากำลังสร้างเขื่อนกิ่วคอหมา พี่รู้เรื่องนี้ไหม พูดแล้วขนลุกพี่ รอเดี๋ยว ๆ นะพี่นะจะส่งรูปไปให้ดู”“จ๊ะ แล้วเธอไปทำไม”“ขับรถผ่านมานะพี่  กลับมาจากลำปาง”เธอพูดหลายครั้งว่าเธอไม่เคยเห็นไม้เยอะขนาดนี้มาก่อนจริง ๆ และสงสัยว่าทำไมเขายังตัดไม้กันขนาดนี้…
แพร จารุ
เขาว่ากันว่า  เชียงใหม่เป็นเมืองแห่งธรรมชาติงดงาม เมืองวัฒนธรรมประเพณีเก่าแก่ จอดดูสักหน่อยซิเขาเล่ากันต่อว่า ช่วงสิบปีที่ผ่านมา เชียงใหม่เติบโตด้านการท่องเที่ยวสูงสุด ปีหนึ่งๆ มีคนมาเที่ยวเชียงใหม่มากมาย เชียงใหม่กลายเป็นเมืองที่ต้องรับภาระหาเงินทอง เมกกะโปรเจคขนาดใหญ่จึงเกิดขึ้นที่เมืองเชียงใหม่ว้าว! แล้วคนเชียงใหม่ คิดอย่างไรกับเมืองเชียงใหม่ หากไปถามคำถามนี้ ร้อยทั้งร้อยคนเชียงใหม่ต่างวิตกกังวล คนเชียงใหม่บอกว่า เมืองน่าอยู่นั้นคือเมื่อก่อน เมื่อก่อนซึ่งไม่นานเท่าไหร่ แต่เดี๋ยวนี้ คนเชียงใหม่ลำบากกับรถติดในเมือง คนเชียงใหม่กลัวน้ำท่วมเหมือนปี 2548 ฤดูร้อน…
แพร จารุ
เมื่อไม่นานมานี้ ฉันไปร่วมงาน เปิดตัวหนังสืออาหารบ้านฉัน ที่บ้านแม่เหียะใน หัวหน้าอุทยานดอยสุเทพ มาเปิดงาน ฉันฟังเสียงของท่านไม่ค่อยได้ยิน เพราะว่ายืนไกลและที่บ้านแม่เหียะใน ไม่มีไฟฟ้าใช้ ต้องใช้เครื่องปั่นไฟ เสียงเครื่องปั่นไฟดังมาก จึงไปถามชาวบ้านที่ตั้งใจไปฟังใกล้ ๆ ว่าท่านพูดอะไร แน่นอนชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่อุทยานเขาต้องตั้งใจฟังทุกอย่างที่เจ้าหน้าที่อุทยานพูด เพราะว่าชีวิตขึ้นอยู่กับอุทยานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  หรือเรียกว่าอยู่ภายใต้กฎหมายอุทยาน “ท่านพูดว่า ท่านเข้าใจว่าที่ทำหนังสือเล่มนี้ทำขึ้นมาเพราะต้องการที่อยู่ที่กิน” หญิงสาวคนหนึ่งบอกว่าท่านพูดเช่นนั้น และเธอรู้สึกดีใจมาก“…
แพร จารุ
ป้าของฉันเป็นผู้หญิงธรรมดามาก ไม่เป็นที่รู้จักของใคร  ฉันคิดว่าคนที่ป้ารู้จักมีแต่หลาน ๆ กับคนข้างบ้านเท่านั้น และคนที่รู้จักป้าก็เช่นกัน ป้าเป็นผู้หญิงธรรมดาจริง ๆ แต่ฉันอยากเขียนถึงป้า เพราะน่าจะมีแต่ฉันที่จะเขียนถึงป้า และฉันก็น่าจะเป็นหลานคนเดียวที่ไม่เคยได้ทำอะไรให้ป้าเลยนอกจากเขียนถึงป้า ใจหายเหมือนกันเมื่อคิดว่า นี่คือสิ่งแรกที่ฉันจะทำให้ป้า ป้าฉันไม่มีอะไรพิเศษเลยนอกจากเป็นคนดี มีจิตใจที่ดีงาม ตั้งแต่ฉันรู้จักเป็นป้าหลานมา ฉันไม่เคยเห็นป้าทำอะไรไม่ดีเลย ไม่ใช่แกเป็นป้าที่ดีของพวกหลาน ๆ แกเท่านั้น แต่เป็นเพื่อนบ้านที่ดีของเพื่อนบ้าน ชีวิตป้ามีความสุขมาก ฉันคิดว่าป้ามีความสุขทุกวัน…