Skip to main content

บน ฟ้า มี เมฆ ลอย บน ดอย มี เมฆ บัง
มี สาว งาม ชื่อ ดัง อยู่ หลัง แดน ดง ป่า
 
 
เนื้อเพลงมิดะค่ะ สองบรรทัด....เพราะเหลือเกิน และเข้าไปอยู่ในหัวใจใครต่อใครได้ไม่ยาก บนฟ้ามีเมฆลอยบนดอยมีเมฆบัง ฟังเพียงแค่นี้ก็จินตนาการได้กว้างไกล หัวใจก็ลอยไปถึงไหน ๆ แล้ว
 
ฉันรู้จักเพลงนี้ก่อนที่จะรู้จักดอยสูงที่มีชนเผ่าจริง ๆ เสียอีก เช่นเดียวกับรู้จักคำเมือง รู้ว่าล้านนามีภาษาของตัวเอง หลังจากรู้จักอุ๊ยคำ

จนเมื่อได้มีโอกาส มารู้จักศิลปินคนเขียนเพลงและร้องเพลงมิดะ ก็มีโอกาสได้ฟังมากขึ้น แค่ขึ้นอินโทรเพลงด้วยเสียงเม้าธ์ออแกนและเสียงฮัม ฮือ ฮือ  ฮือ ฮือ ฮือ.........บนฟ้ามีเมฆลอยบนดอยมีเมฆบัง ก็ต้องหยุดฟังแม้ว่าจะฟังบ่อยแค่ไหน ไม่ว่ากำลังช่วยแม่ครัวจัดจานใส่อาหาร หรือช่วยพนักงานเสิร์ฟเก็บจาน หรือนั่งคุยอยู่กับใครสักคนก็ตาม
 
ทำไมฉันถึงได้ฟังเพลงนี้บ่อย เพราะว่าเมื่อมาอยู่เมืองเหนือ เชียงใหม่ ฉันใช้ชีวิตร่วมบ้านกับนักดนตรีเล่นกีตาร์และร้องยังชีพ และฉันเดินทางไปกับเขาด้วยเสมอ ร้านที่เขาเล่นก็คือร้านคนรักของศิลปิน นักร้อง ที่เขียนเพลงและร้องเพลงมิดะ “จรัล มโนเพ็ชร” ฉันอยู่ว่าง ๆ ทำตัวให้เป็นประโยชน์ ด้วยการเป็นผู้ช่วยคนครัวบ้าง ผู้ช่วยพนักงานเสิร์ฟบ้าง นอกจากการมาพักผ่อนมาเที่ยวมาฟังเพลง
 
ฉันคุ้นกับเพลงมิดะมาก แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่จะมีคำถามว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง อาจจะเป็นเพราะความงามของภาษา ความไพเราะ และความอ่อนโยนที่อยู่ในบทเพลง จนมันเข้าไปอยู่ในหัวใจคนฟัง ไม่ได้คิดถึงว่าจริงหรือไม่จริง จนเมื่อมีข่าวว่าพี่น้องชาวอาข่าออกมาเรียกร้อง และบอกแก่สังคมว่า มันไม่ใช่เรื่องจริงและทำให้ชนเผ่าอาข่าเสียหายโดยเฉพาะภาพของผู้หญิง ต้องให้หยุดร้องหรือเรียกว่าแบนเพลงนี้ “ไม่มีทั้งมิดะและลานสาวกอด”
 
เรื่องราวเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในปีที่ 10 การจากไปของจรัล มโนเพ็ชร ในปีนี้ เรื่องนี้ได้รับการพูดถึง ไปจนถึงมีการเปิดเวทีเสวนาทางวิชาการ สืบค้นกันทีเดียวว่ามีมิดะหรือไม่
 
และในโอกาสครบรอบสิบปีจรัล มโนเพ็ชร ในวันที่ 3 กันยายนนี้ มีหนังสือ สิบปีการจากไปของจรัล แน่นอนต้องมีปรากฏการณ์มิดะอยู่ในหนังสือเล่มนี้ เพราะมิดะเป็นปรากฏการณ์หนึ่งหลังการจากไปของจรัลที่เข้มข้นมาก คุณอันยา โพธิวัฒน์ ในฐานะคู่ชีวิตคุณจรัล เป็นผู้เขียนจัดทำร่วมกับเพื่อน ๆ
 
 

 
เมื่อมีปรากฏการณ์มิดะร้อนแรง ชาวอาข่ารู้สึกว่า ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของเขาอย่างมากมาย ฉันจึงกลับมานั่งฟังเพลงนี้อีกครั้งอย่างตั้งใจ และบังเอิญเพื่อน ๆ คนเขียนหนังสือ คนทำงานศิลปะที่ไปมาหาสู่กันอยู่เสมอ ๆ มาที่บ้านจึงชวนฟังด้วยกัน
 
ไม่มีใครปฏิเสธว่าเพลงนี้เพราะ เข้าใจได้ว่าคนเขียนเพลงจับเอาเรื่องราวหรือเรื่องเล่า มาสร้างกับจินตนาการได้อย่างกลมกลืนงดงาม
 
 
เพื่อนคนเขียนสารคดีคนหนึ่งบอกว่า หลักฐานการมีอยู่จริงคือหนังสือสารคดี เขียนเมื่อปี 2493 ของนักเขียนสารคดีที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ถือว่าเป็นขั้นครูของนักเขียนสารคดีรุ่นหลัง ๆ   และสารคดีคือการนำเสนอเรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องแต่งเหมือนนิยายหรือเรื่องสั้น ดังนั้น หากจะกล่าวว่า นักเขียนสารคดียกเมฆหรือไม่รู้จริงเอามาเขียนก็รู้สึกว่าไม่อาจกล่าวได้ในฐานะคนทำสารคดีรุ่นหลังเพราะการเขียนสารคดีสักชิ้นหนึ่ง เราต้องไปถึงที่ถึงถิ่น ต้องเห็นกับตา ต้องเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นั้น ๆ จริง ๆ เรียกว่าต้องทุ่มเทกับงานอย่างยากและลำบาก  โดยเฉพาะนักเขียนสารคดีมืออาชีพ และอย่างคุณ “บุญช่วย ศรีสวัสดิ์” ที่เขียนหนังสือ “30 ชาติในเชียงราย” และอื่น ๆ อีกหลายเล่มที่เกี่ยวกับชาติพันธุ์ และท่านเสียชีวิตไปนานแล้ว



 

ใช่ ฉันเห็นจริงด้วย สำหรับคนเขียนสารคดี แต่สำหรับคนเขียนเพลง นักแต่งเพลงนั้น เขาไม่ใช่นักเขียนสารคดี เทียบได้กับคนเขียนเรื่องสั้น คือเอาเรื่องเล่า เอาตำนานมาสร้างจินตนาการแต่งเสริมได้
 
มีนักแปลคนหนึ่งเสนออย่างเป็นกลาง ๆ ว่า ชาวอาข่าลุกขึ้นมาบอกกับผู้คนว่า มันไม่จริง ไม่ใช่เรื่องของอาข่าก็สมควรแล้วและเป็นเรื่องที่ทำได้ หรือจะบอกกล่าว เรื่องราวชนเผ่าของเราเป็นอย่างไร ส่วนเพลงที่เขาร้องอยู่ก็ไม่ต้องไปแบนหรอก เขาก็ร้องของเขาไป เราก็บอกของเราไป และนักร้องอาข่าก็มีเพลงของตัวเองออกมาแล้ว
 
ส่วนเรื่องที่ว่า ผู้คนจากพื้นราบไปทำไม่ดีกับคนอาข่าและกล่าวอ้างว่า ทำตามเพลงนั่นไม่น่าจะใช่เพราะเพลงของเขาไม่มีอะไรจาบจ้วง หรือบอกว่า ใครก็ไปกอดสาวอาข่าได้ดังใจ  ลานสาวกอดในบทเพลง ฟังดูเหมือนเป็นที่พิเศษสำหรับกลุ่มคนที่เป็นเจ้าของถิ่นเท่านั้น
 
   ..งาม เหลือกำรำพัน
 เป็นหมันและเป็น หม้าย
ความ สวย งาม คือ ภัย
                    
ใครคนหนึ่งร้องท่อนนี้ขึ้นมา และบอกว่า งามเหลือกำรำพัน เป็นหมันและเป็นหม้าย ความสวยงามคือภัย  ฉันคิดว่าที่ไหน ๆ ก็เหมือนกัน ความสวยคือภัยโดยเฉพาะหญิงหม้าย นี่เป็นเรื่องสากลมาก
 
หน้าที่ของมิดะในบทเพลงของจรัลก็คือ
บอก สอน หื้อ ละอ่อน นั้น มี ความ ฮู้ กาม วิ-ธี
คือทำหน้าที่สอนเพศศึกษาให้กับเด็กหนุ่มและต้องเป็นหนุ่มที่จะไปออกเรือนมีครอบครัวเพื่อครอบครัวที่เป็นสุข เพื่อการสืบทอดเผ่าพันธุ์ก็เป็นได้
 
สำหรับฉันคิดว่า มิดะในบทเพลงมีจริงหรือไม่ และเพลงนี้ควรแบนหรือไม่นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง  แต่ปรากฏการณ์มิดะในบทเพลงของจรัล มโนเพ็ชร ทำให้ฉันรู้สึกว่า การสร้างงานศิลปะ ในแขนงต่าง ๆ ของศิลปิน มันสร้างแรงกระเทือนได้จริง และอาจจะเป็นผลดีเป็นกำลังใจให้ศิลปินมุ่งมั่นที่จะสร้างงานอย่างจริงจังขึ้น
 
และนี่เป็นปรากฏการณ์ที่บอกว่า ไม่ว่างานเพลงดนตรี งานเขียน สารคดี และอื่น ๆ สามารถสร้างแรงผลักหรือส่งผลต่อสังคมได้จริง ๆ จนถึงขั้นเปลี่ยนแปลงทางสังคมได้ หากว่างานที่สร้างยิ่งใหญ่พอหรือเรียกว่าจริงพอไม่ใช่งานลวง ๆ  
                       
อย่างกรณีเพลง มิดะ ถือว่าเป็นเพลงที่ส่งผลสะเทือนจริง ๆ.
 
เพิ่มเติม เชิญร่วมงานค่ะ

วันเสาร์ที่ 3 กันยายน 2554
เป็นวันรำลึกครบรอบ 10 ปี การจากไปชั่วนิรันดร์ของจรัล มโนเพ็ชร ผู้ร่วมก่อตั้ง "ร้านสายหมอกกับดอกไม้" มาตั้งแต่ปี 2541 .... ขอเชิญทุกท่านที่ยังรักและคิดถึงศิลปินผู้ล่วงลับ ร่วมรำลึกถึงจรัล มโนเพ็ชร และปีนี้เป็นปีพิเศษ ในวันนี้ยังมีการรำลึกถึง แซม กัลยาณี เพื่อนผู้จากโลกนี้ไปเมื่อปีที่แล้ว ในวันที่ 3 กันยายน เช่นเดียวกัน  

1 ปี แซม และ 10 ปี จรัล จึงหลอมรวมดวงใจผองเพื่อนไว้ในวันเดียวกัน สถานที่เดียวกัน " สายหมอกกับดอกไม้ "  
 
ได้โปรดนำดอกไม้สดมาจากบ้านของท่าน ดอกหญ้า ดอกพุดซ้อน ดอกกุหลาบ หรือดอกมะเขือ ดอกไม้อะไรก็ได้ทั้งนั้น ตามแต่ใจ... เพื่อมอบให้จรัล มโนเพ็ชร และแซม กัลยาณี ...  
ทั่วบริเวณร้านสายหมอกกับดอกไม้ ทั้งภายในและสวนน้อยๆ ตกแต่งด้วยอารมณ์ความรู้สึก บนความเชื่อว่า ทุกหนแห่งเรายังมีเพื่อนทั้งสอง อยู่กับเราด้วยเสมอ.... Everywhere There's Friends....  
มีดนตรี มีกวี มีภาพเขียน แด่เพื่อนๆ ทุกๆ คน ในคืนนี้.... 
 
16.30 น. ลงทะเบียน
17.00 น. พิธีกรนำเข้าสู่รายการ
ตัวแทนท่านนายกสมาคมกวีผู้ล่วงลับ กล่าวเปิดงาน รำลึกถึงผู้จากไปทั้งสอง
จรัล มโนเพ็ชร และ แซม กัลยาณี   พร้อมทั้ง ประวัติ ชีวิตและผลงานของแซม กัลยาณี  ฉายภาพยนตร์สารคดีที่แซมฝากไว้กับโลกของเรา 
17.30 น. พูดคุยกันสบายๆ เรื่อง กรณีเพลงมิดะ กับ จรัล มโนเพ็ชร
ใครกันเล่าฆ่าความจริง? ร่วมพูดคุยกับ ดร.เพ็ญ ภัคตะ และ ดร.อุดร วงษ์ทับทิม
18.30 น. เปิดตัวหนังสือเรื่อง " ภารกิจปิดฝังมิดะ" ซึ่งจัดพิมพ์ขึ้นเพื่อรำลึก 10 ปี  การจากไปของ จรัล มโนเพ็ชร
 
ผู้ลงทะเบียนในงาน - รับหนังสือ "ภารกิจปิดฝังมิดะ" ฟรี 20 ท่าน จากการจับฉลาก
19.00 น. เป็นต้นไป อุ่นกลิ่นไอ ผองเพื่อนนานาชาติพันธุ์ รวมใจรำลึกนึกถึงผู้จากไปทั้งสองเพื่อให้หายคิดถึงเพื่อนกันบ้าง สักเล็กน้อยก็ยังดี 
ดวงดาวเผยโฉมหน้า นักดนตรีฝีมือเทพ เริ่มบรรเลงบทเพลง "รักและคิดถึง" เพื่อนทั้งสองผู้ล่วงลับลาจากไกลชั่วนิรันดร์.... 
17.00 น. - 20.30 น. มีอาหารพื้นเมือง ยกครัวโบราณมาจากบ้านป้าตา ฟรีเจ้า...   
ประตูงานปิดเวลา  22.00 น. เจ้า ( “ห้ามเข้า” แล้ว แต่ “ ออก ” ได้ )   
 
มีหนังสือพิเศษเกี่ยวเนื่องกรณีดัง " ภารกิจปิดฝังมิดะ "
หนังสือเล่มละ 175 บาท ค่าจัดส่งเล่มละ 5 บาท
 
อนุโมทนาร่วมกันร่วมสร้างฝัน....แด่...จรัล มโนเพ็ชร     
 

 

 
 

 

บล็อกของ แพร จารุ

แพร จารุ
ถ้าฉันพูดว่า อย่าเอาดอกไม้มาให้ฉันถ้าเธอไม่ได้ปลูกเอง เธออย่าโกรธฉันนะ ฉันจะเล่าให้เธอฟัง วันหนึ่งก่อนฤดูฝน ฉันเดินทางไปหมู่บ้านหลังดอยอินทนนท์  ฉันพบผู้ชายคนหนึ่ง เขาพูดว่า"เอาดอกไม้ของฉันออกจากหน้าอกเธอ"หนุ่มใหญ่คนหนึ่งพูดขึ้น หญิงสาวมีสีหน้าแปลกใจคงสงสัยว่าเธอทำอะไรให้เขาไม่พอใจ จึงไม่ยอมเอาดอกไม้ออกจากกระเป๋าเสื้อ "เอาออกเถอะ" เขายืนยันอีกครั้ง แต่หญิงสาวยังไม่ทำตาม ยังคงเอาดอกไม้เหน็บในกระเป๋าเสื้อตรงหน้าอกต่อ ในที่สุดเขาก็บอกว่า " มันอันตราย ดอกไม้ฉันมีแต่ยา"
แพร จารุ
หมู่บ้านหายโรงเรียนร้าง เดือนก่อนฉันเดินทางไปที่หมู่บ้านหนึ่ง แถวเชียงดาว ไกลเข้าไปในป่า พบโรงเรียนร้างไม่มีเด็ก ไม่มีครู โรงเรียนถูกปิดเพราะไม่มีเด็กเรียน และไม่ใช่แค่โรงเรียนร้างเท่านั้น หมู่บ้านก็หายไปด้วย  ผู้ชายคนหนึ่งเล่าให้ฉันฟังว่าหมู่บ้านนี้ถูกซื้อไปแล้ว "จริงเหรอ เหมือนโฆษณาเลย โฆษณาอะไรนะ ที่ผู้ชายคนหนึ่งถามซื้อเกาะให้ผู้หญิง" ใครคนหนึ่งพูดขึ้น"ไม่ใช่แค่โฆษณาหรอก ละครโทรทัศน์ก็มีเหมือนกัน ชายหนุ่มคนหนึ่งเขาซื้อเกาะให้หญิงสาวเป็นของขวัญหากเธอแต่งงานกับเขา" ฉันบอกพวกเขา
แพร จารุ
แปลกใจใช่ไหมค่ะ ต้นไม้ใหญ่ อ่างเก็บน้ำและหมีแพนด้า  มันเกี่ยวกันอย่างไร  เรื่องมันเป็นอย่างนี้ค่ะ  เดือนฉันก่อนไปศาลากลางมา  ที่หน้าศาลากลางมีคนมากมาย มีชาวบ้านมาประท้วงเรื่องการสร้างอ่างเก็บน้ำ 
แพร จารุ
ในขณะที่ผู้คนที่มาดูต้นไม้ ต่างตื่นเต้นกับต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ใหญ่ที่สุดที่นี่คือต้นจามจุรีหรือต้นก้ามปูที่สโมสรเชียงใหม่ยิมคานา เป็นสนามกอล์ฟเก่า เขาเล่ากันว่าต้นไม้นี้มีอายุมากกว่าร้อยปี ส่วนสูง 15 เมตร ผ่านการประกวดต้นไม้ใหญ่ที่ได้รับรางวัลของเทศบาลมาแล้ว
แพร จารุ
"ที่ซึ่งหนุ่มสาวหอบฝันมาทิ้ง" ฉันบอกเพื่อน ฟังดูน่าตกใจและดูจะเป็นคนใจร้ายไปสักหน่อย และหากว่าน้อง ๆ หนุ่มสาวที่นี่ได้ยินฉันพูดทำนองนี้ พวกเธออาจเสียกำลังใจ เพราะการเดินทางครั้งนี้เราพบหนุ่มสาวพวกที่ฉันคิดว่าเป็นพวก"หอบความฝัน"มากมายหลายคนทีเดียว
แพร จารุ
"ปายแบบเมื่อก่อนจะไม่กลับมาอีกแล้ว เรามาค้นหาคุณค่าใหม่กันเถอะ" เพื่อนคงรำคาญที่ฉันพร่ำเพ้อถึงความหลังครั้งก่อน (ฉันเขียนมาถึงตอนนี้เมื่อฉบับที่แล้ว )  เราได้เพื่อนใหม่ทันที เธอชื่อเนเน่ เธอบอกว่า เธอเดินทางมาที่นี่ปีละหลาย ๆ ครั้ง และแม้ปายจะเปลี่ยนไปอย่างไรเธอก็ยังชอบปาย เธอมาเพื่อหาที่นั่งอ่านหนังสือสบาย ๆ ช่วง เย็น ๆ ก็ออกเดินเล่นไปตามถนน เดินคุยกับคนโน้นคนนี้เพราะผู้คนส่วนมากเป็นมิตร
แพร จารุ
  1 ปาย เปลี่ยนไปมาก และที่ฉันไม่กล้าไปปายก็เพราะกลัวความเปลี่ยนแปลง กลัวจะเสียใจกับความเปลี่ยนแปลงก็เลยพยายามจะลืมปายทำเหมือนหนึ่งว่าไม่เคยมี ไม่เคยไป
แพร จารุ
"ป้าไฟไหม้ ไฟไหม้ " หลานสาวส่งเสียงอยู่หน้าบ้าน "ไฟไหม้ที่ไหน" ฉันถาม เดี๋ยวนี้อาการตื่นกลัวเรื่องไฟไหม้ป่าหลังบ้านลดลงไปแล้ว หากเป็นเมื่อสองปีก่อน ฉันจะกลัวมาก กลัวจนตัวสั่นและรีบโทรศัพท์ไปแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายทันที และบางครั้งก็ลงมือดับไฟเองก่อนที่รถดับเพลิงจะมา พร้อมกับบ่นด่าคนที่ทำไฟไหม้ คนที่มาเก็บของกินในสวนร้างแต่ไม่เคยสนใจหน้าแล้งยามที่ไม่ค่อยมีอะไรเก็บกิน และเจ้าของสวนที่ทิ้งสวนตัวเองไว้แล้วไม่มาดูแล  รวมถึงดับเพลิงที่มาช้าไม่ทันใจ
แพร จารุ
"อย่าลืมเอาถุงผ้าไปซื้อของ" ฉันเคยบอกใครต่อใครจนเขาเบื่อหน่ายกันแล้ว "อย่าเอาถุงพลาสติกเข้าบ้านถ้าไม่จำเป็น"และทุกครั้งที่ฉันเห็นถุงพลาสติกที่ใส่อาหารแล้ววางทิ้งไว้บนโต๊ะ ก็จะรู้สึกโกรธขึ้นมาทันทีและรีบเก็บแต่ถุงพลาสติกก็ไม่เคยหมดไปจากบ้านฉัน มันวางอยู่ตรงโน้นตรงนี้เสมอ ๆ
แพร จารุ
ผู้ชายคนหนึ่งนั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เขาขยันมาก นั่งทำงานทุกวัน เขามีเมียขี้คร้านกับหมาพุดเดิ้ลตัวเล็ก ๆ ที่ส่งเสียงเห่าแหลมเล็กทั้งวันทั้งคืน เสียงหมาเห่าดังมาก  แต่เขายังนั่งทำงานอย่างไม่สนใจ  เมียเขานอกจากขี้คร้านแล้วขี้รำคาญด้วย เธอจึงลุกขึ้นไปที่ประตูอย่างหงุดหงิดรำคาญใจเพราะเธอกำลังนอนอ่านหนังสืออย่างสำราญอยู่ ประตูบ้านยังไม่ปิด บ้านนี้ประตูจะไม่ปิดจนกว่าเจ้าของบ้านจะนอน  ลักษณะพิเศษคือเจ้าของบ้านไม่ชอบปิดประตู เปิดไว้ทั้งวันทั้งคืน
แพร จารุ
 หน้าร้อนใคร ๆ ก็ไม่อยากมาเชียงใหม่ อย่าว่าแต่นักท่องเที่ยวเลย คนที่อยู่เชียงใหม่ที่พอออกจากเมืองได้ก็จะพากันออกจากเมืองไปพักผ่อนที่อื่นฉันเป็นคนหนึ่งที่หนีออกจากเมืองเชียงใหม่ในช่วงหน้าร้อนเสมอ ให้เหตุผลกับตัวเองว่า ถือโอกาสกลับใต้ เป็นการกลับบ้านปีละครั้ง
แพร จารุ
“บ้านฉันไม่ได้อยู่ใกล้สถานบันเทิงเลยค่ะ แต่หนวกหูมากเหมือนกัน” ฉันบอกเพื่อนที่โทรศัพท์มาปรึกษาเรื่องที่บ้านของเธออยู่ใกล้สถานบันเทิง หลังจากที่ ฟังเธอบ่นปรับทุกข์ เรื่องเสียงเพลงหนวกหูจากสถานบันเทิง เธอเล่าว่าย้ายบ้านจากกรุงเทพฯ มาอยู่ต่างจังหวัดได้ไม่นาน ร้านอาหารคาราโอเกะก็มาเปิดข้างบ้าน