Skip to main content

บน ฟ้า มี เมฆ ลอย บน ดอย มี เมฆ บัง
มี สาว งาม ชื่อ ดัง อยู่ หลัง แดน ดง ป่า
 
 
เนื้อเพลงมิดะค่ะ สองบรรทัด....เพราะเหลือเกิน และเข้าไปอยู่ในหัวใจใครต่อใครได้ไม่ยาก บนฟ้ามีเมฆลอยบนดอยมีเมฆบัง ฟังเพียงแค่นี้ก็จินตนาการได้กว้างไกล หัวใจก็ลอยไปถึงไหน ๆ แล้ว
 
ฉันรู้จักเพลงนี้ก่อนที่จะรู้จักดอยสูงที่มีชนเผ่าจริง ๆ เสียอีก เช่นเดียวกับรู้จักคำเมือง รู้ว่าล้านนามีภาษาของตัวเอง หลังจากรู้จักอุ๊ยคำ

จนเมื่อได้มีโอกาส มารู้จักศิลปินคนเขียนเพลงและร้องเพลงมิดะ ก็มีโอกาสได้ฟังมากขึ้น แค่ขึ้นอินโทรเพลงด้วยเสียงเม้าธ์ออแกนและเสียงฮัม ฮือ ฮือ  ฮือ ฮือ ฮือ.........บนฟ้ามีเมฆลอยบนดอยมีเมฆบัง ก็ต้องหยุดฟังแม้ว่าจะฟังบ่อยแค่ไหน ไม่ว่ากำลังช่วยแม่ครัวจัดจานใส่อาหาร หรือช่วยพนักงานเสิร์ฟเก็บจาน หรือนั่งคุยอยู่กับใครสักคนก็ตาม
 
ทำไมฉันถึงได้ฟังเพลงนี้บ่อย เพราะว่าเมื่อมาอยู่เมืองเหนือ เชียงใหม่ ฉันใช้ชีวิตร่วมบ้านกับนักดนตรีเล่นกีตาร์และร้องยังชีพ และฉันเดินทางไปกับเขาด้วยเสมอ ร้านที่เขาเล่นก็คือร้านคนรักของศิลปิน นักร้อง ที่เขียนเพลงและร้องเพลงมิดะ “จรัล มโนเพ็ชร” ฉันอยู่ว่าง ๆ ทำตัวให้เป็นประโยชน์ ด้วยการเป็นผู้ช่วยคนครัวบ้าง ผู้ช่วยพนักงานเสิร์ฟบ้าง นอกจากการมาพักผ่อนมาเที่ยวมาฟังเพลง
 
ฉันคุ้นกับเพลงมิดะมาก แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่จะมีคำถามว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง อาจจะเป็นเพราะความงามของภาษา ความไพเราะ และความอ่อนโยนที่อยู่ในบทเพลง จนมันเข้าไปอยู่ในหัวใจคนฟัง ไม่ได้คิดถึงว่าจริงหรือไม่จริง จนเมื่อมีข่าวว่าพี่น้องชาวอาข่าออกมาเรียกร้อง และบอกแก่สังคมว่า มันไม่ใช่เรื่องจริงและทำให้ชนเผ่าอาข่าเสียหายโดยเฉพาะภาพของผู้หญิง ต้องให้หยุดร้องหรือเรียกว่าแบนเพลงนี้ “ไม่มีทั้งมิดะและลานสาวกอด”
 
เรื่องราวเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในปีที่ 10 การจากไปของจรัล มโนเพ็ชร ในปีนี้ เรื่องนี้ได้รับการพูดถึง ไปจนถึงมีการเปิดเวทีเสวนาทางวิชาการ สืบค้นกันทีเดียวว่ามีมิดะหรือไม่
 
และในโอกาสครบรอบสิบปีจรัล มโนเพ็ชร ในวันที่ 3 กันยายนนี้ มีหนังสือ สิบปีการจากไปของจรัล แน่นอนต้องมีปรากฏการณ์มิดะอยู่ในหนังสือเล่มนี้ เพราะมิดะเป็นปรากฏการณ์หนึ่งหลังการจากไปของจรัลที่เข้มข้นมาก คุณอันยา โพธิวัฒน์ ในฐานะคู่ชีวิตคุณจรัล เป็นผู้เขียนจัดทำร่วมกับเพื่อน ๆ
 
 

 
เมื่อมีปรากฏการณ์มิดะร้อนแรง ชาวอาข่ารู้สึกว่า ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของเขาอย่างมากมาย ฉันจึงกลับมานั่งฟังเพลงนี้อีกครั้งอย่างตั้งใจ และบังเอิญเพื่อน ๆ คนเขียนหนังสือ คนทำงานศิลปะที่ไปมาหาสู่กันอยู่เสมอ ๆ มาที่บ้านจึงชวนฟังด้วยกัน
 
ไม่มีใครปฏิเสธว่าเพลงนี้เพราะ เข้าใจได้ว่าคนเขียนเพลงจับเอาเรื่องราวหรือเรื่องเล่า มาสร้างกับจินตนาการได้อย่างกลมกลืนงดงาม
 
 
เพื่อนคนเขียนสารคดีคนหนึ่งบอกว่า หลักฐานการมีอยู่จริงคือหนังสือสารคดี เขียนเมื่อปี 2493 ของนักเขียนสารคดีที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ถือว่าเป็นขั้นครูของนักเขียนสารคดีรุ่นหลัง ๆ   และสารคดีคือการนำเสนอเรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องแต่งเหมือนนิยายหรือเรื่องสั้น ดังนั้น หากจะกล่าวว่า นักเขียนสารคดียกเมฆหรือไม่รู้จริงเอามาเขียนก็รู้สึกว่าไม่อาจกล่าวได้ในฐานะคนทำสารคดีรุ่นหลังเพราะการเขียนสารคดีสักชิ้นหนึ่ง เราต้องไปถึงที่ถึงถิ่น ต้องเห็นกับตา ต้องเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นั้น ๆ จริง ๆ เรียกว่าต้องทุ่มเทกับงานอย่างยากและลำบาก  โดยเฉพาะนักเขียนสารคดีมืออาชีพ และอย่างคุณ “บุญช่วย ศรีสวัสดิ์” ที่เขียนหนังสือ “30 ชาติในเชียงราย” และอื่น ๆ อีกหลายเล่มที่เกี่ยวกับชาติพันธุ์ และท่านเสียชีวิตไปนานแล้ว



 

ใช่ ฉันเห็นจริงด้วย สำหรับคนเขียนสารคดี แต่สำหรับคนเขียนเพลง นักแต่งเพลงนั้น เขาไม่ใช่นักเขียนสารคดี เทียบได้กับคนเขียนเรื่องสั้น คือเอาเรื่องเล่า เอาตำนานมาสร้างจินตนาการแต่งเสริมได้
 
มีนักแปลคนหนึ่งเสนออย่างเป็นกลาง ๆ ว่า ชาวอาข่าลุกขึ้นมาบอกกับผู้คนว่า มันไม่จริง ไม่ใช่เรื่องของอาข่าก็สมควรแล้วและเป็นเรื่องที่ทำได้ หรือจะบอกกล่าว เรื่องราวชนเผ่าของเราเป็นอย่างไร ส่วนเพลงที่เขาร้องอยู่ก็ไม่ต้องไปแบนหรอก เขาก็ร้องของเขาไป เราก็บอกของเราไป และนักร้องอาข่าก็มีเพลงของตัวเองออกมาแล้ว
 
ส่วนเรื่องที่ว่า ผู้คนจากพื้นราบไปทำไม่ดีกับคนอาข่าและกล่าวอ้างว่า ทำตามเพลงนั่นไม่น่าจะใช่เพราะเพลงของเขาไม่มีอะไรจาบจ้วง หรือบอกว่า ใครก็ไปกอดสาวอาข่าได้ดังใจ  ลานสาวกอดในบทเพลง ฟังดูเหมือนเป็นที่พิเศษสำหรับกลุ่มคนที่เป็นเจ้าของถิ่นเท่านั้น
 
   ..งาม เหลือกำรำพัน
 เป็นหมันและเป็น หม้าย
ความ สวย งาม คือ ภัย
                    
ใครคนหนึ่งร้องท่อนนี้ขึ้นมา และบอกว่า งามเหลือกำรำพัน เป็นหมันและเป็นหม้าย ความสวยงามคือภัย  ฉันคิดว่าที่ไหน ๆ ก็เหมือนกัน ความสวยคือภัยโดยเฉพาะหญิงหม้าย นี่เป็นเรื่องสากลมาก
 
หน้าที่ของมิดะในบทเพลงของจรัลก็คือ
บอก สอน หื้อ ละอ่อน นั้น มี ความ ฮู้ กาม วิ-ธี
คือทำหน้าที่สอนเพศศึกษาให้กับเด็กหนุ่มและต้องเป็นหนุ่มที่จะไปออกเรือนมีครอบครัวเพื่อครอบครัวที่เป็นสุข เพื่อการสืบทอดเผ่าพันธุ์ก็เป็นได้
 
สำหรับฉันคิดว่า มิดะในบทเพลงมีจริงหรือไม่ และเพลงนี้ควรแบนหรือไม่นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง  แต่ปรากฏการณ์มิดะในบทเพลงของจรัล มโนเพ็ชร ทำให้ฉันรู้สึกว่า การสร้างงานศิลปะ ในแขนงต่าง ๆ ของศิลปิน มันสร้างแรงกระเทือนได้จริง และอาจจะเป็นผลดีเป็นกำลังใจให้ศิลปินมุ่งมั่นที่จะสร้างงานอย่างจริงจังขึ้น
 
และนี่เป็นปรากฏการณ์ที่บอกว่า ไม่ว่างานเพลงดนตรี งานเขียน สารคดี และอื่น ๆ สามารถสร้างแรงผลักหรือส่งผลต่อสังคมได้จริง ๆ จนถึงขั้นเปลี่ยนแปลงทางสังคมได้ หากว่างานที่สร้างยิ่งใหญ่พอหรือเรียกว่าจริงพอไม่ใช่งานลวง ๆ  
                       
อย่างกรณีเพลง มิดะ ถือว่าเป็นเพลงที่ส่งผลสะเทือนจริง ๆ.
 
เพิ่มเติม เชิญร่วมงานค่ะ

วันเสาร์ที่ 3 กันยายน 2554
เป็นวันรำลึกครบรอบ 10 ปี การจากไปชั่วนิรันดร์ของจรัล มโนเพ็ชร ผู้ร่วมก่อตั้ง "ร้านสายหมอกกับดอกไม้" มาตั้งแต่ปี 2541 .... ขอเชิญทุกท่านที่ยังรักและคิดถึงศิลปินผู้ล่วงลับ ร่วมรำลึกถึงจรัล มโนเพ็ชร และปีนี้เป็นปีพิเศษ ในวันนี้ยังมีการรำลึกถึง แซม กัลยาณี เพื่อนผู้จากโลกนี้ไปเมื่อปีที่แล้ว ในวันที่ 3 กันยายน เช่นเดียวกัน  

1 ปี แซม และ 10 ปี จรัล จึงหลอมรวมดวงใจผองเพื่อนไว้ในวันเดียวกัน สถานที่เดียวกัน " สายหมอกกับดอกไม้ "  
 
ได้โปรดนำดอกไม้สดมาจากบ้านของท่าน ดอกหญ้า ดอกพุดซ้อน ดอกกุหลาบ หรือดอกมะเขือ ดอกไม้อะไรก็ได้ทั้งนั้น ตามแต่ใจ... เพื่อมอบให้จรัล มโนเพ็ชร และแซม กัลยาณี ...  
ทั่วบริเวณร้านสายหมอกกับดอกไม้ ทั้งภายในและสวนน้อยๆ ตกแต่งด้วยอารมณ์ความรู้สึก บนความเชื่อว่า ทุกหนแห่งเรายังมีเพื่อนทั้งสอง อยู่กับเราด้วยเสมอ.... Everywhere There's Friends....  
มีดนตรี มีกวี มีภาพเขียน แด่เพื่อนๆ ทุกๆ คน ในคืนนี้.... 
 
16.30 น. ลงทะเบียน
17.00 น. พิธีกรนำเข้าสู่รายการ
ตัวแทนท่านนายกสมาคมกวีผู้ล่วงลับ กล่าวเปิดงาน รำลึกถึงผู้จากไปทั้งสอง
จรัล มโนเพ็ชร และ แซม กัลยาณี   พร้อมทั้ง ประวัติ ชีวิตและผลงานของแซม กัลยาณี  ฉายภาพยนตร์สารคดีที่แซมฝากไว้กับโลกของเรา 
17.30 น. พูดคุยกันสบายๆ เรื่อง กรณีเพลงมิดะ กับ จรัล มโนเพ็ชร
ใครกันเล่าฆ่าความจริง? ร่วมพูดคุยกับ ดร.เพ็ญ ภัคตะ และ ดร.อุดร วงษ์ทับทิม
18.30 น. เปิดตัวหนังสือเรื่อง " ภารกิจปิดฝังมิดะ" ซึ่งจัดพิมพ์ขึ้นเพื่อรำลึก 10 ปี  การจากไปของ จรัล มโนเพ็ชร
 
ผู้ลงทะเบียนในงาน - รับหนังสือ "ภารกิจปิดฝังมิดะ" ฟรี 20 ท่าน จากการจับฉลาก
19.00 น. เป็นต้นไป อุ่นกลิ่นไอ ผองเพื่อนนานาชาติพันธุ์ รวมใจรำลึกนึกถึงผู้จากไปทั้งสองเพื่อให้หายคิดถึงเพื่อนกันบ้าง สักเล็กน้อยก็ยังดี 
ดวงดาวเผยโฉมหน้า นักดนตรีฝีมือเทพ เริ่มบรรเลงบทเพลง "รักและคิดถึง" เพื่อนทั้งสองผู้ล่วงลับลาจากไกลชั่วนิรันดร์.... 
17.00 น. - 20.30 น. มีอาหารพื้นเมือง ยกครัวโบราณมาจากบ้านป้าตา ฟรีเจ้า...   
ประตูงานปิดเวลา  22.00 น. เจ้า ( “ห้ามเข้า” แล้ว แต่ “ ออก ” ได้ )   
 
มีหนังสือพิเศษเกี่ยวเนื่องกรณีดัง " ภารกิจปิดฝังมิดะ "
หนังสือเล่มละ 175 บาท ค่าจัดส่งเล่มละ 5 บาท
 
อนุโมทนาร่วมกันร่วมสร้างฝัน....แด่...จรัล มโนเพ็ชร     
 

 

 
 

 

บล็อกของ แพร จารุ

แพร จารุ
“จึงขอตั้งจิตมั่นว่าจะพูดแต่ความจริงด้วยถ้อยคำที่ก่อให้เกิดความมั่นใจ ความเบิกบาน และความหวัง โดยไม่กระพือข่าวที่ตัวเองไม่รู้แน่ชัด รวมทั้งไม่วิพากษ์วิจารณ์ หรือกล่าวโทษในสิ่งที่ตัวเองไม่แน่ใจ” ฉันชอบถ้อยคำนี้มาก เป็นถ้อยคำ ที่เพื่อนนำมาฝากหลังจากที่เธอกลับมาจากภาวนา เรื่องมันเป็นอย่างนี้ค่ะ... เพื่อนของฉันกลับมาจาก “ภาวนา” แบบหมู่บ้านพลัม เธอว่าดีงามมาก ใช้กับชีวิตได้ เธอพูดถึง ข้ออบรมสติ 5 ประการ แต่เธอเน้นข้อฝึกอบรม ข้อที่ 4 เธอเขียนส่งมาให้ฉันอ่าน ฉันคิดว่าเธอคงอยากให้ฉันตระหนักรู้ หรือไม่เธอก็บอกอ้อม ๆ ว่า ฉันเป็นคนที่ควรจะปฏิบัติเพราะฉันมีปัญหาในข้อนี้…
แพร จารุ
ระหว่างการพูดคุยกับเพื่อน เพื่อนนักเขียนของฉัน ไปอยู่ไกลถึงลอนดอน ช่วงที่ผ่านมาเธอกลับบ้านเพื่อมาส่งแม่เดินทางไกล เพราะครั้งนี้แม่ไปแล้วจะไม่กลับมาอีกเลย และไม่รู้ว่าเส้นทางสายยาวไกลของแม่อยู่ที่ไหน แต่สำหรับเธอ เชื่อว่า จะไปพบกันที่พระเจ้า เราไม่ได้พบหน้ากันมานาน ได้แต่คุยโทรศัพท์กัน ช่วงแรกเพื่อนนักเขียนของฉันนั่งทำงานเขียน นั่งวาดภาพ และปลูกต้นไม้อยู่ในเรือนกระจกอยู่ที่บ้าน ต่อมาเธอไม่เลือกที่จะนั่งเขียนหนังสืออยู่ที่บ้านแล้ว เธอไปทำงานที่พักคนชรา ทำงานอยู่กับคนแก่ ไม่ใช่เรื่องโรแมนติกแต่เป็นเรื่องจริงของชีวิต เธอมีการงานที่มีความเศร้า ความตายของคนแก่ที่นั่นอยู่เสมอ
แพร จารุ
ยามเช้าได้อ่านงานของดอกสตาร์ เธอเขียนจั่วหัวว่า เชียงใหม่แพ้ซ้ำซาก Chiangmai lost her beauties. ข้อเขียนของเธอบอกว่า ผังเมืองฉบับใหม่ซึ่งตอนนี้อยู่ในช่วง ๙๐ วัน ที่คนได้รับความเดือดร้อนจากผังเมืองฉบับนี้จะยื่นคำร้องเพื่อคัดค้าน ถ้ารัฐบาลไม่รับฟังและผังเมืองฉบับนี้ผ่าน โฉมหน้าเมืองเชียงใหม่คงจะอัปลักษณ์สุด ๆ รอวันตายลูกเดียว มีเรื่องฝายทั้งสามแห่งคือ ฝายพญาคำ ฝายหนองผึ้งและฝ่ายท่าศาลาอีก ของเก่าแก่ภูมิปัญญาของบรรพบุรุษสร้างไว้ให้ลูกหลานชาวล้านนาได้ประโยชน์กลับจะรื้อทิ้งโดยเห็นแก่ประโยชน์เล็กน้อยที่เทียบไม่ได้เลยกับความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นกับบ้านเมืองกับลูกหลานในอนาคต“…
แพร จารุ
พ่อหมื่นแก่ฝายคนสุดท้าย นัดพบที่หน้าฝายพญาคำ ในวันเสาร์ที่ 13 กันยายน เวลา 10.00 น. ร่วมทำพิธีสืบชะตาอีกครั้ง ชาวบ้านยอมให้มีการสร้างประตูระบายน้ำแล้ว แต่มีข้อแม้ว่า ห้ามทุบห้ามรื้อฝายโบราณทั้งสามฝาย หรือทดลองใช้ประตูระบายน้ำก่อนสองปี ว่าสามารถทดน้ำเข้าเหมืองเพื่อส่งเลี้ยงไร่นาได้หรือไม่ คือให้ลองดูว่าประตูน้ำทำหน้าที่แทนฝายหินทิ้งเก่าแก่ได้ดีแค่ไหน การจัดการน้ำด้วยระบบเหมืองฝายจะถูกเปลี่ยนมือ จากการจัดการโดยชาวบ้านในระบบแก่ฝายมาเป็นจัดการโดยรัฐชลประทาน ชาวบ้านผู้ใช้น้ำคิดอย่างไรถึงยินยอมทั้งที่ยื้อกันมานาน ถ้านับตั้งแต่ช่วงแรกที่จะมีการรื้อก็เกือบสิบปีแล้ว
แพร จารุ
ฉันได้เดินทางมายังหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ตั้งใจจะมาเที่ยวตามป่าเขาแค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศ   รัฐบาล โดยนายอำเภอ และอุทยานแห่งชาติ จัดให้มีงานบวชป่า และส่งมอบอาวุธปืน มีหนังสือจากหน่วยงานของรัฐมาถึงผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านในเย็นวันหนึ่ง มีเสียงพูดกันเบา จับใจความได้ว่า พวกเขากังวล เพราะพวกเขาไม่มีปืนจะไปมอบ ฉันฟังอย่างไม่เข้าใจ ไม่รู้พวกเขาว่าจะกังวลทำไม ไม่มีก็ไม่ต้องมอบ บอกไปว่าเราไม่มีก็จบ ก็ไม่มีจะเอามาจากไหน
แพร จารุ
 “ไม่นานคนก็ตายกันหมดโลกแน่ ๆ”หญิงสาววัยเพิ่งผ่านเลขสามพูดขึ้นก่อนล้มตัวลงนอน “พี่เชื่อไหม ไม่นานผู้คนจะตายหมดโลก” เธอพูดอีกครั้ง “อะไรทำให้เธอคิดเช่นนั้น” ฉันถามออกไปด้วยความขลาดกลัว มานอนกลางป่ากลางเขาแล้วพูดถึง เรื่องความตาย  ไม่อยากจะฟังคำตอบจากเธอ รีบเตรียมถุงนอน พร้อมที่จะล้มตัวลงนอนใกล้ ๆ เธอ คืนนี้เราเลือกที่จะไม่นอนในบ้านสบาย ๆ แต่เลือกที่จะมานอนกันในป่าเปลี่ยนบรรยากาศ   เธออธิบายต่อว่า เมื่อกลางวันได้ยินข่าวแผ่นดินไหวที่เชียงราย 3.5 ริกเตอร์  เมื่อแผ่นดินไหวที่เชียงรายได้ ก็ไหวที่เชียงใหม่ได้ หรือที่อื่น ๆ ได้ และมันคงจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ “อือ...ก็น่าจะจริง…
แพร จารุ
 เธอได้ยินไหม  คนบ้านฉันเขาตัดไม้กันอยู่ เสียงดังกรูด ๆ ๆ แล้วไม่นานก็ได้ยินเสียงไม่ล้ม ฉันฟังจนแยกออกแล้วว่า เสียงที่ล้มลงมาต้นเล็กต้นใหญ่ขนาดไหน ฉันบอกเพื่อนไปเช่นนั้น ด้วยเราพูดกันอย่างไม่เห็นหน้าจึงไม่รู้ว่า เพื่อนทำหน้าตาอย่างไร เธอคงคาดไม่ถึงว่าได้ยินเสียงตอบเช่นนี้ เธอคงผิดหวังมากทีเดียวเพื่อนโทร.มาบอกให้ฉันช่วยเขียนเรื่องการปลูกต้นไม้ เป็นโครงการหนึ่งของมูลนิธิที่เธอทำงานอยู่ ชื่อว่า โครงการป่าเมือง หรือการปลูกต้นไม้ในเมืองนั่นเอง
แพร จารุ
ขอคั่นรายการหน้าโฆษณาหน่อยนะคะ บอกจริง ๆ ว่า ช่วงนี้รู้สึกโหวงเหวงอย่างบอกไม่ถูก คุณผู้อ่านรู้จักคำว่า โหวงเหวงไหม มันเป็นอาการซึม ๆ เศร้า ๆ และรู้สึกเบา ๆ ในหัวใจ  เมื่อทบทวนดูอาการแล้ว พบว่าน่าจะมาจากสภาพสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัว ซึ่งน่าจะเป็นอาการผิดปกติจากข่าว ช่วงนี้มีข่าวมีคนตายเป็นหมื่นเป็นแสน และยังหายสาบสูญไปอีกเท่าไหร่ไม่รู้ อีกทั้งยังบาดเจ็บรอคอยอยู่อีกมาก
แพร จารุ
“พี่มันน่ากลัวจริง ๆ ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ไม้พี่ไม้ ไม้เป็นหมื่น ๆ” เธอส่งเสียงมาเหมือนถูกผีหลอกกลางวัน“อยู่แดนสนธยาที่ไหน” ฉันถามกลับไปเพื่อให้ตัวเองตั้งสติหากมีเรื่องร้าย “ไม่ใช่ต้นไม้แต่เป็นไม้เป็นหมื่น ๆ ท่อนพี่ ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย มันเยอะจริง เดี๋ยวจะถ่ายรูปส่งไปให้ดู บางต้นมีผ้าเหลืองผ้าแดงผูกโคนต้นด้วย” “ที่ไหน” “กิ่วคอหมาพี่ เขากำลังสร้างเขื่อนกิ่วคอหมา พี่รู้เรื่องนี้ไหม พูดแล้วขนลุกพี่ รอเดี๋ยว ๆ นะพี่นะจะส่งรูปไปให้ดู”“จ๊ะ แล้วเธอไปทำไม”“ขับรถผ่านมานะพี่  กลับมาจากลำปาง”เธอพูดหลายครั้งว่าเธอไม่เคยเห็นไม้เยอะขนาดนี้มาก่อนจริง ๆ และสงสัยว่าทำไมเขายังตัดไม้กันขนาดนี้…
แพร จารุ
เขาว่ากันว่า  เชียงใหม่เป็นเมืองแห่งธรรมชาติงดงาม เมืองวัฒนธรรมประเพณีเก่าแก่ จอดดูสักหน่อยซิเขาเล่ากันต่อว่า ช่วงสิบปีที่ผ่านมา เชียงใหม่เติบโตด้านการท่องเที่ยวสูงสุด ปีหนึ่งๆ มีคนมาเที่ยวเชียงใหม่มากมาย เชียงใหม่กลายเป็นเมืองที่ต้องรับภาระหาเงินทอง เมกกะโปรเจคขนาดใหญ่จึงเกิดขึ้นที่เมืองเชียงใหม่ว้าว! แล้วคนเชียงใหม่ คิดอย่างไรกับเมืองเชียงใหม่ หากไปถามคำถามนี้ ร้อยทั้งร้อยคนเชียงใหม่ต่างวิตกกังวล คนเชียงใหม่บอกว่า เมืองน่าอยู่นั้นคือเมื่อก่อน เมื่อก่อนซึ่งไม่นานเท่าไหร่ แต่เดี๋ยวนี้ คนเชียงใหม่ลำบากกับรถติดในเมือง คนเชียงใหม่กลัวน้ำท่วมเหมือนปี 2548 ฤดูร้อน…
แพร จารุ
เมื่อไม่นานมานี้ ฉันไปร่วมงาน เปิดตัวหนังสืออาหารบ้านฉัน ที่บ้านแม่เหียะใน หัวหน้าอุทยานดอยสุเทพ มาเปิดงาน ฉันฟังเสียงของท่านไม่ค่อยได้ยิน เพราะว่ายืนไกลและที่บ้านแม่เหียะใน ไม่มีไฟฟ้าใช้ ต้องใช้เครื่องปั่นไฟ เสียงเครื่องปั่นไฟดังมาก จึงไปถามชาวบ้านที่ตั้งใจไปฟังใกล้ ๆ ว่าท่านพูดอะไร แน่นอนชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่อุทยานเขาต้องตั้งใจฟังทุกอย่างที่เจ้าหน้าที่อุทยานพูด เพราะว่าชีวิตขึ้นอยู่กับอุทยานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  หรือเรียกว่าอยู่ภายใต้กฎหมายอุทยาน “ท่านพูดว่า ท่านเข้าใจว่าที่ทำหนังสือเล่มนี้ทำขึ้นมาเพราะต้องการที่อยู่ที่กิน” หญิงสาวคนหนึ่งบอกว่าท่านพูดเช่นนั้น และเธอรู้สึกดีใจมาก“…
แพร จารุ
ป้าของฉันเป็นผู้หญิงธรรมดามาก ไม่เป็นที่รู้จักของใคร  ฉันคิดว่าคนที่ป้ารู้จักมีแต่หลาน ๆ กับคนข้างบ้านเท่านั้น และคนที่รู้จักป้าก็เช่นกัน ป้าเป็นผู้หญิงธรรมดาจริง ๆ แต่ฉันอยากเขียนถึงป้า เพราะน่าจะมีแต่ฉันที่จะเขียนถึงป้า และฉันก็น่าจะเป็นหลานคนเดียวที่ไม่เคยได้ทำอะไรให้ป้าเลยนอกจากเขียนถึงป้า ใจหายเหมือนกันเมื่อคิดว่า นี่คือสิ่งแรกที่ฉันจะทำให้ป้า ป้าฉันไม่มีอะไรพิเศษเลยนอกจากเป็นคนดี มีจิตใจที่ดีงาม ตั้งแต่ฉันรู้จักเป็นป้าหลานมา ฉันไม่เคยเห็นป้าทำอะไรไม่ดีเลย ไม่ใช่แกเป็นป้าที่ดีของพวกหลาน ๆ แกเท่านั้น แต่เป็นเพื่อนบ้านที่ดีของเพื่อนบ้าน ชีวิตป้ามีความสุขมาก ฉันคิดว่าป้ามีความสุขทุกวัน…