เขาว่ากันว่า เชียงใหม่เป็นเมืองแห่งธรรมชาติงดงาม เมืองวัฒนธรรมประเพณีเก่าแก่ จอดดูสักหน่อยซิ
เขาเล่ากันต่อว่า ช่วงสิบปีที่ผ่านมา เชียงใหม่เติบโตด้านการท่องเที่ยวสูงสุด ปีหนึ่งๆ มีคนมาเที่ยวเชียงใหม่มากมาย เชียงใหม่กลายเป็นเมืองที่ต้องรับภาระหาเงินทอง เมกกะโปรเจคขนาดใหญ่จึงเกิดขึ้นที่เมืองเชียงใหม่
ว้าว! แล้วคนเชียงใหม่ คิดอย่างไรกับเมืองเชียงใหม่
หากไปถามคำถามนี้ ร้อยทั้งร้อยคนเชียงใหม่ต่างวิตกกังวล
คนเชียงใหม่บอกว่า เมืองน่าอยู่นั้นคือเมื่อก่อน เมื่อก่อนซึ่งไม่นานเท่าไหร่ แต่เดี๋ยวนี้ คนเชียงใหม่ลำบากกับรถติดในเมือง คนเชียงใหม่กลัวน้ำท่วมเหมือนปี 2548
ฤดูร้อน คนเชียงใหม่กลัวหมอกควันจะกลับมา และหายใจไม่ออก ทุกคนต่างรู้ดีว่า ตัวเองอยู่ในเมืองแอ่งกระทะ อยู่ในหุบเขาสูงๆ ต่ำๆ
คนเชียงใหม่กลัว กลัว และกลัว โดยเฉพาะช่วงสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง คนเชียงใหม่ไม่กล้าให้ลูกสาวออกจากบ้าน กลัวจะถูกลวนลามอย่างถูกต้อง ใครก็เอาผิดไม่ได้ เพราะเป็นช่วงสงกรานต์
ใครๆ ต่างเดินทางมาที่เชียงใหม่เพื่อปลดปล่อยความหยาบ การเก็บกด เพราะช่วงวันสงกรานต์ แค่มีแป้งอยู่ในมือจะลูบหน้า จับก้นผู้หญิงคนไหนก็ได้
เรื่องที่จะไปวัดทำบุญก่อกองทรายนั้นหรือ เป็นเรื่องเก่า เพราะแค่จะออกเดินทางไปวัดยังไม่รู้จะไปอย่างไร นั่งรถยนต์ก็จะเจอถุงน้ำแข็งเข้ามาทางหน้าต่างรถ
เชียงใหม่เป็นเมืองในหุบเขา ก่อนจะสร้างเมือง เจ้าเมืองได้ไปดูแล้วว่า อยู่ในชัยมงคลที่ดี มีแม่น้ำปิงและมีป่าดอยสุเทพ แต่ทั้งแม่น้ำปิงและป่าดอยสุเทพก็ถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว แม่น้ำปิงถูกบุกรุกจนแคบ เหลือเพียงนิดเดียว สองฝั่งแม่น้ำปิงเต็มไปด้วยร้านอาหาร โรงแรม บ้านพัก และสถานที่ราชการ มันน่าเศร้าจริง ๆ คนที่มาเชียงใหม่ก็มาแค่เห็นความงามของแม่น้ำปิงเท่านั้น เช่นเดียวกับคนมาดอยสุเทพ ดอยอินทนนท์ก็จะรู้แค่ความหนาวเย็นในช่วงหนาว
กว่าคนเชียงใหม่จะตระหนักว่า ตัวเองมีสิทธิ์ที่จะปกป้องบ้านของตัวเองก็แทบจะไม่เหลือแล้ว โครงการพัฒนาต่างๆ ที่เข้ามาในเมืองเชียงใหม่ ก็มาอย่างรวดเร็ว โดยส่วนใหญ่คนเชียงใหม่จะไม่ทันรู้ตัว เช่น โครงการไนท์ซาฟารี โครงการพืชสวนโลก ที่นำคนเข้าสู่เมืองเชียงใหม่นับแสนนับล้านในเวลาเพียงสองสามเดือน ก่อให้เกิดปัญหาการบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติ การทำลายผืนป่า การแย่งชิงทรัพยากรน้ำ ปัญหาที่อยู่ที่ทำกินของชาวบ้าน รวมทั้งปัญหาขยะ
หลังจากสองโครงการจบไป ก็ไร้ทิศทางที่จะเดินต่อ จนถึงวันนี้กำลังจะกลายเป็นสถานที่ทิ้งร้างที่ได้ไม่คุ้มเสีย
คนเชียงใหม่เริ่มตระหนักถึงสิทธิในการดูแลเมือง ต่อครูบาศรีวิชัยและผืนป่า
แต่ถึงอย่างนั้นก็หาเพียงพอไม่ หรือเรียกว่าไม่มีแรงพอที่จะคัดค้านโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการเหมืองฝายในแม่น้ำปิง ฝายเก่าแก่ที่มีมานานนับร้อยปีจะถูกทุบ เพื่อสนองตอบการท่องเที่ยวในการล่องเรือสำราญสู่เวียงกุมกามโดยไม่ใส่ใจเกษตรกรที่ใช้น้ำเพื่อการเพาะปลูก และไม่ใส่ใจว่าเหมืองฝายคือสิ่งคู่บ้านคู่เมือง เป็นมรดกทางภูมิปัญญา เมื่อชาวบ้านผู้ใช้น้ำจากระบบเหมืองฝายคัดค้าน รัฐก็มีโครงการจะสร้างประตูระบายน้ำให้ เพื่อยืนยันการทุบเหมืองฝาย และผู้ใช้น้ำในระบบเหมืองฝายก็ไม่มั่นใจต่อระบบใหม่ที่ใช้ประตูระบายน้ำซึ่งเขาไม่มีอำนาจในการจัดการอีกต่อไป
เป็นการแย่งชิงทรัพยากรกันอย่างสนุกสนาน
วันนี้เชียงใหม่ อยู่ในสภาพที่หยุดใช้งานชั่วคราว แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ ในเมือง กลางเมืองเชียงใหม่ ย่านฟ้าฮ่าม และวัดเกตุ แหล่งชุมชนวัฒนธรรมเก่าแก่ กำลังถูกประกาศเป็นพื้นที่สีแดง ซึ่งหมายถึงขยายเป็นย่านธุรกิจบันเทิงได้
ในสภาพที่เป็นอยู่อย่างนี้ คนเมืองเชียงใหม่ ไม่สามารถจะรับมือได้แล้ว การมุ่งให้คนเชียงใหม่ดูแลเมืองเชียงใหม่น่าจะไม่เพียงพอแล้ว นอกจากคนเชียงใหม่จะหยุดเป็นพลังเงียบที่เจ็บปวด ลุกขึ้นมาปกป้องเรียกร้องสิทธิ์ในเจ้าของบ้านแล้ว ก็ควรจะบอกกล่าวไปยังประชาชนทั่วประเทศด้วย เพราะเชียงใหม่ไม่ได้เป็นของคนในเมืองเชียงใหม่เท่านั้น
บาย บาย เอาล่ะ จอดป้ายเชียงใหม่แล้วจะไปต่อ ไปเหยียบที่อื่นให้ราบคาบต่อ
ป้ายต่อไปจอดที่ไหนคะ
**ภาพประกอบจาก gob-jung.spaces.live.com