Skip to main content


 

เธอได้ยินไหม  คนบ้านฉันเขาตัดไม้กันอยู่ เสียงดังกรูด ๆ ๆ แล้วไม่นานก็ได้ยินเสียงไม่ล้ม ฉันฟังจนแยกออกแล้วว่า เสียงที่ล้มลงมาต้นเล็กต้นใหญ่ขนาดไหน

ฉันบอกเพื่อนไปเช่นนั้น ด้วยเราพูดกันอย่างไม่เห็นหน้าจึงไม่รู้ว่า เพื่อนทำหน้าตาอย่างไร เธอคงคาดไม่ถึงว่าได้ยินเสียงตอบเช่นนี้ เธอคงผิดหวังมากทีเดียว

เพื่อนโทร.มาบอกให้ฉันช่วยเขียนเรื่องการปลูกต้นไม้ เป็นโครงการหนึ่งของมูลนิธิที่เธอทำงานอยู่ ชื่อว่า โครงการป่าเมือง หรือการปลูกต้นไม้ในเมืองนั่นเอง

ฉันเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนหน้านี้แล้ว จากพ่อหลวง จอนิ โอโดเชา ชาวปกาเกอญอ

จำไม่ได้ว่าเมื่อไหร่  ฉันมักจะมีปัญหาเรื่องจำสถานที่ไม่ได้ จำตัวเลขไม่ได้  ดังนั้นฉันจึงหลีกเลี่ยงการขึ้นศาลหรือมีเรื่องมีราวกับใคร แต่ฉันจำเรื่องราวได้ชนิดที่ถอดคำมาเลยแหละ  ฉันจึงใช้ความจำจากเหตุการณ์ เช่นว่าวันที่ฝนตกหนัก และรถติดหล่ม เรากลับกันมาด้วยความยากลำบาก และก็จะนึกออกว่า ใช่แล้ววันที่นักเขียนขึ้นดอยไปดูป่าชุมชน หรือไม่ก็เหตุการณ์นั่นไง  วันที่เราหลงทางแล้วฉันหิวมากจนต้องกินละมุดลูกเล็ก ๆ และพบว่าอร่อยที่สุด นั่นคือวันที่ไปตามหาแก้วโป่งขามที่เถินลำปาง

เรื่องป่าในเมืองที่พ่อหลวงจอนิพูดนั้น ฉันจำได้ว่าพ่อหลวงจอนิ พูดในขณะที่เราเดินอยู่ในป่าที่บ้านของแก ไปกันหลายคนไปล่องแพด้วย และไปขี่ช้างกับเพื่อน ๆ ด้วย ฉันไม่ได้ขี่เพราะฉันไม่รู้ว่าจะขี่ช้างไปทำไม ในเมื่อตักแตนก็หายากยิ่ง

จึงตัดสินใจเดินทางไปบ้านพ่อหลวงจอนิทันที วันนั้นเราไปพบน้องชายคนหนึ่ง เขาเดินทางมาบ้านพ่อหลวงจอนิเพราะอ่านสารคดีป่าเจ็ดชั้น ปัญญาปราชญ์ จากคำบอกเล่าของพ่อหลวงจอนิ โอโดเชา ที่รวบรวม โดยกรรณิการ์ พรมเสาร์ เบญจา ศิลารักษ์ จึงเดินตามหนังสือมา ยามเช้าพ่อหลวงพาเราเดินไปตามป่า เล่าเรื่องราวมากมาย และคำหนึ่งที่ฉันจำได้อยู่ในหัวใจก็คือ ท่านพูดว่า เมื่อพูดถึงป่าทำไมจะต้องมีที่ดอยเท่านั้น ที่อื่นก็มีป่าได้ ในเมืองก็สร้างป่าได้  ในกรุงเทพฯก็มีป่าได้

ป๊าบ...ฉันรู้สึกว่าเป็นความคิดที่ทันสมัยมาก ๆ

ในช่วงเวลาไม่ห่างกันนักเพื่อนจากกรุงเทพฯ โทร.มาปรับทุกข์เรื่องที่ดินที่ซื้อเอาไว้แถวสันกำแพง และใครก็ไม่รู้เอาไปปลูกกล้วย เขารู้สึกเหมือนถูกบุกรุก ฉันบอกเพื่อนไปว่า ดีแล้วเขาสร้างป่าในเมือง กล้วยนะดีแล้วคนปลูกก็ได้กิน  แล้วเพื่อนก็วางหูโทรศัพท์ไป

วันต่อมาฉันโทร.ไปหาเขาแบบเตรียมพร้อมมากขึ้น ฉันคิดว่าคนปลูกกล้วยน่าจะเป็นคนแถว ๆ นั้น จึงบอกเพื่อนไปว่า  การปลูกกล้วยดีมาก ๆ กับที่ดินของเรา ข้อที่หนึ่งทำให้ดินสมบูรณ์ ข้อที่สองชาวบ้านเขาจะดูแลที่ดินของเราไว้ ไม่ให้ใครเอาขยะมาทิ้ง ปลูกกล้วยมันดีกว่าเป็นที่ทิ้งขยะมากนัก  และลองไปถามเขาดูว่า เป็นกล้วยของใคร ขี้คร้านจะได้กล้วยไปกิน หรือถ้าเธอยังไม่สบายใจให้เขาทำสัญญาเช่าปีละ100 บาทก็ได้ เพื่อยืนยันว่าเป็นของเราแน่นอน

วันนี้อารมณ์ของฉันต่างออกไปจากวันก่อน ๆ เพราะที่บ้านที่ฉันอยู่ ใกล้ ๆ กับสวนร้าง ฉันพบคนมาตัดต้นไม้เสมอ และเป็นคนที่เรารู้จักกันด้วย ใกล้ ๆ บ้านน้องชายของสามีก็ยังตัดจนราบเรียบ ต้นไม้แค่ท่อนแขนหญิงสาว ตัดอย่างเมามันไม่ได้เอาไม้มาสร้างประโยชน์อะไรเลย ซึ่งแย่กว่าบางคนที่ตัดไปทำคอกไก่ ไปทำชานบ้านเสียอีก

วันแรกที่ย้ายเข้ามาเมื่อปีที่แล้ว รุ่งเช้าเห็นต้นฉำฉาอยู่ที่หน้าซอยเข้าบ้าน ต้นใหญ่ขนาดสามคนโอบ ตอนเย็นถูกตัดไปแล้ว ฉันนั่งรถครูจากโรงเรียนน้ำบ่อหลวงกลับมาหลังจากไปคุยกับเด็ก ๆ เรื่องการเขียนและการทำหนังสือเพื่อเสริมสร้างสุขภาพและสิ่งแวดล้อม  ครูที่ขับรถมาส่งฉัน พูดว่า เมื่อเช้ายังเห็น ๆ อยู่เลย ตอนเย็นไม่มีแล้ว ฉันได้แต่ทำเสียงอือ อือ

หลังจากนั้นฉันก็เห็นคนตัดต้นไม่ทุกวัน มีต้นไทรใหญ่อยู่ต้นหนึ่งมีผ้าแดง ผ้าเขียวคาดอยู่ ยังไม่มีใครตัด ฉันคิดว่านั่นน่าจะเป็นพวกนักอนุรักษ์แถว ๆ นี้ที่ซุกตัวอยู่ และอยากจะทำอะไรสักอย่าง เพื่อรักษาไม้ใหญ่  

ต้นไม้เป็นที่ต้องการของคน หน้าบ้านเรามีต้นมะกอกอยู่ต้นหนึ่ง มีคนอยากตัดต้นไม้หลายคนเดินมาแวะเวียนมาพร้อมกับบอกว่า มันจะล้มใส่บ้าน และบอกว่าจะตัดให้เอาไหม แล้วจะขอไม้ไป ฉันบอกว่า เอาซิตัดครึ่งเดียวนะให้มันแตกใหม่กะว่าถ้ามันล้มจริงก็ให้แค่ถึงชายคาบ้าน เขาบอกว่าไม่ได้ขอตัดทั้งต้นจะได้เอาไม้ใช้ประโยชน์ ตัดครึ่งหนึ่งใช้ประโยชน์ไม่ได้  พูดไปพูดว่า เขาบอกว่า ถ้าคัดครึ่งหนึ่งขอค่าตัดห้าร้อย และหว่านล้อมต่อว่า มะกอกเอาไว้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ฉันตอบด้วยอารมณ์ว่า ให้ร่มเงา และได้ลูกมะกอกเยอะมาก มีคนมาเก็บกันตั้งแต่ก่อนสว่าง เพลินเพลินมาก ขายลูกละบาทนะ มะกอกต้นนี้มีลูกนับพัน ออกปีละสองครั้ง ใส่ส้มตำก็อร่อย ใส่น้ำพริกตาแดงยิ่งอร่อย ตรงแขนงใกล้ ๆ มียอดอ่อนกินกับลาภอีกคนเมืองนี้เขารู้ อ้ายเป็นคนที่ไหนเจ้า

หลานสาววัยสี่ขวบ เรียนอนุบาลสาม นั่งอยู่ใกล้ ๆ พูดขึ้นมาว่า ช่วยโลกร้อน ช่วยโลกร้อน

เกือบทุกวันจะมีคนมาซื้อไม้  เรามีมะขามเปรี้ยวอยู่นับสิบต้น ตามแนวรั้ว แต่ที่ใหญ่สุดคือต้นกลางบ้าน พ่อซึ่งจากไปเมื่อปีที่แล้ว ในวัย 78 ปี เล่าให้ฉันฟังว่า เมื่อจำความได้ต้นมะขามต้นนี้ก็อยู่แล้ว  ฉันจึงคิดว่า มันต้องมีอายุไม่ตำกว่า100 ปี เพราะพ่อบอกว่า ตอนที่แกจำความได้มันก็โตแล้ว

ฉันยังคิดเล่น ๆ ว่า ใครจะตายไปสักกี่คนมะขามเฒ่าก็ยังอยู่  ใครอยู่ฉันก็ให้ร่มเงา ใบอ่อนเก็บไปกิน ออกฝักเก็บไปขาย ไม้กิ่งมากมายของฉัน ตัดเสียบ้าง เอาไปตากแห้งแล้วทำฟืนหุงข้าวต้มแกง   
 
แล้ววันหนึ่งมะขามเฒ่าก็ถูกทาบทามซื้อ ในราคาหนึ่งพันบาท ฉันมักจะปากไวมากกับคนจะตัดต้นไม้ จึงโผล่งอออกไปว่า นี่มันโคตรมะขามนะคุณจะกล้าตัดเหรอ เจ้าแห่งมะขามเลยนะนี่

เอาละเพื่อน ....เสียงครืน ๆ มันหยุดไปแล้ว มีต้นไม้ล้มไปประมาณสามต้น ...อ้าวยังไม่หยุดเสียงเลื้อยต่ออีกแล้ว น้องคนหนึ่งเดินเข้ามาในบ้าน ฉันถามว่า เขาตัดต้นไม้ตรงไหน เขาบอกว่า เป็นต้นไม้ของเขาเองที่หน้าบ้าน

เพื่อนเอ๋ย...เธอจะเอาแรงที่ไหนมาปลูกต้นไม้ กล้าไม้ที่เธอเอามาได้แค่คืบ เมล็ดพันธ์เม็ดเล็ก ๆ ที่เอาไปหว่าน ฉันไปร่วมโครงการปลูกต้นไม้มาตั้งแต่ชั้นมัธยม ฉันเขียนถึงการปลูกต้นไม้มาสามสิบปี  ฉันใช้พลังงานในการเขียนไปเท่าไหร่ ใช้ไฟไปเท่าไหร่ ใช้น้ำไปเท่าไหร่

ฉันจึงเลิกที่จะตื่นเต้นแล้วเพื่อน เธอดูจำนวนไม้ที่ถูกตัดในการสร้างเขื่อนกิ๋วคอหมาที่ฉันเอามาลงในฉบับก่อนแล้วใช่ไหม
ฉันอยู่ในหมู่บ้านพูดเรื่องการตัดต้นไม้บ่อย ๆ จนฉันถูกเบื่อหน่ายไร้คนรักแล้ว

เพื่อนรัก  เธออย่าพูดประโยคนั้นเลย ฉันฟังจนเบื่อแล้ว ประโยคที่เธอบอกว่า “เราจะมีชีวิตอยู่เฉย ๆ หายใจไปวัน ๆ ให้ใครมารักอย่างนั้นหรือ”
เออ...ใช่ แต่ถ้าเธอจะปลูกต้นไม้ต่อไปก็ปลูกเถอะ โครงการป่าเมืองที่สร้างจิตสำนึกที่ว่า ใครมีที่ดินก็สร้างป่าได้

อะไรนะ เธอจะปลูกครั้งที่หนึ่ง บนที่ดินของอาจารย์เทพศิริ สุขโสภา อยู่หลังโรงแรมเชียงใหม่ภูคำ ทำในนามของ มูลนิธิไทยรักษ์ป่า กับชมรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ งานมีในวันที่ 2 มิถุนายน 2551 บ่ายโมง เป็นต้นไป

ในงาน พูดคุยกันถึงเรื่องต่าง ๆ มีเจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ เล่าเรื่องเก่าของต้นไม้เมือง หมอหม่อง อาจารย์หมอนักอนุรักษ์  นพ. รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์  คุยเรื่องนิเวศวิทยาป่าเมือง และร้อยเอกหญิง ดร. เดือนเต็มดวง  ณ เชียงใหม่ นายกเทศมนรีพูดเรื่อง พื้นที่สีเขียวกับการพัฒนาเมืองเชียงใหม่ในความรับผิดชอบ

ขอให้โชคดีนะเพื่อน ฉันจะเอาใจช่วย  

ปล. เพื่อนเอ๋ย เขาตัดไม้เป็นท่อน ๆ ใส่รถนิสสันสีขาว แล้วมากลับรถในบ้านฉันด้วย ไม้แต่ละท่อนขนาดเท่าเอวหญิงอ้วนคือสามสิบห้านิ้ว

บล็อกของ แพร จารุ

แพร จารุ
มีคำกล่าวว่า "อาหารอายุสั้น คนกินอายุยืน อาหารอายุยืน คนกินอายุสั้น" แรกที่ฟังก็รู้สึกรำคาญคนพูดนิด ๆ เพราะเรากำลังกินอาหารอายุยืนแต่เราไม่อยากอายุสั้น สงสัยใช่ไหมคะว่าอาหารแบบไหนที่อายุยืน อาหารที่ปรุงแต่งมาเรียบร้อยแล้ว แช่ตู้ไว้ได้นานๆ นั่นคืออาหารอายุยืน กินกันได้นานๆ แช่ไว้ในตู้เย็น อาหารพวกนี้คนกินอายุสั้น แต่อาหารอายุสั้นก็พวกเห็ด ผักบุ้ง พวกเหล่านี้เป็นอาหารอายุสั้นอยู่ได้ไม่นาน แต่คนกินอายุยืน แต่เดี๋ยวนี้มีมะเขือเทศอายุยืนด้วยนะคะ เป็นพวกตัดต่อพันธุกรรมแบบให้ผิวแข็งไม่บอบช้ำในระหว่างขนส่ง
แพร จารุ
  1   เป็นนักเขียนมีความสุขไหม   วันหนึ่งฉันต้องตอบคำถามนี้ “เป็นนักเขียนมีความสุขไหม” ผู้ที่ถามคำถามนี้เป็นเด็กนักเรียนตัวเล็กๆ ชั้นประถมปีที่ 5 ฉันรู้สึกดีใจที่มีเด็กถามเรื่องความสุขมากกว่าเรื่องรายได้
แพร จารุ
ฉันห่างกรุงเทพฯ มานานจริงๆ นานจนไปไหนไม่ถูก ก่อนฟ้าสางรถทัวร์จอดตรงหัวมุมถนน ฉันเดินตรงเข้าไปทางถนนข้าวสารตามพื้นถนนแฉะ หาที่นั่งรอหลานมารับแต่ก็หาไม่ได้ พื้นแฉะ ๆ ผู้คนกำลังล้างพื้นกันอยู่ จึงตัดสินใจ เดินออกจากถนนข้าวสารมุ่งตรงไปทางกองฉลากกินแบ่งรัฐบาล มีคนจรนอนห่มผ้าเก่า ๆ อยู่มากมาย ตามทางเดิน  
แพร จารุ
มีเพื่อนอย่างน้อยสองคนตกหล่นไปจากชีวิต ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเราเขียนจดหมายคุยกันอยู่เสมอ ๆ ต่อมาฉันเลิกตอบจดหมายเพื่อนทั้งสองคน 
แพร จารุ
2 กันยายน 2552 นั่งกินมะขามหวานเพลิน ๆ มะขามก็เปรี้ยวขมขึ้นมาทันที เพื่อนโทรมาบอกว่า เธอไปที่โรงพยาบาลนครพิงค์ ได้ยินเสียงตามสายที่ รพ.ขอบริจาคเงินช่วยเหลือเด็กชาวเขาที่แม่มาคลอดตายที่โรงพยาบาล “แม่มาคลอดตายที่โรงพยาบาล แสดงว่าเธอตายระหว่างคลอด” เพื่อนตอบว่าใช่ “เด็กยังอยู่รอดปลอดภัย” “ใช่”    
แพร จารุ
"อะไรเอ่ยมันโผล่ขึ้นมาจากดิน" คำถามเล่น ๆ ของเด็ก ๆ สมัยก่อนเราจะตอบว่า ขอม เพราะเคยเรียนเรื่องพระร่วง  ตอนขอมดำดิน แต่ เดี๋ยวนี้ถ้าไปตอบว่า "ขอม" เด็กไม่เข้าใจ
แพร จารุ
1 วันก่อนไปท่ากาน (ท่ากานเป็นหมู่บ้านหนึ่ง ในอำเภอสันป่าตอง เชียงใหม่ ) พบเด็ก หญิงสองคน เอาก้านกล้วยมาแกว่งไปมากระโดดเล่นกัน ดูน่ารักดี เป็นการเล่นแบบหาของใกล้ตัวมาเล่นกัน
แพร จารุ
10 กันยายน 2552 น้องคนหนึ่งโทรศัพท์มาบอกว่า “มีเรื่องตลกเศร้ามาเล่าให้ฟัง” ฉันหัวเราะ ไม่อยากฟังเธอเล่าอะไรเลยเพราะกำลังเจ็บหูอย่างแรง กำลังจะไปหาหมอ แต่เธอรีบบอกก่อนว่า “พี่ยังไม่รู้ใช่ไหม ลุงหมื่นแกฝายพญาคำ กับพ่อหลวงสมบูรณ์ ผู้ช่วยแกฝาย เขาเซ็นยินยอมให้กรมชลประทานสร้างประตูระบายน้ำแล้ว”
แพร จารุ
   บก.สุชาติ สวัสดิ์ศรี เทียบเชิญฉันเขียนเรื่องสั้น ช่อการะเกด ฉบับเทียบเชิญนักเขียนเก่าที่เคยเขียนช่อการะเกด
แพร จารุ
เธอนิ่งเงียบหลังจากกินอาหารเสร็จ "เศร้าทำไม" ฉันถามเธอ "กำลังดูกระถางต้นไม้อยู่" เธอตอบไม่ตรงกับคำถาม ฉันมองไปที่กระถางต้นไม้ มีอะไรตายอยู่ในนั้นที่ทำให้เธอเศร้า หรือว่าเศร้าที่ต้องมากินอาหารใต้ที่เมืองเหนือทั้งที่เธอเพิ่งเดินทางมาจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
แพร จารุ
 ผู้ชายคนหนึ่ง เลี้ยงปลวกเพื่อเอาปลวกไปเลี้ยงปลาดุก เขาบอกว่า เขาเฝ้ามองปลวกตัวอ้วน ๆ ที่ค่อยเติบโตขึ้น และเอาปลวกไปให้ปลาดุกกิน เขาอธิบายตัวเองว่าเป็นวิถีแห่งสัตว์โลก วิธีการใช้ชีวิตให้อยู่รอดฉันแค่สะดุดใจตรงที่เลี้ยงดูเขาไว้ก่อนแล้วค่อยจัดการ ฉันคิดว่า ถ้ามันกินกันเองตามวิถีชีวิตไม่เป็นไรฉันคิดถึงถ้อยคำหนึ่ง จำไม่ได้แล้วว่า ใครพูด "เขารัก...เหมือนคนเลี้ยงหมูรักหมูที่เลี้ยงไว้" นั่นหมายถึงรักและดูแลอย่างดีเพื่อเอาไว้ฆ่าและขาย
แพร จารุ
1  ฉันเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับความตายครั้งแรกเมื่อพ่อตายจากไป ในวันที่แม่ พี่ ๆและ ญาติ ๆ ต่างช่วยกันจัดงานให้พ่อ ผู้หญิงเตรียมอาหาร ปอกหอมกระเทียม เด็ดก้านพริกขี้หนู หั่นตะไคร้ ผู้ชายเตรียมไม้ฟืนเพื่อทำอาหาร หุงข้าว ต้มแกง ต้องหุงข้าวด้วยกระทะใบใหญ่  ต้องทำอาหารจำนวนมากในเวลาหลายวัน เรามีญาติเยอะ มีเพื่อนบ้าน และคนรู้จักมากมาย เพราะเราไม่ได้มีพ่อที่ดีต่อลูกเท่านั้นแต่มีพ่อที่ดีต่อผู้อื่นด้วย