Skip to main content
20080613 01

 

“ไม่นานคนก็ตายกันหมดโลกแน่ ๆ”
หญิงสาววัยเพิ่งผ่านเลขสามพูดขึ้นก่อนล้มตัวลงนอน

“พี่เชื่อไหม ไม่นานผู้คนจะตายหมดโลก” เธอพูดอีกครั้ง
“อะไรทำให้เธอคิดเช่นนั้น”
ฉันถามออกไปด้วยความขลาดกลัว มานอนกลางป่ากลางเขาแล้วพูดถึง เรื่องความตาย  ไม่อยากจะฟังคำตอบจากเธอ รีบเตรียมถุงนอน พร้อมที่จะล้มตัวลงนอนใกล้ ๆ เธอ คืนนี้เราเลือกที่จะไม่นอนในบ้านสบาย ๆ แต่เลือกที่จะมานอนกันในป่าเปลี่ยนบรรยากาศ   

เธออธิบายต่อว่า เมื่อกลางวันได้ยินข่าวแผ่นดินไหวที่เชียงราย 3.5 ริกเตอร์  เมื่อแผ่นดินไหวที่เชียงรายได้ ก็ไหวที่เชียงใหม่ได้ หรือที่อื่น ๆ ได้ และมันคงจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

“อือ...ก็น่าจะจริง สมัยเมื่อพี่ยังเด็ก รู้แต่ว่าแผ่นไหวจะเกิดที่ญี่ปุ่น ครูยังบอกว่าเราเป็นประเทศที่โชคดีไม่มีแผ่นดินไหว สองวันก่อนได้รับภาพคนจำนวนมากมายนอนตายเกลื่อนที่พม่า พวกเขาประสบกับไซโคลนนาร์กิส มองเผิน ๆ เหมือนตุ๊กตาพองน้ำ ส่วนใหญ่จะคว่ำหน้า มันเหมือนไม่ใช่เรื่องจริง เป็นเรื่องเหนือจริง แต่ยิ่งเพ่งมองยิ่งรู้ว่าเป็นเรื่องจริง  มันเศร้าลึกและหดหู่ สงสารเพื่อนมนุษย์ พี่รู้สึกว่าภาพนั่นติดตายาวนาน จนถึงตอนนี้”

ว่าแล้วฉันก็ลุกขึ้นสวดมนต์ ผิด ๆ ถูก ๆ แบบคนที่ไม่เคยทำมาก่อน แต่คืนนี้รู้สึกอยากสวดมนต์เหลือเกิน ดูชีวิตว่างเปล่าและวังเวงในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก

แล้วยังแผ่นดินไหวที่ประเทศจีน ผู้คนมากมายล้มตาย และน้ำกำลังจะท่วม ต้องเปลี่ยนทิศทางไหลของน้ำ
เพื่อนคนหนึ่งไปติดอยู่ที่นั่น เล่าเสียงสั่นมาตามสายว่า ในขณะที่แผ่นดินไหว เธอรู้อย่างเดียวว่าต้องวิ่ง วิ่ง และวิ่ง แต่ไม่รู้ว่าจะวิ่งไปไหน และคิดว่า ไม่นานแผ่นดินจะแยกออกจากกัน  ตึกสูงจะถล่ม  ผู้คนลงมาจากตึกสูงมานอนข้างถนน  มนุษย์ช่างเล็กกระจ้อยและลีบติดดิน  ถึงที่สุดแล้วคนเราต้องการแค่ความปลอดภัยในชีวิต

20080613 02

คิดตามคำของเพื่อนแล้วก็เห็นจริง เราจะแข่งขันกันไปทำไม เราจะเอารัดเอาเปรียบเบียดเบียนกันไปทำไม  แต่มนุษย์ก็ยังเข่นฆ่าและทำลายกันทุกวัน ยังพยายามสาดโคลนใส่กันอยู่ ยังมีกลุ่มคนเสื้อแดง คนเสื้อขาว กลุ่มพันธมิตร

“ไม่นานคนจะตายกันหมด”
ฉันเริ่มเห็นจริงตามที่เธอบอก

“ผู้คนก็จะค่อย ๆ ตายไปจนหมด อาจจะมีสิ่งมีชีวิตอื่นที่พัฒนามาจากคน เดี๋ยวนี้ไม่ใช่ตายเป็นหมื่นนะ ตายครั้งหนึ่งเป็นแสน  แต่มันก็เกิดขึ้นเพราะคนทำกันเองนะ สองสามวันก่อนเห็นคนมาร้องเรียนผ่านรายการโทรทัศน์หนึ่ง ว่าสนามบินสร้างทับสายน้ำทั้งสายและพวกเขาก็ออกมายอมรับว่าจริง แต่ได้ไปพัฒนาไปเปิดสายน้ำใหม่  เรื่องแบบนี้พวกคนเท่านั้นที่ทำได้ พวกสัตว์อื่น ๆ ไม่ทำหรอก เปลี่ยนทิศทางน้ำเพียงเพื่อสร้างสนามบิน”

“งั้นก็สมควรแล้ว ถ้าคนจะตายกันหมดโลก แล้วพี่อยากจะทำอะไรบ้างไหมก่อนตาย”

อยู่ ๆ เธอก็ถามขึ้นอย่างน่าตกใจ แม้ว่าจะเป็นเรื่องสมมุติก็เถอะ เอาเข้าจริงแล้ว ก็ไม่พร้อมสำหรับที่จะคิดเรื่องนี้จริง ๆ

หลังจากหยุดคิดไปนิดหนึ่ง ฉันตอบน้องได้ว่า
“ไม่คิดจะทำอะไรเลย อยากจะอยู่นิ่ง ๆ สักระยะหนึ่ง หยุดอยู่นิ่ง ๆ”

เธอหัวเราะ ฉันจึงต้องอธิบายว่า การอยู่นิ่ง ๆ ไม่ทำอะไร ไม่คิดอะไร นั่นเป็นสิ่งที่ยากยิ่งจริง ๆ ยากกว่าอยู่แบบยุ่งวุ่นวาย เพราะเราถูกฝึกให้ชีวิตยุ่ง ๆ วุ่นวาย ถูกฝึกให้ทำ และคิดอยู่ตลอดเวลา เราคิดว่า การอยู่นิ่ง ๆ เป็นการไม่พัฒนา เราต้องคิดและทำเพื่อความก้าวหน้า เราสูญเสียชีวิตนิ่ง ๆ ชีวิตสงบไปหมดเลย

บางที่พี่ว่า ถ้าเราหยุดอยู่นิ่ง ๆ หยุดพัฒนาอะไรต่ออะไรน่าจะดีกว่านะ
“พี่ได้ทำอะไรต่ออะไรมาตั้งเยอะ แต่หนูไม่ได้ทำอะไรเลย จะให้อยู่นิ่ง ๆ ได้อย่างไร” เธอว่า

“การทำอะไรต่ออะไรของพี่ บางทีมันก็ไม่เข้าท่าอะไรเลย สู้อยู่เฉย ๆ บ้างน่าจะดีกว่า พี่กำลังคิดว่า เราควรช่วยโลกด้วยการอยู่เฉย ๆ อยู่นิ่ง ๆ บ้าง เธอเชื่อไหม ถ้าพวกคนอยู่นิ่ง ๆ ป่าก็จะฟื้นเองโดยไม่ต้องปลูก   ถนนเลิกสร้าง รถยนต์เลิกผลิต ควันพิษก็จะลดน้อยลง การเดินทางของเราโดยไม่จำเป็นการเพิ่มภาระโลกเหมือนกันนะ”
“ตกลงพี่จะหยุดอยู่นิ่ง ๆ เหรอ”

“ใช่ พี่จะเขียนเชิญชวนให้ผู้คนหยุดอยู่นิ่ง ๆ เพื่อช่วยโลก ก่อนเราจะสิ้นใจ และตายไปจากโลกนี้ พี่ว่าถึงเวลาแล้วที่มนุษย์จะหยุดพัฒนา”

ภาพประกอบจาก หนังสือไม่รักไม่บอก
              

บล็อกของ แพร จารุ

แพร จารุ
มีคำกล่าวว่า "อาหารอายุสั้น คนกินอายุยืน อาหารอายุยืน คนกินอายุสั้น" แรกที่ฟังก็รู้สึกรำคาญคนพูดนิด ๆ เพราะเรากำลังกินอาหารอายุยืนแต่เราไม่อยากอายุสั้น สงสัยใช่ไหมคะว่าอาหารแบบไหนที่อายุยืน อาหารที่ปรุงแต่งมาเรียบร้อยแล้ว แช่ตู้ไว้ได้นานๆ นั่นคืออาหารอายุยืน กินกันได้นานๆ แช่ไว้ในตู้เย็น อาหารพวกนี้คนกินอายุสั้น แต่อาหารอายุสั้นก็พวกเห็ด ผักบุ้ง พวกเหล่านี้เป็นอาหารอายุสั้นอยู่ได้ไม่นาน แต่คนกินอายุยืน แต่เดี๋ยวนี้มีมะเขือเทศอายุยืนด้วยนะคะ เป็นพวกตัดต่อพันธุกรรมแบบให้ผิวแข็งไม่บอบช้ำในระหว่างขนส่ง
แพร จารุ
  1   เป็นนักเขียนมีความสุขไหม   วันหนึ่งฉันต้องตอบคำถามนี้ “เป็นนักเขียนมีความสุขไหม” ผู้ที่ถามคำถามนี้เป็นเด็กนักเรียนตัวเล็กๆ ชั้นประถมปีที่ 5 ฉันรู้สึกดีใจที่มีเด็กถามเรื่องความสุขมากกว่าเรื่องรายได้
แพร จารุ
ฉันห่างกรุงเทพฯ มานานจริงๆ นานจนไปไหนไม่ถูก ก่อนฟ้าสางรถทัวร์จอดตรงหัวมุมถนน ฉันเดินตรงเข้าไปทางถนนข้าวสารตามพื้นถนนแฉะ หาที่นั่งรอหลานมารับแต่ก็หาไม่ได้ พื้นแฉะ ๆ ผู้คนกำลังล้างพื้นกันอยู่ จึงตัดสินใจ เดินออกจากถนนข้าวสารมุ่งตรงไปทางกองฉลากกินแบ่งรัฐบาล มีคนจรนอนห่มผ้าเก่า ๆ อยู่มากมาย ตามทางเดิน  
แพร จารุ
มีเพื่อนอย่างน้อยสองคนตกหล่นไปจากชีวิต ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเราเขียนจดหมายคุยกันอยู่เสมอ ๆ ต่อมาฉันเลิกตอบจดหมายเพื่อนทั้งสองคน 
แพร จารุ
2 กันยายน 2552 นั่งกินมะขามหวานเพลิน ๆ มะขามก็เปรี้ยวขมขึ้นมาทันที เพื่อนโทรมาบอกว่า เธอไปที่โรงพยาบาลนครพิงค์ ได้ยินเสียงตามสายที่ รพ.ขอบริจาคเงินช่วยเหลือเด็กชาวเขาที่แม่มาคลอดตายที่โรงพยาบาล “แม่มาคลอดตายที่โรงพยาบาล แสดงว่าเธอตายระหว่างคลอด” เพื่อนตอบว่าใช่ “เด็กยังอยู่รอดปลอดภัย” “ใช่”    
แพร จารุ
"อะไรเอ่ยมันโผล่ขึ้นมาจากดิน" คำถามเล่น ๆ ของเด็ก ๆ สมัยก่อนเราจะตอบว่า ขอม เพราะเคยเรียนเรื่องพระร่วง  ตอนขอมดำดิน แต่ เดี๋ยวนี้ถ้าไปตอบว่า "ขอม" เด็กไม่เข้าใจ
แพร จารุ
1 วันก่อนไปท่ากาน (ท่ากานเป็นหมู่บ้านหนึ่ง ในอำเภอสันป่าตอง เชียงใหม่ ) พบเด็ก หญิงสองคน เอาก้านกล้วยมาแกว่งไปมากระโดดเล่นกัน ดูน่ารักดี เป็นการเล่นแบบหาของใกล้ตัวมาเล่นกัน
แพร จารุ
10 กันยายน 2552 น้องคนหนึ่งโทรศัพท์มาบอกว่า “มีเรื่องตลกเศร้ามาเล่าให้ฟัง” ฉันหัวเราะ ไม่อยากฟังเธอเล่าอะไรเลยเพราะกำลังเจ็บหูอย่างแรง กำลังจะไปหาหมอ แต่เธอรีบบอกก่อนว่า “พี่ยังไม่รู้ใช่ไหม ลุงหมื่นแกฝายพญาคำ กับพ่อหลวงสมบูรณ์ ผู้ช่วยแกฝาย เขาเซ็นยินยอมให้กรมชลประทานสร้างประตูระบายน้ำแล้ว”
แพร จารุ
   บก.สุชาติ สวัสดิ์ศรี เทียบเชิญฉันเขียนเรื่องสั้น ช่อการะเกด ฉบับเทียบเชิญนักเขียนเก่าที่เคยเขียนช่อการะเกด
แพร จารุ
เธอนิ่งเงียบหลังจากกินอาหารเสร็จ "เศร้าทำไม" ฉันถามเธอ "กำลังดูกระถางต้นไม้อยู่" เธอตอบไม่ตรงกับคำถาม ฉันมองไปที่กระถางต้นไม้ มีอะไรตายอยู่ในนั้นที่ทำให้เธอเศร้า หรือว่าเศร้าที่ต้องมากินอาหารใต้ที่เมืองเหนือทั้งที่เธอเพิ่งเดินทางมาจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
แพร จารุ
 ผู้ชายคนหนึ่ง เลี้ยงปลวกเพื่อเอาปลวกไปเลี้ยงปลาดุก เขาบอกว่า เขาเฝ้ามองปลวกตัวอ้วน ๆ ที่ค่อยเติบโตขึ้น และเอาปลวกไปให้ปลาดุกกิน เขาอธิบายตัวเองว่าเป็นวิถีแห่งสัตว์โลก วิธีการใช้ชีวิตให้อยู่รอดฉันแค่สะดุดใจตรงที่เลี้ยงดูเขาไว้ก่อนแล้วค่อยจัดการ ฉันคิดว่า ถ้ามันกินกันเองตามวิถีชีวิตไม่เป็นไรฉันคิดถึงถ้อยคำหนึ่ง จำไม่ได้แล้วว่า ใครพูด "เขารัก...เหมือนคนเลี้ยงหมูรักหมูที่เลี้ยงไว้" นั่นหมายถึงรักและดูแลอย่างดีเพื่อเอาไว้ฆ่าและขาย
แพร จารุ
1  ฉันเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับความตายครั้งแรกเมื่อพ่อตายจากไป ในวันที่แม่ พี่ ๆและ ญาติ ๆ ต่างช่วยกันจัดงานให้พ่อ ผู้หญิงเตรียมอาหาร ปอกหอมกระเทียม เด็ดก้านพริกขี้หนู หั่นตะไคร้ ผู้ชายเตรียมไม้ฟืนเพื่อทำอาหาร หุงข้าว ต้มแกง ต้องหุงข้าวด้วยกระทะใบใหญ่  ต้องทำอาหารจำนวนมากในเวลาหลายวัน เรามีญาติเยอะ มีเพื่อนบ้าน และคนรู้จักมากมาย เพราะเราไม่ได้มีพ่อที่ดีต่อลูกเท่านั้นแต่มีพ่อที่ดีต่อผู้อื่นด้วย