“ไม่นานคนก็ตายกันหมดโลกแน่ ๆ”
หญิงสาววัยเพิ่งผ่านเลขสามพูดขึ้นก่อนล้มตัวลงนอน
“พี่เชื่อไหม ไม่นานผู้คนจะตายหมดโลก” เธอพูดอีกครั้ง
“อะไรทำให้เธอคิดเช่นนั้น”
ฉันถามออกไปด้วยความขลาดกลัว มานอนกลางป่ากลางเขาแล้วพูดถึง เรื่องความตาย ไม่อยากจะฟังคำตอบจากเธอ รีบเตรียมถุงนอน พร้อมที่จะล้มตัวลงนอนใกล้ ๆ เธอ คืนนี้เราเลือกที่จะไม่นอนในบ้านสบาย ๆ แต่เลือกที่จะมานอนกันในป่าเปลี่ยนบรรยากาศ
เธออธิบายต่อว่า เมื่อกลางวันได้ยินข่าวแผ่นดินไหวที่เชียงราย 3.5 ริกเตอร์ เมื่อแผ่นดินไหวที่เชียงรายได้ ก็ไหวที่เชียงใหม่ได้ หรือที่อื่น ๆ ได้ และมันคงจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
“อือ...ก็น่าจะจริง สมัยเมื่อพี่ยังเด็ก รู้แต่ว่าแผ่นไหวจะเกิดที่ญี่ปุ่น ครูยังบอกว่าเราเป็นประเทศที่โชคดีไม่มีแผ่นดินไหว สองวันก่อนได้รับภาพคนจำนวนมากมายนอนตายเกลื่อนที่พม่า พวกเขาประสบกับไซโคลนนาร์กิส มองเผิน ๆ เหมือนตุ๊กตาพองน้ำ ส่วนใหญ่จะคว่ำหน้า มันเหมือนไม่ใช่เรื่องจริง เป็นเรื่องเหนือจริง แต่ยิ่งเพ่งมองยิ่งรู้ว่าเป็นเรื่องจริง มันเศร้าลึกและหดหู่ สงสารเพื่อนมนุษย์ พี่รู้สึกว่าภาพนั่นติดตายาวนาน จนถึงตอนนี้”
ว่าแล้วฉันก็ลุกขึ้นสวดมนต์ ผิด ๆ ถูก ๆ แบบคนที่ไม่เคยทำมาก่อน แต่คืนนี้รู้สึกอยากสวดมนต์เหลือเกิน ดูชีวิตว่างเปล่าและวังเวงในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก
แล้วยังแผ่นดินไหวที่ประเทศจีน ผู้คนมากมายล้มตาย และน้ำกำลังจะท่วม ต้องเปลี่ยนทิศทางไหลของน้ำ
เพื่อนคนหนึ่งไปติดอยู่ที่นั่น เล่าเสียงสั่นมาตามสายว่า ในขณะที่แผ่นดินไหว เธอรู้อย่างเดียวว่าต้องวิ่ง วิ่ง และวิ่ง แต่ไม่รู้ว่าจะวิ่งไปไหน และคิดว่า ไม่นานแผ่นดินจะแยกออกจากกัน ตึกสูงจะถล่ม ผู้คนลงมาจากตึกสูงมานอนข้างถนน มนุษย์ช่างเล็กกระจ้อยและลีบติดดิน ถึงที่สุดแล้วคนเราต้องการแค่ความปลอดภัยในชีวิต
คิดตามคำของเพื่อนแล้วก็เห็นจริง เราจะแข่งขันกันไปทำไม เราจะเอารัดเอาเปรียบเบียดเบียนกันไปทำไม แต่มนุษย์ก็ยังเข่นฆ่าและทำลายกันทุกวัน ยังพยายามสาดโคลนใส่กันอยู่ ยังมีกลุ่มคนเสื้อแดง คนเสื้อขาว กลุ่มพันธมิตร
“ไม่นานคนจะตายกันหมด”
ฉันเริ่มเห็นจริงตามที่เธอบอก
“ผู้คนก็จะค่อย ๆ ตายไปจนหมด อาจจะมีสิ่งมีชีวิตอื่นที่พัฒนามาจากคน เดี๋ยวนี้ไม่ใช่ตายเป็นหมื่นนะ ตายครั้งหนึ่งเป็นแสน แต่มันก็เกิดขึ้นเพราะคนทำกันเองนะ สองสามวันก่อนเห็นคนมาร้องเรียนผ่านรายการโทรทัศน์หนึ่ง ว่าสนามบินสร้างทับสายน้ำทั้งสายและพวกเขาก็ออกมายอมรับว่าจริง แต่ได้ไปพัฒนาไปเปิดสายน้ำใหม่ เรื่องแบบนี้พวกคนเท่านั้นที่ทำได้ พวกสัตว์อื่น ๆ ไม่ทำหรอก เปลี่ยนทิศทางน้ำเพียงเพื่อสร้างสนามบิน”
“งั้นก็สมควรแล้ว ถ้าคนจะตายกันหมดโลก แล้วพี่อยากจะทำอะไรบ้างไหมก่อนตาย”
อยู่ ๆ เธอก็ถามขึ้นอย่างน่าตกใจ แม้ว่าจะเป็นเรื่องสมมุติก็เถอะ เอาเข้าจริงแล้ว ก็ไม่พร้อมสำหรับที่จะคิดเรื่องนี้จริง ๆ
หลังจากหยุดคิดไปนิดหนึ่ง ฉันตอบน้องได้ว่า
“ไม่คิดจะทำอะไรเลย อยากจะอยู่นิ่ง ๆ สักระยะหนึ่ง หยุดอยู่นิ่ง ๆ”
เธอหัวเราะ ฉันจึงต้องอธิบายว่า การอยู่นิ่ง ๆ ไม่ทำอะไร ไม่คิดอะไร นั่นเป็นสิ่งที่ยากยิ่งจริง ๆ ยากกว่าอยู่แบบยุ่งวุ่นวาย เพราะเราถูกฝึกให้ชีวิตยุ่ง ๆ วุ่นวาย ถูกฝึกให้ทำ และคิดอยู่ตลอดเวลา เราคิดว่า การอยู่นิ่ง ๆ เป็นการไม่พัฒนา เราต้องคิดและทำเพื่อความก้าวหน้า เราสูญเสียชีวิตนิ่ง ๆ ชีวิตสงบไปหมดเลย
บางที่พี่ว่า ถ้าเราหยุดอยู่นิ่ง ๆ หยุดพัฒนาอะไรต่ออะไรน่าจะดีกว่านะ
“พี่ได้ทำอะไรต่ออะไรมาตั้งเยอะ แต่หนูไม่ได้ทำอะไรเลย จะให้อยู่นิ่ง ๆ ได้อย่างไร” เธอว่า
“การทำอะไรต่ออะไรของพี่ บางทีมันก็ไม่เข้าท่าอะไรเลย สู้อยู่เฉย ๆ บ้างน่าจะดีกว่า พี่กำลังคิดว่า เราควรช่วยโลกด้วยการอยู่เฉย ๆ อยู่นิ่ง ๆ บ้าง เธอเชื่อไหม ถ้าพวกคนอยู่นิ่ง ๆ ป่าก็จะฟื้นเองโดยไม่ต้องปลูก ถนนเลิกสร้าง รถยนต์เลิกผลิต ควันพิษก็จะลดน้อยลง การเดินทางของเราโดยไม่จำเป็นการเพิ่มภาระโลกเหมือนกันนะ”
“ตกลงพี่จะหยุดอยู่นิ่ง ๆ เหรอ”
“ใช่ พี่จะเขียนเชิญชวนให้ผู้คนหยุดอยู่นิ่ง ๆ เพื่อช่วยโลก ก่อนเราจะสิ้นใจ และตายไปจากโลกนี้ พี่ว่าถึงเวลาแล้วที่มนุษย์จะหยุดพัฒนา”
ภาพประกอบจาก หนังสือไม่รักไม่บอก