Skip to main content

ตลาดแห่งนั้นเงียบ เป็นระเบียบและเย็นฉ่ำ ไม่มีคนขายนั่งประจำอยู่หลังกองสินค้า มีเพียงพนักงานเก็บเงินคนหนึ่งนั่งอยู่ใกล้ประตูทางออก เสียงดนตรีบรรเลงเบาๆ กล่อมเกลาบรรยากาศ ข้าวของมากมายเรียงรายอยู่บนชั้นสูง ยืนเข้าแถวราวกับทหาร ระหว่างชั้นแต่ละชั้นเกิดช่องลึกยาว พอเหมาะพอเจาะสำหรับเด็กๆ เล่นซ่อนหา...


เรามาจากโลกข้างนอก ออกมาจากพาหนะคู่ชีพบุโรทั่งที่คอยรับใช้มาอย่างซื่อสัตย์ จึงไม่กล้าบ่นที่แอร์ไม่เย็น และฝนสาดเปียกปลายผมเพราะกระจกหน้าต่างไม่อาจปิดสนิท
(... ขอบคุณนะที่พาไปทุกที่ ไม่รู้เจ้าจะน้อยใจหรือเปล่าที่บางครั้งฉันก็แอบฝันถึงรถคันใหม่อยู่เหมือนกัน)


พี่กวีบอกว่า แวะกาดฝรั่งหน่อยนะ มีของอร่อยบางอย่างซึ่งซื้อหาได้เฉพาะที่นี่ แม่บ้านอย่างฉันเริ่มคิดสะระตะในใจ เราจะฉกฉวยโอกาสซื้อหาอะไรได้บ้างหนอ อะไรที่ตีนดอยไม่มี และเมืองน้อยๆ อย่างเชียงดาวไม่ขาย ขบวนเราเดินสวนทางกับครอบครัวชาวต่างชาติหน้าประตู ฉันหยุดดูบอร์ด อ่านประกาศขายบ้าน คอนโดฯ แลกเปลี่ยน
-ผสมพันธุ์สุนัขฯลฯ การแลกเปลี่ยนข่าวสารของชุมชนฝรั่งแห่งเมือง ก่อนประตูกลวิเศษจะเปิดรับเมื่อเราเดินไปใกล้ๆ

เพื่อนของเราตรงลิ่วไปยังที่หมาย สุภาพบุรุษนักอ่านแวะมุมหนังสือ ส่วนฉันถูกสะกดด้วยชั้นสูงเรียงราย อาหารหรือว่าขนมดี เด็กๆ รออยู่ที่บ้าน น่าจะมีอะไรติดไม้ติดมือไปฝาก เส้นสปาเก็ตตี ลิงกวินี่ พาสต้า ซอสชนิดต่างๆ เครื่องเทศ เครื่องปรุงรส ข้าวโพดอบแผ่น ซุปกระป๋อง ทุกอย่างดูสะอาดสะอ้านอยู่ในกล่องสีสวย ขวดสีใส ติดฉลากเก๋ไก๋ ที่ฉันสนใจคือแยมผลไม้พวกเบอรี่ชนิดต่างๆ

ฉันจับวางๆ เปรียบเทียบราคาตามแบบฉบับแม่บ้านผู้รอบคอบ ลิ้นนี้ จมูกนี้เคยเป็นสุขกับกลิ่นหอมของแยมมิกซ์เบอรี่ที่ทาบางๆ บนแผ่นขนมปัง ราคาของมันดูสมเหตุสมผลกับรายได้ในอดีต แต่วันนี้มูลค่าของภูเขา และการใช้ชีวิตในชนบททำให้ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเปลี่ยนไป แอบรำพึงอยู่ในใจ ลูกเอ๋ย กินแยมขวดยี่สิบสามสิบไปก่อนก็แล้วกัน
!


ฉันตามพรรคพวกไปยังตู้แช่ ชื่นชมเครื่องดื่มสวยงามในขวดหลายรูปทรง สีมันช่างสะสวย น่าลิ้มลองเป็นอย่างยิ่ง หยุดยืนดูเนยแข็งชนิดต่างๆ ก่อนเลื่อนตู้แช่แข็ง ก้มดูเนื้อก้อนๆ ตัดหั่นทรงสี่เหลี่ยมประณีต ดูเข้ากันดีจริงๆ กับเครื่องเทศในบรรจุภัณฑ์ล่อตาบนชั้น ซอส นมสด วิปครีม หรือชีส เหลือบมองชั้นเครื่องดื่มไอเย็นพวยพุ่งกับไวน์บนโต๊ะ รับประทานคู่กันจะเลิศรสปานใด จะนุ่มลิ้นเพียงใดหนอ แซลมอนกับซอสขาว เนื้อแกะ หรือเนื้อลูกวัวอบราดน้ำเกรวี่ข้นๆ หรือว่าเนื้อโกเบที่มีมันแทรกเป็นริ้วๆ โดนความร้อนนิดเดียวก็ล้ำเลิศ โดยไม่ต้องอาศัยเครื่องจิ้ม

แล้วเราก็ไม่ได้ซื้อหาอะไร นอกจากน้ำผลไม้กล่องหนึ่ง พี่ชายกวีได้ของต้องประสงค์ แซลมอนแล่บางที่หมายใจจะนำไปอบบ้านเพื่อน


กาดนี้ ความเงียบยามบ่ายร้างผู้คนทำให้รู้สึกผ่อนพัก ความเย็นทำให้ฉันรู้สึกสบายใจ เสียงเพลงเบาๆ กับรอยยิ้มของพนักงานดูจริงใจ ไม่มีสายตากราดหัวจรดเท้า หรือระวังระไวไล่ตามหลัง หากเป็นวาระที่มุ่งหมายจะมาจับจ่าย พร้อมด้วยเงินและความตั้งใจในกระเป๋าก็คงไม่เลว


กินพาสต้าหน้าผักโขม หรือเฟตตูชินีทะเลก็อร่อยดีเหมือนกันนะ เช่นเดียวกับแกงหน่อไม้ แต่อย่างหลังเราอาจตื่นเต้นภาคภูมิใจกว่า ด้วยเป็นหน่อรวกสดใหม่ริมรั้วที่เราขุดเองกับมือ เหล้าองุ่นในบางทีก็อร่อยโดยไม่ต้องปรุงจิตว่าเลอเลิศ ทว่า บางคราว เหล้าต้มหมักกับลูกบ๊วยสักครึ่งปีก็กลมกล่อมยิ่งกว่าสุราชั้นดี


คนข้างตัวชอบบอกลูกว่า กินให้ตรงตามวัฒนธรรม ขณะฝึกเด็กๆ ใช้ตะเกียบกินข้าวต้มพุ้ย หรือใช้มีดกับส้อมรับประทานหมูอบ ส่วนฉันคิดว่า วัฒนธรรมผักปลาอาหารสัมพันธ์กับดินฟ้า และตลาดก็สัมพันธ์กับวิถีชีวิต โดยมิพักต้องกล่าวถึงรายได้ เพื่อนสาวชาวอเมริกันหัวใจไทยที่ไปด้วยกันหยิบๆ จับๆ แยมบลูเบอรี่กระปุกใหญ่เช่นเดียวกับฉัน เราทั้งคู่มองหน้ากันและหัวเราะเพราะไม่มีใครซื้อ สำหรับฉันราคาของมันไม่สมดุลกับชีวิต นั่นเท่ากับเงินไปโรงเรียนของลูกสัปดาห์หนึ่ง

ส่วนเธอ เหตุผลที่บอกขณะก้าวจากมาคือ เธอไม่สามารถซื้อของดาษดื่นจากบ้านตัวเองในราคาที่ยกระดับเหมือนของวิเศษได้ เธอคิดถึงลูกแบล็กเบอรี่หรือแบล็กเคอแรนต์ที่เก็บได้ตามพุ่มไม้ชายป่า คิดถึงแยมหอมๆ อมเปรี้ยวอมหวานที่แม่ทำ ครั้งยังเป็นเด็กหญิงปากเปื้อนเปรอะสีม่วงน้ำเงินขณะเก็บกินลูกไม้


ฉัันคงไม่มีทางซื้อเห็ดโคนแพงหูฉี่มาทำต้มยำแน่หากอยู่เมืองฝรั่ง แม้จะเคยซื้อมะม่วงสุกราคาหลายสิบเหรียญด้วยความอยากจับจิตที่อีกทวีปหนึ่ง วัฒนธรรมใดล้วนเป็นของดีน่าเคารพ ขอแต่อย่าเปรียบเทียบให้หรูเลิศ ต่างขั้นต่างชั้นกันด้วยมูลค่าราคา หรือว่ารสนิยมอันหรูหราเลิศวิไล หนังสือเล่มหนึ่งบอกว่า
.. พลังชีวิตในพืชผักผลไม้สดนั้นคือโอสถ เป็นทิพย์ การรักษาความสดของอาหารด้วยความเย็นทำได้เพียงแค่รักษาซากศพ ตัวชีวิตนั้นเหือดหายไปหมดสิ้นแล้ว


กลับบ้าน มาเป็นลูกค้ากาดก้อม
-กาดนัดเชียงดาว แม้มีร้อนมีเหนื่อยบ้าง หรือถูกเสียงเพลงกระหึ่มจากร้านขายซีดีกระแทกรูหู กินแกงผักกาดใส่จิ้นควาย แต่ไม่ได้รังเกียจบลูเบอรี่ชีสพาย ระหว่างหลบไอร้อนยามบ่ายกับมิตรสหายในเมืองหรอกนะ ...


บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
“ตื่นมาทุกเช้า อย่าลืมทำดีให้ตัวเอง”  ประโยคนี้นึกขึ้นเมื่อสาย  ยังดีเป็นสายที่มีแดดส่อง  ไม่ใช่สายเกินไป  สายเกินการณ์......“เขียนหนังสือ”  เขียนทุกวันไม่ใช่เรื่องยาก ไม่ใช่เรื่องง่าย  ไม่ยากเนื่องจากเรารู้ และคิดหัวข้อเรื่องไว้มากมาย  แต่ที่ไม่ง่ายคือ  แรงบันดาลใจสดใหม่ขณะเขียนสำหรับฉันแล้ว “แรงบันดาลใจ”  คือความรู้สึกล้นปรี่ที่ขับความปรารถนา  ความสุข และความกระหายภายในพรั่งพรูออกมาเป็นตัวอักษร  ความรู้สึกเช่นนั้นเป็นความรู้สึกของความสุขหรรษา และการสร้างสรรค์อันเบิกบาน  วันใดที่เริ่มต้นยามเช้าด้วยความขุ่นข้องหมองจิต …
รวิวาร
มีตาน้ำในตัวฉันไหม ผุดพุ่งเป็นตัวอักษร  สายน้ำน้อยๆที่ใสสะอาด ดื่มกินได้  ชะล้างร่างกายและจิตวิญญาณ  ลำธารที่ไม่มีวันหมดสิ้น  ซับน้ำริน ๆ ที่มองไม่เห็น  ซึ่งผุดขึ้นมาจากมหาสมุทรชีวิตใต้พื้นพิภพ ............
รวิวาร
เธอบอกให้ฉันเขียนถึงความรื่นรมย์  ฉันกล่าวตอบเธอในใจ“ความรื่นรมย์ที่ขมขื่นจะเอาไหม?”   ความจริง ฉันมีความรื่นรมย์ที่เผาไหม้ สนุกสนานสำราญใจที่ถูกแผดเผา  .........................................................................
รวิวาร
...ไม่กี่วันมานี้พบว่า การอาศัยอยู่ที่นี่เหมาะแก่การอ่าน วอลเดน* อย่างยิ่ง มีสิ่งร่วมในความคิดและประสบการณ์หลายอย่างบรรจุอยู่ในหนังสือเล่มที่เคยอ่านมาเนิ่นนาน ข้ามผ่านกาลเวลานับร้อย ๆ ปี ไม่น่าเชื่อเลยว่า บันทึกการใช้ชีวิตอย่างสมถะริมบึงชายป่าของธอโรจะหวนกลับมาสัมผัสใจ ทั้งที่ต่างยุคห่างสมัย......................................................... ฟ้าเย็นวานกว้างใหญ่ไพศาล แถบแสงจากดวงตะวันหลังเขาระบายเมฆเป็นขีดสีชมพูยาว ลูกสาวคนโตเมียงมองจากอ่างล้างจาน ร้องเรียกแม่ให้รีบมาดูก่อนเลือนหาย โลกเบื้องบนเปลี่ยนสีไปทีละน้อย ความมืดเติมส่วนผสมลงไป แปรเปลี่ยนสีสันของฟากฟ้า ค่อย ๆ เจือจาง…
รวิวาร
เรามาอยู่ที่นี่ใช่โดยน้ำพักน้ำแรงเราลำพัง  กว่าจะปลูกสร้างกระต๊อบได้ทั้งหลัง  อาศัยน้ำจิตน้ำใจและการหยิบยื่นไมตรีจากหลายชีวิตขอขอบคุณคุณแม่ของเราทั้งสองที่เลี้ยงดูเรามา ให้ได้รับการศึกษาอย่างดี  จากสถาบันที่มีเนื้อหา มีทรัพยากรและประวัติศาสตร์ซึ่งเอื้อโอกาสให้เราได้เป็นอย่างเช่นทุกวันนี้  ขอบคุณที่แม่ไม่เคยปล่อยให้เราอดอยาก   แม้จะมีช่วงเวลายากลำบาก  แต่ก็ได้เรียนรู้  ฝ่าฟัน  เข้าอกเข้าใจ (ลูกขอบคุณและซาบซึ้งใจอย่างที่สุดที่แม่เพียรพยายามแม้จะยากลำบากเพื่อที่จะเข้าใจวิถีของลูก  และปล่อยให้ลูกได้เลือกเส้นทางชีวิตของตนอย่างอิสระ)
รวิวาร
 บางครั้งหมอกก็ไหลมาตั้งแต่ดื่นดึก ห้อมล้อมบ้านของเราไว้เหมือนกองทัพสีขาวหนาวเย็น แล้วเมื่อแสงแรกจากเรือนจุดสว่างขึ้นยามสาง ลำแสงสีส้มก็ผ่าละอองหมอกออกเป็นทาง ธรรมชาติของหมอกนั้นอย่างไร บางคราว เราตื่นขึ้น แลเห็นรอบตัวได้ชัดเจนเป็นรูปเป็นร่าง เห็นชายฟ้าด้านตะวันออกหลังแนวไผ่คู่หน้าประตูเป็นสีชมพูอ่อนๆ แต่แล้วไม่นาน สายธารแห่งหมอกกลับไหลรินสู่หุบเขา ทั้งจากด้านดงดอย ยอดเขาสูง แม่น้ำ ที่ลุ่ม และถนนจากเมือง ดาหน้ามาจากทุกทิศทาง ปิดกั้นบ้านน้อยของเราไว้ บางทีความคิดของเราก็ทำทีอย่างหมอก มียามที่มองอะไรไม่เห็น นอกจากฝ้าละอองเปียกชื้นเยียบหนาว ยามเดินออกจากตัวบ้าน…
รวิวาร
 ที่มาภาพ : http://www.geocities.com/thaishow2004/image/khonhead01.jpg หากเราจะรู้จักกัน  ฉันขอรู้จักเธอในฐานะมนุษย์ได้ไหม?  ไม่ใช่อะไรที่แวดล้อมเธอ  ภาพลักษณ์ บทบาท  ตำแหน่ง สถานะ  ไม่ว่าเธอจะเป็นดารา นักร้อง นักเคลื่อนไหวเพื่อสังคม ครู ผู้มีอำนาจ  ผู้ทรงความรู้  ที่ฉันอยากรู้จักจริง  ๆ คือมนุษย์คนหนึ่ง  ก็เมื่อเราปอกเปลือกหุ้มออกจนหมดสิ้นแล้ว เธอ ฉัน เราทุกคนจะเหลือสิ่งใดเล่า  นอกจากความเป็นมนุษย์ เปล่าเปลือยล่อนจ้อน  เธอย่อมรู้สึกหิวเหมือนที่ฉันหิว ทุกข์สุขโศกเศร้าเหมือนที่ฉันรู้สึก  เธอมีความรักเหมือนเช่นที่ฉันรัก …
รวิวาร
เริ่มแรกที่เขียนทำให้ได้พบว่า ฉันไม่เคยสื่อสารในลักษณะนี้มาก่อน ฉันพูดกับตัวเองมาตลอด เขียนบันทึก ห้วงรำพึง  โดยไม่ได้คำนึงว่ากำลังพูดอยู่กับใคร ไม่เคยหวั่นว่าเนื้อหาจะลอย ข้ามไปข้ามมา อ่านไม่รู้เรื่อง เรื่องสั้นหรือบทกวีที่เคยเขียนล้วนแต่เป็นส่วนตัวอย่างยิ่ง  เหมือนเล่าออกไปในน่านฟ้าอากาศ  เป็นรูปแบบที่เมื่อเผยแพร่ออกไปแล้วมีผู้คนมากมายได้อ่าน แต่ก็เสมือนผู้อ่านนามธรรม จนกว่าเราจะรู้จักกันจริง ๆ ฉัน ซึ่งคิดว่าการเขียนเป็นเรื่องง่ายดายเมื่อรู้แน่ว่าจะกล่าวสิ่งใด จึงรู้สึกติดขัด ไม่ลื่นไหล     คิดถึง “ต้นไม้”  แต่ก็ไม่รู้แน่ว่าอย่างไร…
รวิวาร
...หัวใจของฉันพยายามบอกหลายสิ่งหลายอย่างเหลือเกิน ขณะที่ความคิดเวียนวนสอดแทรก เจ้าความคิดนั้นเหมือนเครื่องกำเนิดอะไรสักอย่าง มันมีหน้าที่ขับส่งบางสิ่งออกมาไม่มีขาดตอน บางสิ่งที่ไม่ต่อเนื่อง ขาดระเบียบ ไร้จุดจบ เว้นเสียแต่ว่าเราจะพยายามบีบเค้น หรือกำหนดทิศทางแก่มัน เช่น การใคร่ครวญเรื่องบางเรื่อง การคิดพล็อตเรื่อง หรือขบคิดปัญหาที่แก้ไม่ตก  ฉันกำลังรู้สึกว่า หัวใจถวิลหากระดาษสีนวลตา และปากกาหมึกซึมดี ๆ โต๊ะริมหน้าต่าง แสงแดดอ่อน ๆ ไม่ใช่ห้องหนาวเหน็บ ไฟโคมสีส้ม และแป้นคีย์บอร์ดอย่างนี้ แต่ก็เอาเถอะหัวใจเอ๋ย ค่อย ๆ ปลดปล่อยตัวเอง จนกว่าฉันจะพบคำเฉลยที่ดีสำหรับเจ้า…