"...เงินช่วยเหลือครอบครัวยังพอมีอีก 12 เดือน แต่อิสรภาพของพวกเขาต่างหากที่เป็นเป้าหมายสูงสุด อาจจะต้องรอกฎหมายนิรโทษกรรมผ่านสภา แต่ทว่า สิทธิการประกันตัวของพวกเขาต่างหากที่กระบวนยุติธรรมของประเทศนี้ไม่เคยคืนให้พวกเขา แม้รัฐธรรมนูญฉบับอุ้งตีนทหารจะระบุไว้ก็ตามที"
ธีร์ อันมัย รายงานความคืบหน้าการช่วยเหลือญาติผู้ต้องขังเสื้อแดงอุบลราชธานีประจำเดือนตุลาคม 56 ในขณะที่เพื่อนเราทั้ง 4 ยังคงเฝ้ารอวันแห่งอิสรภาพในห้องขังพิเศษหลักสี่ อย่างที่ยังไม่มีวันได้รู้ว่าวันใดจะได้รับสิทธิแห่งความยุติธรรมในประเทศทวยแห่งนี้
......................
10 ตุลาคม 2556
พวกเขามีเหตุจูงใจทางการเมือง
พวกเขาเป็นคนเสื้อแดง
บางส่วนเป็นเสื้อเหลืองมาก่อน
การใช้กองกำลังทหารพร้อมอาวุธราวสงครามแย่งชิงเขตแดนปราบปรามผู้ชุมนุมเสื้อแดงจนมีคนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมากเมื่อวันที่ 10 เมษายน - 19 พฤษภาคม 2011 นั่นล่ะ ที่เป็นเหตุจูงใจให้พวกเขาต้องออกมาชุมนุมที่หน้าศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี
จากนั้น สถานการณ์ก็นำพาคนที่มีเหตุจูงใจทางการเมืองไปปรากฏตัวในภาพถ่ายของเจ้าหน้าที่ทางการภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินที่เหมือนทุกอย่างเปิดทางให้มีการเผาศาลากลางจังหวัดอย่างง่ายดายไว้ล่วงหน้า (โดยไม่มีรถดับเพลิง ไม่มีการป้องกัน) ทั้งที่เจ้าหน้าที่ทหารตำรวจ และ อป.พร.จำนวนมากประจำการและร่นถอยไปก่อนที่สถานการณ์จะบานปลาย ทั้งที่สถานีดับเพลิงอยู่ห่างเพียงมองเห็นด้วยตาเปล่า ไม่มีการจับกุมผู้ก่อเหตุในที่เกิดเหตุในขณะนั้น
ปัจจุบัน ผู้ต้องขังคดีการเมืองเสื้อแดง 4 คนจากอุบลราชธานียังถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษหลักสี่ ในนั้นมี ปัทมา มูลมิล เป็นผู้ต้องขังหญิงเพียงคนเดียว พวกเขาเจอข้อหาร้ายแรงและศาลอุทธรณ์ยืนตามคำตัดสินศาลชั้นต้นให้พวกเขาจำคุกตลอดชีวิตและลดโทษเหลือหนึ่งในสามเป็น 33 ปี 12 เดือน
ในวันที่ซากเดนสมุนลูกไล่ของคณะมนตรีในนามของ สว.ลากตั้งจำนวนหนึ่ง กับ อดีตแกนนำพรรครัฐบาลมือเปื้อนเลือดกำลังขัดแข้งขัดขากระบวนการออกกฎหมายนิรโทษกรรมนั้น มีชะตากรรมของนักโทษคดีการเมืองแขวนลอยไร้จุดหมายมานานกว่า 3 ปีแล้ว สะท้อนความเลือดเย็นของพวกที่เป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบเสรีประชาธิปไตย
4 ตุลาคม 2013 กิ่งกาญจน์ สำนวนเย็น และเสนาะ เจริญพร ทำหน้าที่เบิกเงินจากกองทุนช่วยเหลือครอบครัวผู้ต้องขังไปมอบให้ครอบครัวผู้ต้องขังคดีการเมืองเสื้อแดงอุบลราชธานีและแกนนำชาวบ้านที่สกลนครที่ยังหลบหนีการจับกุม ครอบครัวละ 2,000 บาท รวมเป็น 10,000 บาท และมีเงินเหลือในบัญชีกองทุน 129,734.87 บาท (หนึ่งแสนสองหมื่นเก้าพันเจ็ดร้อยสามสิบสี่บาทแปดสิบเจ็ดสตางค์) และไม่มีเงินเข้าบัญชีในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา
เงินช่วยเหลือครอบครัวยังพอมีอีก 12 เดือน แต่อิสรภาพของพวกเขาต่างหากที่เป็นเป้าหมายสูงสุด อาจจะต้องรอกฎหมายนิรโทษกรรมผ่านสภา แต่ทว่า สิทธิการประกันตัวของพวกเขาต่างหากที่กระบวนยุติธรรมของประเทศนี้ไม่เคยคืนให้พวกเขา แม้รัฐธรรมนูญฉบับอุ้งตีนทหารจะระบุไว้ก็ตามที
ปล่อยนักโทษทางความคิด
ปล่อยนักโทษทางการเมือง
ประชาชนจงเจริญ
ธีร์ อันมัย