Skip to main content


--------------------------------------------------------------------------

@ " แม้ถูกกดก็จักขืนขึ้นยืนหยัด
แม้อ่อนหัดก็จักสู้ดูสักหน
ถึงจะแพ้ก็ยังดีกว่าที่ทน
อยู่อย่างคนชาเย็นเช่นคนตาย "

" เ ดี ย ว นี้ น้อย ก็ยังรู้สึกว่า เป็นคนตาย เป็นคนตายที่ตายทั้งเป็น แต่ ถ้าเรา "ตายก่อนตาย" ได้นั่นแหละดีที่สุด ... รักษาสุขภาพนะค่ะอ้าย ธรรมคุ้มครอง บุญรักษาค่ะ "

- - - เป็นบทกวี และ จดหมาย on line ที่สหายน้องสาวผู้งดงามดีงามในจิตวิญญาณและหัวใจของอ้ายอีกคนหนึ่ง... " กัญญา ลีลาลัย " หรือ "น้อย" ที่ post มาถึงฉันใน face book เกี่ยวกับ" ความตาย "

. . . บทกวีที่ยกมาข้างต้นนี้ เป็นของพี่"น้อย" ที่เธอแต่งมานานแล้ว สมัยใกล้ยุค ๑๔ตุลาคม ๒๕๑๖ ที่นักเรียน นิสิตนักศึกษาประชาชน นักคิด นักเขียน กวี ศิลปิน ครูบาอาจารย์ ทั่วประเทศ ฯลฯ เคลื่อนไหวโค่นล้มเผด็จการทหาร จอมพลประภาส - ถนอม - ณรงค์ กิตติขจร และสมุนลิ่วล้อบริวาร ฯลฯ จนก่อเกิดเหตุการณ์ปฏิวัติ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ อันยิ่งใหญ่ ... (ใครจะว่าที่ทำสำเร็จได้ ก็เพราะมีความขัดแย้งระหว่างกลุ่มผลประโยชน์เก่า อันมีศักดินาอมาตยาฯ ข้าราชการ และ ขุนศึกทหาร พลเอก กฤษณ์ สีวราห์ ที่ขัดแย้งกับเผด็จถนอมฯลฯ ใครจักคิดอย่างไรก็แล้วแต่... ฉันคิดว่า ถ้านิสิตนักศึกษาฯลฯ ไม่จุดชนวนการลุกขึ้นสู้ก็ยังจะไม่เกิดเหตุการณ์ปฏิวัติ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ อย่างแน่นอน) ในขณะการชุมนุมใหญ่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(และทั่วทุกภาคของประเทศไทย) อันมี อาจารย์ "เสกสรรค์ ประเสริฐกุล"อดีตนักศึกษาโข่งคณะรัฐแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง มหาวิทยาลัยของประชาชนที่ตั้งขึ้นโดยท่าน" ปรีดี พนมยงค์ " ผู้ประศาสน์การมหาวิทยาลัยธรรมศาสตรืและการเมือง(แต่ต่อมาในเผด็จการรุ่นหลัง เขาได้ตัดคำว่า "การเมือง " ออกไป ... มันจะขี้ขลาดตาขาวพรั่นกลัวทำห่าอะไรฟ่ะ ไอ่น้อง) ท่านทำให้เป็นมหาวิทยาลัยเปิด)ดั่งเช่นมหาวิทยาลัยรามคำแหงในปรัตยุบัน) ให้ประชาชนเข้าไปศึกษาได้ จึงทำให้มีคำขวัญอันลือเลื่องว่า...

" ฉันรักธรรมศาสตร์ เพราะ ธรรมศาสตร์ สอนให้ฉันรักประชาชน "

- - - ด ว ง ต ะ วั น สาดแสงแรงจ้า ฉันรจนาเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อสนทนาธรรมกับประชาชนชาวออนไลน์ และ ฯลฯ

. . . ๘๐ปี แห่งการปฏิวัติ -" อภิวัฒน์"ประชาธิปไตย (คำ"อภิวัฒน์" นี้ท่าน"ปรัดี พนมยงค์" เป็นผู้บัญญัติคำนี้) ในการโค่นล้มระบบอบเผด็จการศักดินาสมบูรณาญาสิทธิราช โดย"คณะราษฏร์" อันมีหัวขบวนคือท่าน"ปรีดี พนมยงค์" คนดีศรีอยุธยา"รัฐบุรุษอาวุโส" (ท่านกำเนิดที่อยุธยา) ... คำว่า"รัฐบุรุษอาวุโส"นี้ท่านได้รับการแต่งตั้งโดย King "อานันทมหิดล" พระเชษฐา ของ King "ภูมิพล" ... ที่กษัตริย์อานันทมหิดล สวรรคตอย่างมีเงื่อนงำ ที่ยังเปิดเผยไม่ได้ ... เมื่อไรจะเปิดเผยได้ เจ้า ? ไอ้หนุ่มจิ๊กโก๋ปากซอยที่ไม่เคยตีหัวใครเข้าบ้าน ... พึมพำบ่นออกมา ... 

และแล้วพวกจารีตนิยมก็ไปใส่ร้ายป้ายสีท่านปรีดีฯ ผู้มีคุณูปการต่อประเทศไทยสมมุติ (ไม่ใช่วลีของอ้าย "จุ้ย ... ศุ บุญเลี้ยง" เน้อที่ เขียนหนังสือชื่อ "ไม่ใส่ร้าย แต่ป้ายสี" คือเป็นศิลปินเอาสีปาดป้ายให้งดงาม) โดยให้ลิ่วล้อบริวารไปตะโกนในโรงหนังว่า" ปรีดีฯ ฆ่าในหลวง" แม้คำพูดที่สำรากออกมานี้ที่ฟังแล้วที่สุดแสนจะมหาริยำ ! เอ๊า บาปกรรมยังตามทันอยู่มาจนบัดนี้ ... พี่น้องเอ๊ย ลองเอาหัวแม่ตีนตรึกตรองดูว่า ใครเล่าจักกล้าเข้าไปในห้องบรรทมของพระองค์ท่านได้? ... " นายบุศว์ นายเฉลียว ฯลฯ (และอีกคนจำชื่อไม่ได้) ที่เป็นมหาดเล็กหน้าห้องต้องกลายเปนแพะรับบาป ถูกประหารชีวิต... บาปกรรม จิง จิง ฟ่ะ )

- - - จบเรื่องนี้ซักกะเด่วเพียงชั่วคราวก่อน เพราะที่พูดแลกเปลี่ยนก้อเพราะ มันใจ๋ขึ้น เจ้า ha ha...

. . . ผ่ า น มาแล้วแปดสิบปี ยี่สิบสี่มิถุนายน พอศอ สองสี่เจ็ดห้า อันเคยเป็นวันชาติไทย ที่รัฐบาลในขณะนั้นประกาศให้เป็น แต่ทว่า ปรัตยุบันนี้ ไม่ได้เป็นแล้ว ! ปุจฉา ... ว่า กะเด่วนี้ วันชาติไทย(สมมุติตรงกะวันอะไรเอ๋ย? ได้โปรด วิสัชนา...

- - - อ้อ มีการดูถูกประชาชนในสมัยนั้นจากพวกจารีตนิยมเผด็จการศักดินาทำนองว่า... ประชาชนยังไม่พร้อมที่จะเป็นประชาธิปไตยเขาคิดว่าประชาชนยัง โง่ อยู่ (มีแต่พวกกูที่ฉลาด) ... ป๊าด ธ่อ หว่ะ ... เจ้าพวกนักธุรกิจกินเมืองโกงเมือง นักเลือกตั้งทั้งหลายมาจนถึงปัจจุบันนี้ที่พวกเอ็งที่ใส่สูทผูกไท้ นั่งหน้าสลอนในรัฐสภาหล่ะ พวกเอ็งได้เป็นมาก็มิใช่ด้วยคุณูปการบุญคุณของ"คณะราษฎร์" เหรอ ? เจ้าพวกเนรคุณ!... บรมโคตร เชี่ย จิง จิง ... ขอพระอภัยมณีท่านผู้อ่านด้วยที่ครานี้ ข้าพระพุทธเจ้า ดุ อิบอ๋าย ไปโหน่ย แต่ก้อเพราะ " มันสุดแสนที่จักทนทานได้" เจ้าพี่น้อง... พะ ยะ คะ คับ เจ้า ...

. . . อีฉัน ชอบใจในคำแถลงของคณะราษฏร์ หลังจากโค่นล้มระบบเผด็จการศักดินาอำมาตฯ ลงไปแล้ว ในส่วนของคำแถลงการณ์มีใจความว่าดังนี้...

" ถ้าเจ้าว่าประชาชนโง่ เจ้า ก็ โง่ " (โปรดสืบเสาะไปอ่านคำแถลงการณ์ที่สมบูรณ์ อ่านจนจบ! 

- - - เดือนมิถุนายนปีนี้ตรงกะวันที่พระคุณพ่อ พระคุณแม่ ให้กำเนิดฉันมา ฉันถือว่า เป็นวันพ่อ วันแม่แห่งฉันอย่างแท้จริง... ฉันชอบใจที่อ้าย"สุชาติ สวัสดิ์ศรี... สิงห์สนามหลวง" ที่ตอบในคอลัมน์จดหมายสิงห์สนามหลวง ในหนังสือพิมพ์ เนชั่นสุดสัปดาห์ที่มีแฟนอ้ายสิงห์ฯ ถามเรื่องวันพ่อ พี่สิงห์ฯตอบทำนองว่า..." ผมมีพ่อเพียงคนเดียว แต่บัดนี้ท่านได้ตายไปแล้ว!"

อ้ายสิงห์ตอบทำนองว่า ... พระคุณพ่อของท่านสิงห์ ได้กลับคืนสู่อ้อมอกอันอบอุ่นของแม่พระธรรมชาติไปแล้ว! ณ บัดนี้ไม่มีใครเป็นพ่อของอ้ายสิงห์ฯ ด๊อก... เข้าใจ๋ นะจ๊ะ

. . . วันเปลี่ยนแปลงการปกครองฯ มีพวกเผด็จการจารีตนิยม อยากให้ลืมเลือน รัฐบาลทุกยุคทุกสมัยก็อยากให้ลืม... แต่ประวัติศาสตร์ที่เป็นจริงของประชาชน มิวันลืมเลือนไปจากหัวใจจิตวิญญาณของประชาชนไปได้! มีแต่จักจดจำเป็นนิรันดร์! เด็กๆ นักเรียนเราเรียนรู้จากหลักสูตรการสอน(ฉันเคยเป็นครูบ้านนอก แต่ฉันย้ำเตือนวันอันงดงามมีความหมายนี้ให้นักเรียนเสมอ) ของกระทรวงศึกษาธิการ(กระทรวงของใครหว่า? ไม่ต้องตอบก็ได้) เด็กๆเรียนรู้แค่เอาไปตอบข้อสอบท่าวววน้านนนน

" ประวัติศาสตร์ อาจมีในหลายด้าน แต่คนที่ทำทาง มิเคยจะเอ่ยออกนาม คนที่ลุยน้ำ ลุยโคลน คนที่สรรค์สร้าง จากป่าเป็นเมือง รุ่งเรืองดังเพียง เวียงวัง ด้วยเลือดด้วยเนื้อของคนทำทาง ฝังแรงฝังร่าง อยู่กลางป่าดง ฯลฯ (เพลงกวีบทนี้เขียนโดย "อ้ายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์" ที่วงดนตรีเจ้าพระยา และวงดนตรีต้นกล้าทำริทึ่มทำนองแล้วเอามาร้องหลังการปฏิวัติของประชาชนในเดือนตุลาคม ๒๕๑๔... 

- - - ฉัน ประทับอยู่ ณ บ้านป่าในเมือง ที่มีร่มไม้ร่มรื่น แสงแดดเริ่มแผดจ้า นกเขายังขัน คู คู ผีเสื้อ ยังปรบปีกพลิ้วโผโบยบินเริงรำร่อน ไปดูดดื่มความหอมหวานของดอกไม้ ณ ที่นั่น ที่นี่ ที่โน่น ฯลฯ ... เสียงเครื่อจักรในเมืองยังดังกระหึ่ม ตัดฉากกับธรรมชาติชีวิต! กลองในอกข้างซ้ายของฉันยังรัวเต้นแข่งกับเสียงดังกระหึ่มของเครื่องจักรกล!

... โปรดอย่าทดท้อถอยพี่น้อง...วันปฏิวัติ - อภิวัฒน์ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ "คำตอบนั้น มิได้อยู่ในสายลม" ดอก

- - - คำ ต อ บ นั้ น อยู่ที่ มื อ ตี น ใ จ ของ ม ว ล ม ห า ป ร ะ ช า ช น เอง !

" The SOUND of Silence " "เสียงเงียบ" ยัง ดังอึงอลในจิตวิญญาณและหัวใจของ ผองเพื่อนพี่น้องมนุษยชาติเป็นนิรันดร์!!!

WE LOVE YOU !!! @

ส่วนบนของฟอร์ม

บล็อกของ แสงดาว ศรัทธามั่น

แสงดาว ศรัทธามั่น
ดูกร... ภราดา ...  ภราดร ...  โปรดอย่าได้  ฉงนฉงายค ว า ม ห ม า ย ชี วี  เพลานี้ณ  ที่ซึ่ง  มนุษยชาติ  โ อ บ ก อ ด ป ฐ พีณ ที่ซึ่ง เวลานี้  เ ธ อ มี รั ก ป ร ะ จั ก ษ์ ใ จรั ก มิ ต้อง ฝัน ... รั ก  นั้นคือ รั ก จ ริ ง !“ ค ว า ม รั ก นั้ น ยิ่ ง ใ ห ญ่ ”เริงรำร้อง  เที่ยวท่องไปสู่จุดหมายปลายทางแห่ง   เ พ ล ง รั ก นิ รั น ด ร์ณ ที่นี่ ... ที่นั่น ... ที่โน่น! นั้นมี  รัก!เราผ่อนพักชีวา  รั ก รั ง ส ร ร ค์เ มื่ อ  วิ ญ ญ า ณ  แห่ง  รั ก  โ อ บ ก อ ด กันโ ล ก = น ร ก – ส ว ร ร ค์  เป็นฉันใด  มิ…
แสงดาว ศรัทธามั่น
ภาพจาก แฟ้มข่าวประชาไท(๑) Excellent Life Rhythm(เป็นจังหวะชีวิตที่แสนวิเศษนัก)ปลายฤดูฝน – ต้นฤดูหนาวแสง สี เสียง แห่งแม่พระธรรมชาติ อันเป็นรากเหง้า แห่งวิถีชีวิตเพื่อนมนุษยชาติ ช่างงดงาม หลากสีสันนัก!--- ดวงตะวัน ดวงดาว เดือนเสี้ยว –- กลางฤดูปลายฝน ต้นหนาว-- ฯลฯ --- ฯลฯ --- ฯลฯ---เริงระบำ รำร่ายฟ้อนเป็น Rhythm… เป็นจังหวะดนตรีแห่งสีสัน ช่างงดงามนักExcellent Life Rhythmเป็นจังหวะชีวิตที่แสนวิเศษนัก!“ Life is Very Beautiful”ชีวิตช่างงดงามนัก หากโครงสร้างสังคม สามานย์ เปลี่ยนแปลง(๒) หมดเวลาของคุณแล้ว!Hello!พณฯหัวเจ้าท่าน คมช.หมดเวลาของคุณแล้ว!อย่าสืบต่ออำนาจต่อไปอีกเลย!อย่าเผด็จการฟัสซิสม์…
แสงดาว ศรัทธามั่น
ล ม ห น า ว เ ห นื อ พั ด โ ช ย ม ายามต้องไล้ผิวกายร้อน ที่รุ่ม ก็ คลายกลิ่นอาย เหมันตฤดู มิรู้เลือน น ก น้ อ ย ๆ สีเหลืองเรืองเรื่อโบยบินทุกแหล่งหล้ามิรู้หนโผร่อนจับเกาะกิ่งก้านต้นมะขามสนามหลวง – สนามราษฎร์ส่งเสียงเจื้อยแจ้ว – ตามไล่ทักทายกันโ อ ... ก็นานนักแล้วซิหนอที่พวกเจ้ามิได้มาพบกัน! ณ เบื้อง ฟ้าบนด ว ง ต ะ วั น สาดแสงแรงกล้า น ก พิ ร า บ ข า ว พราวอันมิถ้วนนับสะพรึบสะพรั่ง โบยบิน ฉวัดเฉวียน เวียนว่อน ... ราวจักข่ม คคนานต์พราวปีกขาว สะพรึบสะพรั่ง โบยบิน ฉวัดเฉวียน เวียนว่อนเริงรำร่อนจับเกาะกอดโดมแดนธรรม... ธ ร ร ม ศ า ส ต ร์โ อ !...…
แสงดาว ศรัทธามั่น
(1)จักรวาลอวยพรชัยณ ยามราตรีกาลดวงดาวเดือนพราวพร่างบนทุ่งฟ้าวิบ วิบ วับ วับ เปล่งประกายทอแสงเจิดจ้าอวยพรชัยแด่โลก ชีวิต!แล ณ ยามอรุณรุ่งดวงตะวันสาดแสงสีทองส่องโลกหล้าวิหคนกกามวลสรรพสิ่ง – สรรพชีวี...เริงระบำรำร่ายฟ้อนอวยพรชัยแด่ผองเพื่อนมนุษยชาติ!ณ คืนวันแห่งการสัปประยุทธ ต่อสู้ด้วยอหิงสา ศานติวิธีพี่น้องม่าน พี่น้องชนเผ่าทั้งผอง...แล สตรีเหล็ก “ออง ซาน ซูคยี”รวมทั้งผองเพื่อนพี่น้องร่วมโลกร่วมแผ่นดินแห่งดาวโลกดวงนี้ต่างคล้องแขนร่วมเดินทางเปล่งร้องขับขานบทเพลงแห่งชัย...ชัย...ชัย...ชัย ! ดูรา...ภราดา...ภราดายลดูด้วยประกายดวงตาปลื้มปิติ...ดูซี...ดูซี...“มองดูความจริงซี”พระคุณท่าน แม่ชี...…