Skip to main content

 

                @   “  เฮ๊ย    ติ๊ก   อ้ายไม่ไป ปลายฝน ต้นหนาวแล้ว  อ้ายจะรอพวกเธอที่ สุดสะแนน  ”     ฉันโฟนอินบอก ติ๊ก  เพื่อนสาว น้องสาวผู้งดงามใจงามแห่งฉันและโลกชีวิตอีกคนหนึ่ง … เธอเหิรฟ้ามาจาก “ดินแดนด้ามขวานด่านใต้”  จังหวัดสุราษฏร์ธานี  เธอเอาแกงไตปลา จากใต้มาฝาก “อ้ายป้อม”  ศิลปิน และอดีตทนายความ จบจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง อ้ายป้อมเบื่อชีวิตทนาย เลย  say  good bye …  อ้ายป้อมเป็นเจ้าของ   “ บ้านร้าน  ปลายฝน  - ต้นหนาว  ”   ทางไปหลังวัดเจ็ดยอด  อ้ายป้อม เป็นคนภาคใต้เหมือนกับ ติ๊ก   แต่มาอยูเชียงใหม่นานแล้ว   บ้านร้านปลายฝน – ต้นหนาว เปิดกว้างให้นักศึกษาที่เรียนด้านศิลปะ มาแสดง  งาน  exhibition  ได้ฟรี โดยไม่คิดค่าสถานที่ พวกน้องๆนักศึกษาจากคณะวิจิตรศิลป์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และนักศึกษาศิลปะจากมหาวิทยาลัยราชมังคลา ฯลฯ  มาแสดงงาน อ้ายป้อมเป็นศิลปินจึงเข้าใจศิลปินด้วยกัน …  สาวติ๊ก โหลด ไตปลามา เพราะบนเครื่องบิน เขาไม่ให้เอาขึ้นไป   ฉันขำที่ครั้งหนึ่ งหนึ่งฉันเอาเหล้าพื้นบ้านสองขวดไปด้วย จะเอาไปให้เพื่อนที่กรุงเทพฯ ชิมลิ้มรส  ขณะเอาสัมภาระเช็คที่ด่าน เช็ค   หญิงสาวที่เช็คเธอบอกว่าเอาขวดเหล้าขี้นไปด้วยไม่ได้ ฉันจึงจำเป็นต้องเอาขวดเหล้าไปโหลด คนบ้านนอกอย่างฉันนานๆขึ้นเครื่องบินทีก็งี้แหละ ที่เหิรฟ้าไปถ้าไม่มีคนออกตังค์ให้ก้อไม่ได้ไปแน่ ค่าเครื่องของการบินไทยโครตแพง ฉันก็แต่แค่ขึ้นรถไฟฟรีชั้นสามเท่านั้นแหละเจ้า

                       “  … “ ติ๊ก เมาแล้ว เมาเหล้ากุหลาบของอ้ายป้อม “ เธอหัวเราะเสียงใสผสมอ้อแอ้มาตามเครื่องโทรศัพท์ไร้สาย… “ เออมาเร็วๆ อ้ายรอ ” 

                       พวกเราโอบกอดกันด้วยความรักแห่งผองเพื่อนมนุษยชาติ  ไอ่หนู ติ๊ก ผิวสีค่อนข้างสีแทน ดีใจที่เจอฉันอีกคราหนึ่ง  น้องๆทั้งหญิงชายที่มาด้วยกันก็ปิติยินดีปรีดาด้วย… พวกเราร่วมสิบชีวิตนั่งโต๊ะจัดยาว   หัวเราะพูดคุยกันอย่างเริงรื่น   …คืนนั้น ณ บ้านร้านสุดสะแนน จึงมีฝูงอีแร้งกระพือปีก บิน ย้าบๆ  เย้บ ๆ บนฟลอร์ หน้าเวทีที่ “อ้ายพัฒน์”  นักดนตรีบรรเลงเพลงลูกทุ่ง พอได้ที่ฉันก็จับแขกในร้านมาร่ายฟ้อนสนุกสนานม่วนซื่นโฮแซวไปตามๆกัน … ทุกที  ทุกที  เป็นแบบนี้แหละ เมื่อเราม่วนได้ที่กัน … “ หมู่เฮา หนิมพิ้วไว้ อย่ากระดุกกระดิก ห้ามไปไหน รอให้อ้ายพัดขี้นเพลงแหม ”  ไอ่หนู “เขี้ยวฮิ้น  เขียวฮิ้น” เจ้าของชื่อ  face book  หัวเราะบอก  (ไอ่หนูคนนี้ ฉันเรียกเธอว่า “ไอ่โยโก๊ะ” เพราะในหน้าเธอ ทรงผมเธอ ละม้ายคล้าย “โยโก๊ะ โอ๊ะโน๊ะ”  เมียของน้า   John  Lennon  สมาชิกวงดนตรี   The  Beatles  อันโด่งดังในยุค  Sixties  ในอดีต … ไอ่โยโก๊ะ ออกคำสั่งให้เรายืนนิ่งไม่กระดุกกระดิก พอบทเพลงเริ่มบรรเลง ฝูงอีแร้ง หน้าเวทีก็ พะเยิบพะย้าบ กระหยับปีกต่อ   ฉันเดินไปดึง  “  อ้ายแก้ว”  และแฟนสาวคนไทย  ให้ออกมาเริงระร่ายฟ้อนด้วยกัน และดึงน้องๆน้องๆที่นั่งหน้าสลอนบนโต๊ะข้างๆมาฟ้อนด้วยกัน (อ้ายแก้ว เป็นฝรั่ง พูดไทยชัด เพราะมีเมียไทย   … “ เฮ๊ย หมู่เฮา ถ้าอยากพูดภาษาปะกิตเก่ง ก้อเอาเมียฝรั่ง เล๊ย  อู้ ได้ปร๋อ แน่ ”   ฉันแหย่เพื่อนๆน้องๆในวงเมา  ก้อฮากันตรึมม  … ฝรั่งอ้ายแก้ว มาทำงานกะพรรคพวกฝรั่งที่เชียงใหม่ พวกเขาเป็นองค์กรพัฒนาเอกชน ที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชน ที่ชนเผ่าถูกละเมิด  … มีคราหนึ่งพวกเราจัดกิจกรรมที่ ข่วงประตูท่าแพ เป็นวัน  8  -  8  - 8… วันที่แปด(8) เดือนแปด ( สิงหาคม) ปีแปด ( 1988) … ที่นักศึกษาและประชาชนพม่าชุมนุมประท้วงใหญ่ที่ร่างกุ้ง แล้วถูกรัฐบาลเผด็จการทหารพม่าปราบปรามเข่นฆ่าอย่างโหดร้ายทารุณ หลายคนต้องหนีเข้าป่าจัดตั้งกองกำลังต่อสู้ ในป่าเขา… อ้ายแก้วแสดงสด performance  โดยการกระโดดลงน้ำคูเมืองแล้วว่ายในระยะทางประมาณร้อยเมตร ท่ามกลางฝูงชนคนดูปรบมือเอาใจช่วย จนถึงที่หมาย ฝรั่งจิตใจสากลนิยม … อ้ายแก้ว ประท้วงรัฐบาลเผด็การทหารพม่าที่กักอิสรภาพของ “ นางอ่องซาน ซูคยี” สตรีเหล็กของพม่าที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยให้ประชาชนพม่าด้วย ในขณะนั้น เผด็จการทหาร ซอหม่อง ยังไม่ปล่อยตัว อ่องซานฯ  เธอได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพแต่เธอไม่ออกจากประเทศไปรับ เพราะเธอรู้ดีว่าถ้าเธอออกไป เธอจะต้องไม่ได้กลับมาบ้านเกิดเมืองนอนอย่างแน่นอน รัฐบาลจะต้องไม่ให้เธอเข้ามาเคลื่อนไหวทางการเมืองในพม่าอีก แต่ตอนนี้เธอได้รับอิสระภาพในระดับหนึ่งแล้วที่รัฐบาลเผด็จการทหารปล่อยออกมาเพราะไม่อาจต้านกระแสทางสากลที่กดดันรัฐบาลเผด็จการได้… อ้ายแก้ว ว่ายน้ำทั้งที่สวมใส่รองเท้า   และเอารองเท้ามาประมูลในงานกิจกรรมนั้น รู้สึกว่าจะได้พันบาท อ้ายแก้วก็ยกเงินที่ได้นั้นมอบให้กองทุนที่ทำงานเรื่องอิสรภาพประชาธิปไตยของประชาชนพม่าฯลฯ

- - -  “ อ้าย แสงดาว วันนี้เป็นวันเกิดของเพื่อนเรา เราจึงมาฉลองกันนี่นี่”  แก้มยิ้มบอก พร้อมกับผายมือไปที่เพื่อนฝรั่งของเขา ที่นั่งใกล้กับภริยาคนไทย

                                    “ อ้อ อ้ายจะเขียนบทกวี เป็นภาษาฝรั่ง อวยพรให้เขา ”   ฉัน เอามือล้วงเอากระดาษเอสี่ในย่ามออกมา สะเก๊ตท์ ใบหน้าเขาง่ายๆ ฝรั่งหนวดงามยิ้ม แล้วฉันก็ร่ายบทกวีประดับบนกระดาษ    …” เสร็จแล้ว  Toy  ”   ฉันยื่นบทกวีมอบให้เขา เขายิ้มขอบคุณ   “  อ้ายแสงดาว อ่านบทกวี บนเวทีให้ทอย”   อ้ายแก้วบอก   ฉัน เดินอาดๆตรงไปยังเวทีที่อ้าย “พัฒน์” กำลังเล่นดนตรี  ก้มหน้ากระซิบที่หู “พัฒน์  อ้ายขอรบกวนขออ่านบทกวี อวยพร Birth  Day เพื่อนฝรั่ง กลุ่มโต๊ะโน้น”  

       “  For  Birth Day  Toy …and for Humanity Friends     on  Earth… For Peace  … For  upfighting  in  Burmer … Blowing in the  Wind by  Heart  and  Soul … for Love  …We   Love   You !!!  ”  …  ฉันชูจอก ร่อนจอก เชื้อเชิญแขกในร้าน ตำจอกอวยพรให้ Toy  … เสียงปรบมือดังลั่นร้าน ฉันยกมือไหว้ ผายมือไปที่ Toy

            เพลงสุดท้ายก่อนที่อ้ายพัฒน์ จะอำลาเวทีก็ดังกังวานขี้น …

   “   พร่างพราวแสง  ดวงดาวน้อยสกาว  ส่องวับวาว เด่นพราวไกลแสนไกล

      ดั่งโคมทอง ส่องเรืองเรื้องในหทัย  เหมือนธงชัย ส่องนำจากห้วงทุกข์ทน … ฯลฯ ”

                  ฉัน ลุกขึ้นจากโต๊ะของกลุ่มอ้ายแก้ว  ย่างเท้าช้าๆ  ไปข้างเวที   แล้วทำจินตลีลาพร้องบทเพลง  ไม่ได้เลยถ้าบทเพลงนี้ขึ้นมา  เหมือนกับต้องมนตร์สะกด ฉันต้องร่ายจินตลีลาทุกครั้ง พร้อมกับร้องเพลงคลอผสาน เพลง “  แสงดาวแห่งศรัทธา ”  จากบทประพันธ์เพลงของ  “ สหายจิตร  ภูมิศักดิ์ ”  นักรบประชาชนแห่งเทือกเขาภูพาน คราเข้าร่วมสงครามประชาชนร่วมกับ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย เขตภาคอิสาน  ซึ่งเขาต้องเสียสละชีวิตในเขตนี้ด้วยปืนปฏิกิริยาของศัตรูประชาชน! … นามปากกา “ แสงดาว   ศรัทธามั่น ”   ที่ตั้งขึ้นก็มาจากแรงบันดาลใจจากบทเพลงนี้ ! …

         “   ฯลฯ   พายุฟ้าครื้นโครมคุกคาม   เดือน ลับยาม แผ่นดินมืดมน  

    “  ดาวศรัทธา  ”       ยังส่องแสงเบื้องบน  ปลุกหัวใจ ปลุกคนอยู่มิวาย

               ขอหัวเราะ เยาะเย้ยทุกข์ยากลำเค็ญ  คนยังคงยืนเด่นโดยท้าทาย  ฯลฯ   บทเพลงมาถึงท่อนนี้ ฉัน ผายมือไปยังพี่น้องประชาชนที่นั่งรายเรียงรอบๆโต๊ะ  พร้อมทั้ง กำหมัดสองข้างยกชูเหนือหัว …

                 “   แม้นผืน  ฟ้า   มืดดับ  เดือน  ลับมลาย    ดาว   ยังพรายศรัทธาเย้ยฟ้าดิน

                     ดาว   ยังพราวอยู่จน  ฟ้า    รุ่ ง รา ง ”    @

                     “ เพลงนี้ ยามฉันรู้สึกทดท้อไม่ว่าเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ฉันต้องร้องเพลงนี้เสมอ  ช่วยปลุกปลอบใจฉันนัก ”   … “  อ้ายปอน… พิบูลย์ศักดิ์  ละครพล  ”   …  “เจ้าชายโรแมนติค ” - - -  กวี นักคิด นักเขียน ศิลปิน  คนเพลง แห่งล้านนาอิสระ เคยพูดในงานเขียนทุกครั้ง 

                                 . . .  ราตรีนี้  ฉัน  บรรทมที่นี่  ณ “สุดสะแนน …แสนสนุกสุดเสน่ห์”  บ้านร้านป่าในเมืองของ “อ้ายฮวก -  สุดสะแนน”  (ถามไถ่ว่าคำว่า สุดสะแนน หมายถึงอะไร  พวกเขาซึ่งเป็นพี่น้องคนอิสาน บอกทำนองว่า เป็นลายเพลงแคน ชนิดหนึ่งของอิสาน  “ฮวก”  หรือ  “ อรุณรุ่ง   สัตย์สวี ”   (เป็นนามปากกาของเขา)  เป็นทั้งนักคิด นักเขียน  กวี ศิลปิน  คนเพลง  ฯลฯ   เขาเคยได้รับรางวัลเรื่องสั้น “สุภา  เทวกุล”  (นักเขียนอาวุโสที่ได้กลับคืนสู่อ้อมอกอันอบอุ่นของแม่พระธรรมชาติไปแล้ว  เพื่อนๆนักเขียนรุ่นอาวุโสรุ่นเดียวกับ ป้าสุภา  เทวกุล  จึงร่วมกันจัดตั้ง “รางวัล สุภา  เทวกุล”  เพื่อเป็นเกียรติให้ท่านผู้ล่วงลับ…  ฉันก็ได้ไปส่ง “อรุณรุ่ง  สัตย์สวี” ไปรับรางวัลที่กรุงเทพฯ  ไปแสดงความยินดีกับเขาและผู้ที่ได้รับรางวัลนี้ทุกๆคน

                      - - -  เขาและเพื่อนรักของเขา “ ชวด  - สุดสะแนน ”  หรือ “ ผการัมย์  งามธันวา”  กวี  ศิลปิน กวีนักเขียน  ร่วมกันตั้งวงดนตรี “สุดสะแนน”  เล่นด้วยกันตั้งแต่  อิสาน   กรุงเทพฯ   ยันเชียงใหม่ …  คงต้องเล่า เรื่องราวของเขาให้ท่านผู้อ่านได้รับฟังหน่อย … ในคราวมีการประกวดดนตรี  FOLK   SONGS เพลงเพื่อชีวิต     รำลึก  20  ปี      สิบสี่ตุลาคม  ที่หอประชุมใหญ่ (ถ้าจำไม่ผิดในเรื่องสถานที่)    มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(และการเมือง)  มีนักดนตรีจากภาคต่างๆทั่วประเทศมาร่วมแข่งขันกันตรึม  ผลปรากฏว่า วงดนตรีสุดสะแนน ได้รับรางวัลชนะเลิศ! 

                           . . .  วงดนตรีสุดสะแนน นอกจากจะให้ความรื่นรมย์  แก่แขกผู้มาเยือนร้านนี้แล้ว   เวลาคราใดที่ พี่น้องประชาชนทั้งชนเผ่าและชาวบ้านชุมนุมเรียกร้องความเป็นธรรม ไม่ว่าจะเป็นลานหน้าศาลากลางจังหวัด หรือลานข่วงประตูท่าแพ ฯลฯ วงดนตรีสุดสะแนนก็ไปร่วม บรรเลงเพลงให้กำลังใจพี่น้องด้วย บ่อยครั้ง  ฉันจึงชมชอบเขา  และไปเป็นผีสิงสถิตที่ร้านบ้านป่าในเมืองนี้บ่อยๆ    …

                                    ราตรีนี้ พระจันทร์เต็มดวงอวยพรทอแสงโอบกอดเพื่อนมนุษย์ร่วมโลก เอกภพ จักรวาล  … ฉันยกมือวันทาแม่พระจันทร์   แล้วกลับไปนอนหลับฝันดี! @

 

 --------------------------------------------------------------------

      ฉั น  รจนา เรื่องราวนี้   ณ  โต๊ะ ไม้ สุดสะแนน ยามอรุณ …  ชื่อเรื่องนี้    “   อรุณรุ่งรางสว่างแล้ว ”   ฉั น  เอามาจากบทเพลงของ “วงดนตรีสุนทราภรณ์”   ที่แต่งและขับร้องโดย  “ครูเอื้อ  สุนทรสนาน”  หรือ “สุนทราภรณ์”  ….

                - - -   สายฝน โปรยปราย โปรยปรอย  … ยังได้ยินเสียงนกร้องเพลง   ขณะนั่งรจนานี้  ฉั น เห็น นกเขาตัวผู้ต่อยมวยกัน ตีกับบนหลังคามุงจาก  ตีกันดัง  พลั่บ  พลั่บ   … พลั่บ  พลั่บ   สักครู่ ตัวหนึ่งสู้ไม่ได้ ต้องถอยบินหนีไป  นกเขาเธอหวงถิ่น ใครแหลมเข้ามา เขาก็ต้องขับไล่  เป็นธรรมดาธรรมชาติของสรรพสัตว์ จ้า

                  ๓  กรกฏาคม  ๒๕๕๕  ล้านนาอิสระ , เจียงใหม่.

  

 

 

 

             

 

 

                        

 

บล็อกของ แสงดาว ศรัทธามั่น

แสงดาว ศรัทธามั่น
*@ "บงเนื้อก็เนื้อเต้นพิศสะเส้นสรีรัวทั่วร่างและทั้งตัวก็ระริกระริวไหว ฯลฯ" มองตาก็เห็นตาผองประชาผู้ยากไร้หมดสิ้นความเป็นไทด้วยมารร้ายกดขี่คน นานเนิ่นนักนานแล้วพี่น้องแก้วทุกแห่งหนก่อเกิดแสนทุกข์ทนการกดขี่คงนิรันดร์
แสงดาว ศรัทธามั่น
. .ป ระ ชา ช น คน ใ ห ม่ ได้รู้แล้วเสียงที่แว่วกังวานหว่านไปทั่ว ชนชั้นนำ นักปกครอง ผยองตัว คือคนชั่ว รับใช้ ใต้ตีนทุน ( วัฒนา ธรรมกูร ) ป ระ ชา ช น จะชิงชัย ไม่สุดสิ้น เพื่อ พลิกฟื้นแผ่นดินให้หอมกรุ่น เพื่อรากหญ้า ได้ ผลิหญ้า อ่อนละมุน เพื่อ ทอดรุ่น รับวัย ให้งอก เงย ( อรอาย อุษาสาง )
แสงดาว ศรัทธามั่น
ภาพจาก http://www.cablephet.com/board/images/news/t__1110880701.jpg        O    " ปู่เย็น "             ที่ " รู้เห็น เห็น และ เป็น อยู่ "             เป็น " ปู่ เ ย็ น แ ก้ว ม ณี " งามตราตรู             เป็น ผู้สมะถะ งาม คงทน- - -เป็นแบบอย่างแห่งชีวิตสถิต คุณค่า ทุกแห่งหนเป็นผู้ เ ฒ่า ท ระ น ง ของ ตั ว ต นอัน ล่วงพ้นโลภ โกรธ หลงแห่งชีวา . . .เป็นวิ ถี ชี วิ ต อิ ส ระไร้ พันธะ ใด…
แสงดาว ศรัทธามั่น
เขาคือคนธรรมดา... ทว่าคุณค่าดวงใจกล้าโตเติบใหญ่ มีชีวิตจิตวิญญาณแห่งความเป็นไท และมีหัวใจอิสระเสรี เสรีสู้เพื่อคนจนผู้ท้นทุกข์ ปลอบปลุก”ลุกขึ้นสู้” ในทุกที่ “ณ ที่ใดมีการกดขี่” “ไพฑูรย์ พรหมวิจิตร” มิรอรีร่วมลงแรง
แสงดาว ศรัทธามั่น
@ ฉั น รั ก ด ว ง ตา ห ญิ ง สา ว ราวรุ้งร้างไหลหลากดังถากฝัน ยาม สายฝน พรูพร่าง พริ้ม อำพัน ก็ กู เป็นดั่งวันที่ พรั่งพรู หลั่ง พรูพรั่ง - งามพรั่งพรู งามฤดู - เดือน - ดาว - ตะวัน ... โลกรับรู้ จันทร์แดง เฉิดฉันท์ สกาวใจกอบกู้ ธีรยุทธจึงรู้ ทางไทพันธมิตรนำ ... ใจเย็น เย็น พี่น้อง ใจ เย็น เย็น ชี พ รู้ เ ห็ น ชี วี พ ร้ อ ม ย่า งย่ำ คอยรอ ชัยชนะ - พวกมารระยำ ก็ กู เป็น อย่าง กู ทำ ไม่จำนน ... ท่าม สายฝน พร่างพราว พลิ้วไสว ธา ร ด ว ง ใ จ ชุ่มชื่น ทุกแห่งหน…
แสงดาว ศรัทธามั่น
" พ.ต.ท.เมธี, ศิลปินตี๋, น้องโบว์... อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ " ดวงใจท่านผ่องผุด สะอาด สดใส เพื่อนพันธมิตร ไม่มีใคร ครอบงำใคร พวกเรามาด้วยจิตวิญญาณยิ่งใหญ่ ง ด งา ม แ ล้ ว ! แด่ พี่น้อง พั น ธ มิ ต ร ผู้บาดเจ็บทุกๆ คน ป ระ ชา ช น ก้มค้อมคารวะ - จิต ก ล้า แ ก ล้ ว สละชีพ สละร่าง งา ม วา ว แ ว ว ข บ ว น แ ถ ว ป ระ ชา ช น เ พื่ อ ชิ ง ชั ย ! 7 ตุ ลา ฯ ... วั น ม หา วิ ป โ ย ค ยิ่งกว่าไหน ห่ากระสุน แก๊สน้ำตา อันจัญไร เข่น ฆ่า ประชาชนไซร้ - ชีพยอมพลี อ นา ถ นัก … โ อ ... ประจักษ์ มั น บิ ด เ บื อ น และ ป้า ย สี หน้าไม่อาย หน้าด้าน แล อัปรีย์ ฆา ต ก ร โ ห ด ชี วี…
แสงดาว ศรัทธามั่น
          ฉัน รัก ดวงตาหญิงสาวเจ็บปวดร้าวจิตวิญญาณ เหลือที               โ ล ก แล้งร้อนร้างไร้ทุกที         วันนี้ ด ว งตา เ ธ อ ยังสดใส          ... ฉัน รัก หัวใจของชายหนุ่ม      ร้อนรุ่ม วิ ญญาณ์ กว่าไหน          โ ล ก รู้ว่า เ ธ อ นั้นจริงใจ          ด ว ง ตาบอกไว้ ฉั น รู้  …
แสงดาว ศรัทธามั่น
                       &&& ศิ ล ปิ น" BALLAD " นาม " จ รั ล ม โ น เ พ็ ช ร "คือเก็จแก้วดำรงคุณค่าความหมายคืนสู่ดิน จิตวิญญาณไม่เคยตายแสงตะวัน - เดือน - ดาวฮักอ้ายจรัลฯ &&& - - - ฝันเถิด ฝันชีพฝัน เราฝันใฝ่ฝันดวงใจศานติภา พโลกสุขสันต์กล่อมชีวี ด้วยบทเพลง งามนิรันดร์พริ้มบทเพลง "รางวัลแด่คนช่างฝัน" อันงดงาม &&&...ละบทเพลง - - -พริ้งบทเพลงพลิ้วลอยล่องเป็น ทำนอง โอบกอดโลก งามล้นหลามเพลงRHYTHMสดใส ทุกโมงยามเป็นความฝันแห่งชีวิตโลกตราบนิ รั…
แสงดาว ศรัทธามั่น
( 1 ) เ ย็ น ฝ น ฉ่ำ + ด อ ก ไ ม้ เ บิ ก บา นแ ร กกำเนิดโลกไม่ว่าจะเป็นทฤษฏี " BIG BANG " (การระเบิดใหญ่) ของจักรวาล อะไรก็ตาม ฯลฯ แล้วจึงก่อเกิดเป็นดาวโลกและดาวอื่นๆ ขึ้นมา ... สรรพสิ่ง สรรพชีวิต จึงเริงระบำรำร่ายฟ้อน บังเกิดเป็น มนุษย์ คน พืช สัตว์ ดำงอยู่บนโลกสีเงินดวงนี้อย่างศานติสุข ไร้พรมแดน ไร้ชนชาติ ไร้สีผิวเผ่าพันธุ์ ฯลฯ ตราบจนมนุษย์ อ วิ ช ชา แบ่งแยกเป็นประเทศ สีผิว เผ่าพันธุ์ ฯลฯ กดขี่ข่มเหง รังแก รุกราน เพือนมนุษย์ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น "คนขาว" ที่ล่องเรือมารุกรานพี่น้อง "อินเดื่ยน" อเมริกาเหนือ, อเมริกากลาง, อะเมซอน, อาฟริกา ฯลฯ จักรวรรดินิยมอังกฤษ…
แสงดาว ศรัทธามั่น
ฉันนั่งนิ่ง ณ สถานที่แห่งหนึ่งในตัวเมือง ยามพรรษาฤดู แห่งดินแดนล้านนาอิสรา สายฝนโปรยปราย - โปรยปรอย ยามเช้า...เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ไม้โครงเหล็กเก่าคร่ำคร่า ... น้องแมวสีเหลืองกระโดดขึ้นมามาบนโต๊ะมาทักทาย ฉั น - - - เหมียว... เหมียว... เหมียว.... นัยน์ตาสีเหลืองอ้อนมองดวงตาฉัน ฉันให้ปลาทูแด่เธอ ฉันเพิ่งเดินอออกไปซื้อที่ปากซอยข้างนอก และแล้วก็มีน้องแมวดำ และน้องหมาขาวเดินเข้ามาทักทายฉัน ฉันก็ให้ปลาทูแด่เธอทั้งสอง - - -ณ บ้าน - ร้านนี้ เจ้าของร้านและเพื่อนๆ ที่ดำรงชีวิตอยู่ด้วยกัน เจ็ด, แปดคน ... พวกเขาเป็นคนใจบุญ - รักสัตว์... หมา แมว นก หนู กา ไก่ ฯลฯ เ ค ย มีคนเอาแมวมาปล่อย…
แสงดาว ศรัทธามั่น
 “นากาแลนด์ --- NAGA LAND”เพื่อดินแดน แห่ง เสรีเริงระบำ บท เพลง ณ วันนี้เพื่อนพ้องน้องพี่อวยพรชัยให้ “NAGA LAND”“ลุกขึ้นสู้” เพื่อสิทธิ + เสรีภาพอิ่ม เอิบ อาบจิตวิญญาณนี้เหลือแสนโอ ... ผองเพื่อนมนุษย์ชาติทั่วด้าวแดนเปล่งขานบทเพลงแนบแน่นกล่อมพลังใจ“NAGA LAND == นากาแลนด์”ดวงใจนี้เหลือแสนสะอาด สด ใสสู้ เพื่อ สิทธิเสรีภาพ อ่า อำไพเพื่อโลกงามเพริศพิไลปลดปล่อยพลัน!=== เถิด ผองเพื่อนมนุษยชาติทั่วทั้งโลกเพลงสายลมโชยโบกพริ้มรังสรรค์โลก เอกภพ จักรวาล รับรู้พร้องใจกันหลอมชีวิตจิตวิญญาณตราบนิรันดร์เพื่อ ...”NAGA LAND” ด้วยรัก + พลังใจอ้าย”แสงดาว ศรัทธามั่น” ฤดูฝน , 27 กรกฎาคม…
แสงดาว ศรัทธามั่น
" ค ดี แ ร ก ครอบครัวชินวัตร ศาลพิพากษาจำคุก "อ้อ", พี่ชาย คนละ 3 ปี เลขาฯ เจอ 2 ปี ฐานผิดร้ายแรงเลี่ยงภาษี หุ้นชินฯ ระบุฐานะทางเศรษฐกิจ และ สังคมสูง กลับฝ่าฝืนกฏหมายจงใจหลีกเลี่ยงภาษีอากรโอนหุ้นบริษัทชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) คนละ 3 ปี ที่ศาลอาญา เมื่อ 31 ก.ค. 51 เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ห้องพิจารณา 704 ศาลอาญา รัชดาภิเษก กทม. องค์คณะผู้พิพากษาศาลอาญา ออกนั่งบัลลังค์ อ่านคำพิพากษา "คดี เลี่ยงภาษี หุนบริษัท ชินคอร์ปปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่อัยการสูงสุดเป็นโจทย์ยื่นฟ้อง "นายบรรณพต ดามาพงศ์" อายุ 58 ปี พี่ชายบุญธรรมคุณหญิง "พจมาน ชินวัตร" อายุ 58 ปี ภริยา พ.ต.ท."…