วันนี้ผมมีของฝากจากเมืองลาว มาให้พี่น้องได้อ่านกัน สิ่งที่ผมจะนำมาให้อ่านในประชาไทเป็นบทกลอนที่ผมแต่งขื้นเมื่อปี 2003 ระยะนั้นผมมองเห็นอะไรสักอย่างหนิ่งที่มันแฝงตัวอยู่กับสังคมลาว บางทีสิ่งที่พูดอาจไม่ใช่เป็นสิ่งที่เกีดขื้นในเมืองลาวเพียงอย่างเดียว......แต่มันอาจเป็นสิ่งที่เกีดขื้นในทั่วโลกก็เป็นได้ แต่ในที่นี้ผมขอใช้เป็นสำนวนภาษาลาว
ด้านหนิ่งสมบูรณ์ด้วย มูนมากเงินคำ
ด้านหนิ่งต่ำเพียงดิน คอบความจนไฮ้(ไร้)
เปลียบเหมือนไฟลามไหม้ มะไลกันบ่ดับมอด เป็นแล้ว
สองส้นเตาะต่อยดั้น ครือพ้าบั่นขวาน
ยามเมื่องกางต่อน้ำ พัดขาดเป็นวัง
กางต่อฟังคำหวาน พัดได้ยินเสียงป้อย(ด่า)
กินอ้อยซงชิหวานใส้ ทางในพัดขมขื่น
บืนลุกลุยดุ่งดั้น ปีนขื้นพัดตู่ดลง
ใจประสงค์อยากม้าง ภูเกลื่อนพังทลาย
กายพัดผ่อมบ่มีแฮง แย่งย่อโตนเต้น
อยากเห็นนงนางน้อง คนงามเขากล่าว
ก่อหากหากล่าวเว้า เพราะเขีนชั้นชาตตระกุล
บุณมีแต่บ่ได้พบพ้อ มะนีค่าคำแสน
อยากได้แหวนเพ็ตนิล บ่มีเงินชื้
คิดอยากเป็นคนโก้ กายโตพัดหม้องม่น
ดูตนเพื่นบ่แพ้แล้ว แนวอยาใส้ก็บ่มี
ความดีก็อยากได้ ใจพัดไฝ่ตัญหา
อยากได้ปลาพัดดืงแห ใส่รูกระปูน้อย
กอยหากมีเต็มบ้าน ตาหวานบ่เลี้ยวใส่
ใจหนิ่งคิด ใจหนิ่งเลี้ยว บ่เหลียวล้ำบ่อนจริง นั้นน่อ