Skip to main content

ในบรรดานายกรัฐมนตรีของประเทศไทยทั้ง 4 ราย คุณยิ่งลักษณ์คือนายกรัฐมนตรีคนเดียวที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ยิ่งกว่านั้นคือเธอชนะการเลือกตั้งครั้งที่มีผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งมากถึงร้อยละ 75 โดยพรรคของเธอได้คะแนนเสียง 15.7 ล้านเสียง คิดเป็น 265 ที่นั่ง และมีผู้ลงคะแนนเลือกพรรคนี้ร้อยละ 48.4 จากผู้ลงคะแนนทุกคน

สำหรับอดีตนายกในรูปสามราย รายแรกเป็นนายกรัฐมนตรีโดยไม่ได้ผ่านการเลือกตั้ง รายที่สองเป็นนายกเพราะรัฐประหาร 2534 และรายที่สามเป็นนายกหลังรัฐประหาร 2549

ในแง่การดำรงอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นอกเหนือจากพลเอกเปรมแล้ว ยิ่งลักษณ์เป็นนายกที่อยู่ในตำแหน่งนานกว่าอดีตนายกอานันท์และสุรยุทธ์ เพราะถึงเดือนธันวาคม ยิ่งลักษณ์เป็นนายกไปแล้ว 2 ปี 4 เดือน ส่วนคุณอานันท์เป็นนายกสองสมัยรวมกัน 1 ปี 4 เดือน ส่วนอีกรายป็นนายก 1 ปี กับ 120 วัน

ความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของรูปนี้ไม่เพียงแต่เป็นการบรรจบกับของนายกที่มาจากที่มาที่ต่างกันสองแบบ แบบแรกคือมาจากการเลือกตั้งของประชาชน แบบที่สองคือมาจากการแต่งตั้งหรือการเชิญของคนกลุ่มน้อย นอกจากนั้นคือรูปตอกย้ำความยอมรับที่ประชาชนมีต่อนายกแต่ละคนแตกต่างกัน แบบหนึ่งคือมีประชาชนราว 15 ล้าน เลือกให้เป็นนายก ส่วนแบบที่สองคือเป็นนายกในวันที่ประชาชนเจ้าของประเทศไม่เคยมีสิทธิรู้เลยว่าท่านเหล่านี้จะเข้ามีอำนาจบริหารบ้านเมือง

ใครที่กำลังฮึกเหิมกับการล้มระบบที่มาจากการเลือกตั้ง โปรดนึกถึงข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตรฺ์ทั้งหมดนี้ไว้ให้ดีๆ จะได้ไม่ประเมินสถานการณ์ผิด แล้วทำในสิ่งที่อีกหลายปีพวกท่านต้องกลับมานั่งเสียใจ

เครเดิตภาพจาก Voice TV

 

 

บล็อกของ ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์

ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์
ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองที่ยกระดับเป็นการเผชิญหน้าที่มีสัญญาณสู่ความรุนแรงโดยไม่ขาดสายในเวลานี้  Pronunciamiento คือปฏิบัติการทางทหารรูปแบบใหม่ซึ่งจะเกิดขึ้นโดยอาศัยสถานการณ์ไม่สงบและเครือข่ายมวลชนเพื่อทำให้รัฐประหารเป็นปฏิบัติการที่มีความชอบธรรม ประชาชนผู้ปฏิเสธการปกครองด้วยกำลังและความรุนแรงจึงจำเป็นต้องทำความเข้าใจปรากฏการณ์นี้   หาไม่แล้วสังคมไทยก็จะเดินไปสู่ระบอบที่อันตรายกับทุกคน