Skip to main content

  


นึกไม่ออกแล้วว่าเคยไปร่วมงานวันเด็กครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่
พยายามนึก...
ลูกก็ยังไม่มี หลานรึ ก็ไม่เคยได้พาไป เพราะไม่ค่อยได้อยู่บ้าน

งานวันเด็กครั้งสุดท้ายของตัวเองน่าจะเป็นตอนที่ยังเรียนอยู่ชั้น ป.๖ นั่นแหละ เพราะหลังจากนั้น พอขึ้นชั้น ม.๑ ความแก่แดดแก่ลมของฉันก็พลันให้รู้สึกว่าตัวเองเป็นสาววัยรุ่นแล้ว ไม่ใช่เด็ก จึงไม่เคยไปวอแวงานวันเด็กอีก ไม่อย่างนั้น เค้าจะหาว่าเด็ก

จนปีใหม่นี้ฉันมีโอกาสไปนอนมองพระจันทร์กลางทุ่งนา มองฟ้าพร่างดาวเคลื่อนคล้อยข้ามคืนข้ามปีในช่วงปีใหม่ที่อำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร ก็เลยได้อยู่ยาวมาเรื่อยจนถึงงานวันเด็กของหมู่บ้าน

หลานสาวเพียงคนเดียวของครอบครัวที่ฉันมาอาศัยกระท่อมนอนอยู่ กำลังเรียนอยู่ชั้นป.๑ อายุ ๖ ขวบ ต้องไปเต้นในงานวันเด็กด้วย สมาชิกของครอบครัวนี้เห่อกันทั้งบ้านจึงขนกันนั่งท้ายกระบะรถ รวม ๘ คนไปดูหลานสาวเต้นเพลง
"คนบ้านเดียวกัน"

หมู่บ้านละแวกนี้ส่วนใหญ่ฐานะยากจน ดังนั้น ชุดเต้นรำของเด็กๆ จึงเป็นชุดที่ใครจะแต่งอย่างไรก็ได้ขอให้ออกมาดูดีดูสวยที่สุดพอ ไม่มีการตัดเย็บใหม่ให้ชุดเสื้อผ้าเหมือนกันอย่างที่เราเห็นตามหัวเมือง

น้องกุ๊กกิ๊ก หลานสาวตัวน้อยถูกจับผูกผมหลายจุกให้ดูเก๋ไก๋ด้วยไหมพรมสีม่วงและชุดสีชมพูตัวเก่ง นี่คือชุดสวยที่สุดของเด็กหญิงแล้ว เมื่อไปรวมกับเพื่อนๆ ที่โรงเรียนที่ต่างคนต่างแต่ง ก็กลายเป็นเหมือนงานปาร์ตี้ ชุดไม่เหมือนกันไม่เป็นไร ขอให้พวกเราเต้นมันเป็นพอ

ฉันสะพายกล้องไปตั้งใจจะถ่ายรูปเด็กหญิงไว้เป็นที่ระลึก เมื่อเข้าไปยังห้องโถงของอาคารเรียนที่เขาจัดงานวันเด็ก ก็ให้รู้สึกแปลกใจว่า ทำไมเด็กมีน้อยจัง อยู่กันแค่กระจุกหนึ่ง หรือว่างานวันเด็กวันนี้มากันเฉพาะเด็กที่ได้เต้นเท่านั้น

อาสาวของเด็กหญิงบอกกับฉันว่า มีเท่านี้แหละ โรงเรียนนี้มีนักเรียนน้อย ประมาณเจ็ดสิบคนเท่านั้นนับตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงป.๖

ฉันได้แต่ฉงน โรงเรียนออกจะกว้างใหญ่ อาคารเรียนก็ใหญ่โต ถ้าเทียบกับโรงเรียนประถมเชิงเขาที่ฉันเคยเรียน โรงเรียนแห่งนั้นมีนักเรียนถึงสี่ร้อยกว่าคน ทั้งที่มีขนาดของบริเวณโรงเรียนและอาคารเรียนพอๆ กันกับที่นี่แหละ

น้องสาวคนสวยยิ้ม บอกว่า เดี๋ยวนี้โรงเรียนตามหมู่บ้านเป็นอย่างนี้แหละค่ะพี่ เพราะคนส่วนใหญ่ถ้าเขาพอมีฐานะหน่อย เขาจะพาลูกไปเรียนในเมือง มันเป็นค่านิยมแบบนี้
อ้อ!
ฉันถึงได้พยักหน้า เข้าใจ นี่ ไม่ใช่ค่านิยมเฉพาะคนแถวนี้หรอก ดูแล้วก็น่าจะเป็นทั้งประเทศ เพราะเชื่อว่าโรงเรียนในเมืองย่อมดีกว่า แต่ไหนแต่ไรมา ไม่ว่ากรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัด มาตรฐานการเรียนการสอนของแต่ละโรงเรียนไม่เท่าเทียมกันนั้นเป็นมานานแล้ว ดังนั้น เราจึงมักจะเห็นช่วงก่อนเปิดเทอม พ่อแม่ของเด็กมักต้องหาเงินวิ่งเต้นเพื่อให้ลูกเข้าโรงเรียนดังๆ เสมอ

โรงเรียนบ้านนอกก็เลยกลายเป็นโรงเรียนของคนบ้านนอกระดับปลายแถว ซึ่งใช่แน่เสมอไปว่าโรงเรียนบ้านนอกจะไร้คุณภาพเสมอไป แถมใช่ว่าจะไม่สนุกเสมอไป

  

วันเด็กของโรงเรียนบ้านกุดแดงที่มีเด็กๆ กระจึ๋งหนึ่ง จึงเกิดความน่ารักไปอีกแบบ นับตั้งแต่การแต่งเวทีที่ไม่มีเวที ลานเล็กๆ ที่ให้เด็กๆ ได้ออกมาเต้นและผู้ใหญ่มอบรางวัล ซึ่งรางวัลที่เด็กๆ ได้รับก็หาใช่ได้มาจากที่ไหนอื่น แต่หากเป็นการร่วมมือร่วมใจกันของผู้ปกครองที่ต่างซื้อขนมมาสมทบคนละเล็กละน้อย จนเกิดเป็นขนมกองโตมีเพียงพอแบ่งปันให้เด็กๆ ได้อิ่มหนำทุกคน

ส่วนผู้ใหญ่ก็พากันยืนดูอยู่รอบๆ บ้างก็ลากเก้าอี้ออกไปผิงแดด ทักทายกันเพราะเป็นคนบ้านเดียวกัน
เมื่อถึงคราวลูกหลานของตนออกมาเต้นก็พากันอมยิ้ม บ้างก็ขบขัน หัวเราะเฮฮา เด็กแต่ละคนไม่ได้เก่งอย่างแดนซ์เซอร์เด็กในทีวีที่เต้นพร้อมเพรียงกันเด๊ะ แต่เด็กที่นี่นอกจากแต่งตัวตามแต่เสื้อผ้าที่มีจะอำนวยแล้ว ท่าเต้นก็ยังหลุดไปกันคนละแบบ ซึ่งไม่เป็นไร ผู้ใหญ่ที่นี่ไม่ได้จริงจัง ขอเพียงแค่ได้เห็นลูกหลานกล้าแสดงออกบ้างเท่านั้นแหละ เพราะอยู่บ้านก็เอาแต่อายๆ ให้ลองเต้นให้ดูก็ก้มหน้าอาย เต้นได้เท่านี้ก็ดีถมแล้ว

พักเที่ยงมีไอติมถังและข้าวผัดเลี้ยง ซึ่งทางโรงเรียนผัดไว้เยอะมาก จึงอิ่มหนำไปกันทั้งเด็กและผู้ปกครอง ก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับบ้านช่วงบ่าย

จบละ วันเด็กปีนี้ของที่นี่ กลับบ้านเมื่อเปิดโทรทัศน์ดู เห็นวันเด็กในกรุงเทพฯ หรือจังหวัดอื่นๆ ซึ่งยังจัดกันอย่างสนุกสนาน อดคิดไม่ได้ว่า เด็กๆ บ้านนอกจะนึกอิจฉาเด็กในเมืองหรือเปล่าหนอที่งานวันเด็กในเมืองดูน่าสนุกกว่าเยอะเลย

ครั้นมองออกไปนอกบ้านเห็นเด็กหญิงกุ๊กกิ๊กกำลังหิ้วขนมถุงใหญ่วิ่งไล่จับลูกหมูที่ได้มาใหม่ห้าตัว ก็เลิกคิดได้ว่าเธอจะเกิดความอิจฉาเด็กในเมืองอย่างนั้น

โชคดีที่พื้นที่ของเด็กบ้านนอกที่ไกลเมืองมากๆ ทำให้พวกเขาไม่ต้องติดโทรทัศน์ ไม่ติดเกม (เพราะถ้าบ้านนอกแบบไม่ไกลเมืองมากก็มักจะรับเอาวัฒนธรรมเด็กเมืองอย่างพวกเกมต่างๆ มาเหมือนกัน) ฉันถามกุ๊กกิ๊กว่า วันเด็กสนุกไหม เธอรีบพยักหน้า
"อยากให้มีวันเด็กทุกวันไหม"
เธอรีบพยักหน้าหลายที และพูดว่า "หนูอยากกินขนมเยอะๆ อย่างนี้"
ฉันยิ้ม นึกคำถามอะไรไม่ออก

โลกของเด็กยังสดใสบริสุทธิ์ เธอยังไม่รู้หรอกว่า งานวันเด็กที่ไหนสนุกกว่าที่ไหน ไม่เคยคิดเปรียบเทียบ เพราะยังไม่เคยเห็นความแตกต่าง คนที่เห็นความแตกต่างเท่านั้นจึงคิดเปรียบเทียบ 
ซึ่งคงจะดี ถ้าผู้ใหญ่อย่างเราจะสังวรตนแต่เนิ่นๆ ว่าบางทีสิ่งที่เราเห็นว่าดีที่สุด อาจไม่ใช่ก็ได้

เด็กบางคนอาจไม่ได้ชอบงานวันเด็กที่หรูหราใหญ่โต หากสนใจแค่ขนมในมือเท่านั้น

บางทีเราคงไม่ต้องไปสอนให้เขารู้จักพอ หรือรู้จักมีความสุขในสิ่งที่ตนมีหรอก ถ้าเราไม่ไปสร้างสิ่งแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความเหลื่อมล้ำและแก่งแย่งแข่งขันให้พวกเขา เพียงแค่สอนให้พวกเขาเชื่อมั่นในตนเอง ภาคภูมิใจในตนเอง ส่วนความสุขพวกเขาหาได้ไม่ยากอยู่แล้ว

แต่ผู้ใหญ่เราต่างหากที่ต้องเตือนตัวเองให้รู้จักพอ - มีความสุขกับสิ่งที่มี มากกว่าที่จะดิ้นรนขวนขวายจนเหนื่อยล้า กระทั่งสะกดคำว่า "ความสุข" ไม่เป็น

บล็อกของ สร้อยแก้ว

สร้อยแก้ว
อืมม์... ดูเหมือนยุคนี้คนฆ่าสัตว์ตัดชีวิตจะกลายเป็นอาชญากร ไม่น่าคบไปเลยจริงๆ เมื่อฉันจัดการทุบหัวปลาโป๊กๆ สีหน้าน้องผู้หญิงบางคนเหยเก เบะปาก “กินไหมเล่า!” ฉันเอ็ดเอา “กินอ่ะ” “เออ ถ้าจะกินอย่าทำหน้าอย่างนั้น คนฆ่าเสียเซลฟ์เหมือนกัน” อืมม์... แต่จะว่าไปก็ฆ่าตัวเป็นๆ ซะหลายตัว จะไม่ให้น้องมันทำหน้าเบ้ได้ไง กับคนรู้จักมักคุ้นฉันมักออกตัวเสมอว่า ฉันไม่ใช่คนเรียบร้อยใจดีนะ ฉันเป็นคนที่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตได้โดยไม่รู้สึกผิดเลย ตกปลาฆ่าปลาได้ ยิงหนังกะติ๊กเอานกมาย่างไฟได้ ฆ่าตั๊กแตน ฆ่าแมลงต่างๆ ได้ จับปูเป็นๆ เผาบนเตาถ่านได้ หรือจับปูเป็นๆ โขลกในครกได้ (การทำน้ำปู๋ของคนเหนือ)…
สร้อยแก้ว
ถ้าไม่ใช่คนอีสาน จะมีใครบ้างหนอ รู้จักแมงหัวหงอก ? โอ้! จ๊อด มันน่าตื่นตาตื่นใจเสียจริง ขนาดว่าฉันโตมากับป่าเขา ใช้ชีวิตอย่างคนบ้านนอกเหมือนกัน แต่ก็ใช่ว่าบ้านนอกทุกพื้นที่จะเหมือนกันเสียเมื่อไหร่ แมงหัวหงอกพากันมาจับต้นไม้ไร้ใบ ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทันมีใครสังเกต เห็นอีกที มันก็ขาวเต็มต้นแล้ว แรกทีเดียวฉันคิดว่าเป็นครั่งเสียอีก แต่ไม่ใช่ มันเป็นแมลงเล็กๆ ขาวสะอาดทั้งตัว มีขนสีขาวตรงกลางหลังชี้ออกเหมือนขนหางนกยูง กระโดดได้ เวลาจับตัวมันไว้ในอุ้งมือมันจะกระโดดไปมาแรงทีเดียว ต้องจับลงถังน้ำ ถึงจะหมดความสามารถในการกระโดด แม้จะเป็นแมลงที่ดูสวยงาม น่ารัก แต่ว่าในเมื่อมันกินได้…
สร้อยแก้ว
แมงกุดจี่ทั้งเคยได้ยิน ทั้งเคยฟังเพลง และเคยกินมาก่อน แต่ยามได้เดินถือกระแป๋งตามเด็กสองคนไปขุดหาแมงกุดจี่ในยามเช้า ก็ยังรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้เห็นพวกมันผลุบๆ โผล่ๆ ในรู ดาวใจเป็นพี่สาวของไพจิตร เธอขุดแมงกุดจี่พลาดโดนตัวมันหลายครั้ง ทำให้ฉันขัดใจน่าดู “มา มา ขอพี่ทำหน่อยซิ” ฉันว่าฉันมือเบาน่าจะขุดได้ดี แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ ฉันสับเอาแมงกุดจี่หัวขาด ตัวขาด รุ่งริ่ง เสียจนน่าเวทนา เด็กหญิงไพจิตรร้องเสียงหลงทุกทีที่ฉันยั้งมือไม่ทัน คมเสียมสับลงกลางตัวแมงสีดำๆ นั้นเสียแล้ว
สร้อยแก้ว
เดือนเมษายน เมื่อฉันกลับไปยังศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านอีกครั้ง ภาพของผืนดินแล้ง หญ้าแห้ง และต้นไม้ใบร่วงยืนโดดเดี่ยวเดียวดายที่เห็นชินตาก็แปรเปลี่ยนไปสายฝนที่สาดเทลงมาเพียงไม่กี่ครั้งได้ลบล้างโลกสีน้ำตาลให้หายไป สองข้างทางระหว่างที่รถสามล้อเครื่องนำพาไปมีทิวหญ้าสีเขียวระบัดใบตลอดทาง ต้นไม้ใบแห้งผลิใบเขียวชะอุ่ม และผืนดินแล้งก็มีพุ่มไม้ใบขึ้นเป็นกอเล็กกอน้อยนับว่าชวนตื่นตาตื่นใจไม่น้อยสำหรับเวลาที่หายไปเพียงยี่สิบวัน ผืนดินก็เปลี่ยนแปลงได้เพียงนี้