Skip to main content

  


นึกไม่ออกแล้วว่าเคยไปร่วมงานวันเด็กครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่
พยายามนึก...
ลูกก็ยังไม่มี หลานรึ ก็ไม่เคยได้พาไป เพราะไม่ค่อยได้อยู่บ้าน

งานวันเด็กครั้งสุดท้ายของตัวเองน่าจะเป็นตอนที่ยังเรียนอยู่ชั้น ป.๖ นั่นแหละ เพราะหลังจากนั้น พอขึ้นชั้น ม.๑ ความแก่แดดแก่ลมของฉันก็พลันให้รู้สึกว่าตัวเองเป็นสาววัยรุ่นแล้ว ไม่ใช่เด็ก จึงไม่เคยไปวอแวงานวันเด็กอีก ไม่อย่างนั้น เค้าจะหาว่าเด็ก

จนปีใหม่นี้ฉันมีโอกาสไปนอนมองพระจันทร์กลางทุ่งนา มองฟ้าพร่างดาวเคลื่อนคล้อยข้ามคืนข้ามปีในช่วงปีใหม่ที่อำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร ก็เลยได้อยู่ยาวมาเรื่อยจนถึงงานวันเด็กของหมู่บ้าน

หลานสาวเพียงคนเดียวของครอบครัวที่ฉันมาอาศัยกระท่อมนอนอยู่ กำลังเรียนอยู่ชั้นป.๑ อายุ ๖ ขวบ ต้องไปเต้นในงานวันเด็กด้วย สมาชิกของครอบครัวนี้เห่อกันทั้งบ้านจึงขนกันนั่งท้ายกระบะรถ รวม ๘ คนไปดูหลานสาวเต้นเพลง
"คนบ้านเดียวกัน"

หมู่บ้านละแวกนี้ส่วนใหญ่ฐานะยากจน ดังนั้น ชุดเต้นรำของเด็กๆ จึงเป็นชุดที่ใครจะแต่งอย่างไรก็ได้ขอให้ออกมาดูดีดูสวยที่สุดพอ ไม่มีการตัดเย็บใหม่ให้ชุดเสื้อผ้าเหมือนกันอย่างที่เราเห็นตามหัวเมือง

น้องกุ๊กกิ๊ก หลานสาวตัวน้อยถูกจับผูกผมหลายจุกให้ดูเก๋ไก๋ด้วยไหมพรมสีม่วงและชุดสีชมพูตัวเก่ง นี่คือชุดสวยที่สุดของเด็กหญิงแล้ว เมื่อไปรวมกับเพื่อนๆ ที่โรงเรียนที่ต่างคนต่างแต่ง ก็กลายเป็นเหมือนงานปาร์ตี้ ชุดไม่เหมือนกันไม่เป็นไร ขอให้พวกเราเต้นมันเป็นพอ

ฉันสะพายกล้องไปตั้งใจจะถ่ายรูปเด็กหญิงไว้เป็นที่ระลึก เมื่อเข้าไปยังห้องโถงของอาคารเรียนที่เขาจัดงานวันเด็ก ก็ให้รู้สึกแปลกใจว่า ทำไมเด็กมีน้อยจัง อยู่กันแค่กระจุกหนึ่ง หรือว่างานวันเด็กวันนี้มากันเฉพาะเด็กที่ได้เต้นเท่านั้น

อาสาวของเด็กหญิงบอกกับฉันว่า มีเท่านี้แหละ โรงเรียนนี้มีนักเรียนน้อย ประมาณเจ็ดสิบคนเท่านั้นนับตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงป.๖

ฉันได้แต่ฉงน โรงเรียนออกจะกว้างใหญ่ อาคารเรียนก็ใหญ่โต ถ้าเทียบกับโรงเรียนประถมเชิงเขาที่ฉันเคยเรียน โรงเรียนแห่งนั้นมีนักเรียนถึงสี่ร้อยกว่าคน ทั้งที่มีขนาดของบริเวณโรงเรียนและอาคารเรียนพอๆ กันกับที่นี่แหละ

น้องสาวคนสวยยิ้ม บอกว่า เดี๋ยวนี้โรงเรียนตามหมู่บ้านเป็นอย่างนี้แหละค่ะพี่ เพราะคนส่วนใหญ่ถ้าเขาพอมีฐานะหน่อย เขาจะพาลูกไปเรียนในเมือง มันเป็นค่านิยมแบบนี้
อ้อ!
ฉันถึงได้พยักหน้า เข้าใจ นี่ ไม่ใช่ค่านิยมเฉพาะคนแถวนี้หรอก ดูแล้วก็น่าจะเป็นทั้งประเทศ เพราะเชื่อว่าโรงเรียนในเมืองย่อมดีกว่า แต่ไหนแต่ไรมา ไม่ว่ากรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัด มาตรฐานการเรียนการสอนของแต่ละโรงเรียนไม่เท่าเทียมกันนั้นเป็นมานานแล้ว ดังนั้น เราจึงมักจะเห็นช่วงก่อนเปิดเทอม พ่อแม่ของเด็กมักต้องหาเงินวิ่งเต้นเพื่อให้ลูกเข้าโรงเรียนดังๆ เสมอ

โรงเรียนบ้านนอกก็เลยกลายเป็นโรงเรียนของคนบ้านนอกระดับปลายแถว ซึ่งใช่แน่เสมอไปว่าโรงเรียนบ้านนอกจะไร้คุณภาพเสมอไป แถมใช่ว่าจะไม่สนุกเสมอไป

  

วันเด็กของโรงเรียนบ้านกุดแดงที่มีเด็กๆ กระจึ๋งหนึ่ง จึงเกิดความน่ารักไปอีกแบบ นับตั้งแต่การแต่งเวทีที่ไม่มีเวที ลานเล็กๆ ที่ให้เด็กๆ ได้ออกมาเต้นและผู้ใหญ่มอบรางวัล ซึ่งรางวัลที่เด็กๆ ได้รับก็หาใช่ได้มาจากที่ไหนอื่น แต่หากเป็นการร่วมมือร่วมใจกันของผู้ปกครองที่ต่างซื้อขนมมาสมทบคนละเล็กละน้อย จนเกิดเป็นขนมกองโตมีเพียงพอแบ่งปันให้เด็กๆ ได้อิ่มหนำทุกคน

ส่วนผู้ใหญ่ก็พากันยืนดูอยู่รอบๆ บ้างก็ลากเก้าอี้ออกไปผิงแดด ทักทายกันเพราะเป็นคนบ้านเดียวกัน
เมื่อถึงคราวลูกหลานของตนออกมาเต้นก็พากันอมยิ้ม บ้างก็ขบขัน หัวเราะเฮฮา เด็กแต่ละคนไม่ได้เก่งอย่างแดนซ์เซอร์เด็กในทีวีที่เต้นพร้อมเพรียงกันเด๊ะ แต่เด็กที่นี่นอกจากแต่งตัวตามแต่เสื้อผ้าที่มีจะอำนวยแล้ว ท่าเต้นก็ยังหลุดไปกันคนละแบบ ซึ่งไม่เป็นไร ผู้ใหญ่ที่นี่ไม่ได้จริงจัง ขอเพียงแค่ได้เห็นลูกหลานกล้าแสดงออกบ้างเท่านั้นแหละ เพราะอยู่บ้านก็เอาแต่อายๆ ให้ลองเต้นให้ดูก็ก้มหน้าอาย เต้นได้เท่านี้ก็ดีถมแล้ว

พักเที่ยงมีไอติมถังและข้าวผัดเลี้ยง ซึ่งทางโรงเรียนผัดไว้เยอะมาก จึงอิ่มหนำไปกันทั้งเด็กและผู้ปกครอง ก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับบ้านช่วงบ่าย

จบละ วันเด็กปีนี้ของที่นี่ กลับบ้านเมื่อเปิดโทรทัศน์ดู เห็นวันเด็กในกรุงเทพฯ หรือจังหวัดอื่นๆ ซึ่งยังจัดกันอย่างสนุกสนาน อดคิดไม่ได้ว่า เด็กๆ บ้านนอกจะนึกอิจฉาเด็กในเมืองหรือเปล่าหนอที่งานวันเด็กในเมืองดูน่าสนุกกว่าเยอะเลย

ครั้นมองออกไปนอกบ้านเห็นเด็กหญิงกุ๊กกิ๊กกำลังหิ้วขนมถุงใหญ่วิ่งไล่จับลูกหมูที่ได้มาใหม่ห้าตัว ก็เลิกคิดได้ว่าเธอจะเกิดความอิจฉาเด็กในเมืองอย่างนั้น

โชคดีที่พื้นที่ของเด็กบ้านนอกที่ไกลเมืองมากๆ ทำให้พวกเขาไม่ต้องติดโทรทัศน์ ไม่ติดเกม (เพราะถ้าบ้านนอกแบบไม่ไกลเมืองมากก็มักจะรับเอาวัฒนธรรมเด็กเมืองอย่างพวกเกมต่างๆ มาเหมือนกัน) ฉันถามกุ๊กกิ๊กว่า วันเด็กสนุกไหม เธอรีบพยักหน้า
"อยากให้มีวันเด็กทุกวันไหม"
เธอรีบพยักหน้าหลายที และพูดว่า "หนูอยากกินขนมเยอะๆ อย่างนี้"
ฉันยิ้ม นึกคำถามอะไรไม่ออก

โลกของเด็กยังสดใสบริสุทธิ์ เธอยังไม่รู้หรอกว่า งานวันเด็กที่ไหนสนุกกว่าที่ไหน ไม่เคยคิดเปรียบเทียบ เพราะยังไม่เคยเห็นความแตกต่าง คนที่เห็นความแตกต่างเท่านั้นจึงคิดเปรียบเทียบ 
ซึ่งคงจะดี ถ้าผู้ใหญ่อย่างเราจะสังวรตนแต่เนิ่นๆ ว่าบางทีสิ่งที่เราเห็นว่าดีที่สุด อาจไม่ใช่ก็ได้

เด็กบางคนอาจไม่ได้ชอบงานวันเด็กที่หรูหราใหญ่โต หากสนใจแค่ขนมในมือเท่านั้น

บางทีเราคงไม่ต้องไปสอนให้เขารู้จักพอ หรือรู้จักมีความสุขในสิ่งที่ตนมีหรอก ถ้าเราไม่ไปสร้างสิ่งแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความเหลื่อมล้ำและแก่งแย่งแข่งขันให้พวกเขา เพียงแค่สอนให้พวกเขาเชื่อมั่นในตนเอง ภาคภูมิใจในตนเอง ส่วนความสุขพวกเขาหาได้ไม่ยากอยู่แล้ว

แต่ผู้ใหญ่เราต่างหากที่ต้องเตือนตัวเองให้รู้จักพอ - มีความสุขกับสิ่งที่มี มากกว่าที่จะดิ้นรนขวนขวายจนเหนื่อยล้า กระทั่งสะกดคำว่า "ความสุข" ไม่เป็น

บล็อกของ สร้อยแก้ว

สร้อยแก้ว
นั่งดูบอลคู่นี้อย่างไม่ตั้งใจนัก เผอิญว่ากดรีโมทโทรทัศน์มาเจอเข้าพอดี เลยคิดว่าอยากจะเชียร์บอลไทยสักหน่อย ดูเวลาการแข่งขันตอนนั้นก็เข้าสู่นาทีที่เจ็ดสิบกว่าแล้ว ไทยนำอยู่ 2-1 ดูไปได้ไม่ทันไร ก็มาถึงจังหวะการกระโดดแย่งบอลกันกลางอากาศ นักเตะไทยเป็นฝ่ายกระโดดได้สูงกว่าและโดนลูกบอล แต่เมื่อเท้าแตะถึงพื้น นักเตะไทยวิ่งต่อ ส่วนนักเตะเลบานอนลงไปนอนกับพื้น เอากุมหัว ดิ้นอย่างเจ็บปวดสักพักเมื่อเขาลุกขึ้น สิ่งที่เห็นก็คือเลือดอาบหน้าและสองมือที่กุมเอาไว้ เลือดออกเยอะมากขนาดที่เห็นแล้วต้องเบะปาก ขณะที่เพื่อนร่วมทีมวิ่งมาดู นักเตะไทยเดินยิ้ม ยักไหล่ แพทย์สนามก็มาช้าเหลือเกิน เกมรึ…
สร้อยแก้ว
หลังการจากไปของพี่ปุ๋ย (นันทโชติ ชัยรัตน์) วันหนึ่งของต้นฤดูหนาว พี่แป๊ะ ภรรยาพี่ปุ๋ยก็มีดำริจะปลูกบ้านเป็นของตัวเองเสียที โดยพี่แป๊ะได้ซื้อไม้จากบ้านเก่าหลังหนึ่งไว้ ก่อนการเริ่มต้นปลูกบ้าน พี่แป๊ะจึงต้องหาคนมารื้อเอาไม้จากบ้านเก่าก่อน ซึ่งก็ได้น้องนุ่งแรงดีจากลุ่มน้ำมูนและหนุ่มในเมืองอย่างเอก และผู้อาวุโสแต่หัวใจวัยรุ่นอย่างพ่อถาหนึ่งในแกนนำปากมูน แห่งบ้านนาหว้า มาช่วยกันคนละไม้ละมือ
สร้อยแก้ว
(ขอความกรุณาสวมเสื้อขาว, สีฟ้า หรือสีที่ดูเหมาะสม ยกเว้นอย่าสวมเสื้อสีเหลืองหรือสีแดง เพราะจะทำให้แตกสามัคคี) ข้อความในวงเล็บนี้ทำเอาฉันอมยิ้มจนเกือบเผลอหัวเราะนี่คือจดหมายเชิญเดินเทิดพระเกียรติของชมรมผู้สูงอายุตำบลหารแก้วที่ประธานชมรมถึงกับควบมอเตอร์ไซค์แถดๆ มาหาพ่อถึงบ้าน
สร้อยแก้ว
 ฉันมีโอกาสไปร่วมงานรางวัลลูกโลกสีเขียว ครั้งที่ ๑๐ ปีนี้ เลยทำให้อดคิดไม่ได้ว่า รางวัล มีความหมายอย่างไรต่อชีวิตคนบ้าง ลองเปิดพจนานุกรมฉบับบัณฑิตยสถานดู เขาก็บอกว่ารางวัลคือ สิ่งของหรือเงินที่ได้มาจากความดี ความชอบ หรือความสามารถย้อนทบทวนตอนเด็กๆ รางวัลแรกของฉันมาจากการวิ่งได้ที่ ๓ จากการวิ่งแข่งกันสี่คน (เกือบไป!) โชคดีได้ขึ้นแท่นรับรางวัลกับเขา ยิ้มแก้มแทบปริ และเมื่อถึงบ้านก็รีบเอาสมุดดินสอมาให้พ่อกับแม่ดู
สร้อยแก้ว
ไม่รู้ทำไม จู่ๆ ภาพของเพื่อนสนิทคนหนึ่งในวันที่เข็นรถเด็กที่มีเด็กหญิงวัยแปดเดือนนั่งยิ้มแฉ่งเดินเล่นยามเย็นนอกเมืองก็โผล่ขึ้นมาในห้วงคำนึงในวันฝนตก ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวกันเลยสักนิด เธอดูมีความสุขปลอดโปร่งใจดีเหลือเกิน เธอบอกฉันว่า แต่ก่อน เธอมองชีวิตแบบเอ็นจีโอ ใส่เสื้อผ้าฝ้าย ใช้ข้าวของอย่างประหยัด หน้าตาไม่แต่ง เธอเชื่อมั่นในวิธีคิดแบบนั้น ศรัทธาคนเหล่านั้น แต่วันเวลาก็ทำให้เธอเห็นว่าคนเหล่านั้นก็เป็นเพียงปุถุชนธรรมดาๆ เท่านั้น พวกเขาไม่ได้ดีอย่างที่เรามอบความศรัทธาให้ เธอไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงใช้ชีวิตตามแนวคิดอย่างนั้นได้อย่างเชื่อมั่นอยู่ตั้งหลายปี…
สร้อยแก้ว
สำหรับนักเขียน ยามคอมพิวเตอร์มีปัญหานับว่าเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว เพราะแต่ละวันไม่ว่ายังไงก็ต้องได้ลูบๆ เคาะๆ วันละนิดละหน่อยจนเคยชิน ครั้นเมื่อมันเกิดปัญหาขลุกขลัก แม้จะรู้สึกเซ็งๆ แต่ก็ต้องทนหอบหิ้วมันไปหาช่าง – คนที่เราคิดว่าเขารู้ดีกว่าเราแต่การเลือกช่างก็เหมือนการเลือกหมอรักษาอาการป่วยของเรานั่นแหละ หากยามใดเราไปเจอหมอที่วินิจฉัยโรคเราผิด จากที่ไม่ได้เป็นอะไรเลยแต่กลับบอกว่าเป็นโรคร้ายต้องผ่าตัดไปหลายยก เจ็บกาย เสียเวลา เสียเงิน เพื่อที่จะพบว่า ที่แท้เราไม่ได้เป็นอะไรเลย ความรู้สึกโกรธและไม่อาจทำใจยอมรับกับความสูญเสียที่เกิดขึ้นได้ง่ายๆ…
สร้อยแก้ว
ชาวบ้านห้วยสะคามตื่นเต้น ใช้ไฟฟรี ประหยัดกันยกใหญ่! อยากให้พาดหัวข่าวแบบนี้ในหน้าหนังสือพิมพ์บ้างจัง แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องเล็กมากของประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ขัดแย้งใหญ่หลวงของบ้านเมืองยามนี้ นโยบายอะไรๆ ของรัฐบาลก็ไม่ดีทั้งนั้น ในฐานะที่ไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบางอะไรมากเกี่ยวกับนโยบายประชานิยม แต่ว่าพอเข้าใจหัวจิตหัวใจของชาวบ้านตาดำๆ ซึ่งเวลาลงคะแนนเลือกตั้งเสียงของเขาก็มีค่าเท่ากับศาสตราจารย์หรือด๊อกเตอร์ในเมืองไทย เขาก็มองเห็นผลดีผลได้เท่าที่จับต้องได้ ไม่ต้องอ้างเอ่ยว่าเขาซื้อเสียงง่ายหรอก แต่เขาเห็นว่าเขาได้อะไรจากรัฐบาลชุดที่แล้ว (ยุคทักษิณ) เขาถึงเลือกและชอบ
สร้อยแก้ว
ภาพจาก http://www.blogth.com/blog/ddimg/uploadimg/20070514/093435918.jpgอาจไม่ต้องถึงขั้นเป็นคอบอล เป็นแค่ผู้นิยมกีฬาฟุตบอลก็คงต้องอยากดูเกมระหว่างแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด กับเชลซีเมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน ที่ผ่านมาว่าจะเป็นอย่างไร เปิดฤดูกาลของพรีเมียร์ลีก เชลซีเดินหน้าชนะทุกนัดเก็บมาได้เก้าคะแนนเต็ม เป็นการออกสตาร์ทที่สวยงามและทั้งนักเตะทั้งแฟนบอลเต็มไปด้วยความฮึกเหิม ขณะที่แชมป์เก่าอีกทั้งยังเป็นแชมป์ถ้วยฟุตบอลสโมสรยุโรปซะด้วย กลับเก็บมาได้เพียงสี่คะแนน แพ้บ้าง เสมอบ้าง จนแฟนๆ ชักใจคอไม่ดี แม้ฤดูกาลที่แล้วก็ออกสตาร์ทไม่ดีเหมือนกันแต่สุดท้ายก็ได้ถ้วย…
สร้อยแก้ว
โขงเจียมคือชื่ออำเภอหนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานี อันเป็นที่รู้จักกันดีว่า เป็นเมืองที่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นก่อนใครในสยามเพราะอยู่ทิศตะวันออกสุดของประเทศ และยังเป็นที่รู้จักอีกในฐานะที่มีแม่น้ำสายสำคัญของอีสานสองสายมาบรรจบคือแม่น้ำมูลและแม่น้ำโขง จุดที่บรรจบกันนั้นเรียกกันอย่างไพเราะว่า แม่น้ำสองสี โขงสีขุ่น มูลสีคราม (แต่ตอนนี้ขุ่นทั้งคู่ หากอยากเห็นมูลสีครามน่าจะเป็นช่วงหน้าแล้ง) โขงเจียมมีฐานะเป็นอำเภอ แต่อำเภอนี้เล็กเหมือนหมู่บ้าน ค่ำมาราวสักสองทุ่มก็เงียบแล้ว บางบ้านเข้านอน บางบ้านอาจจะยังนั่งพูดคุยกันอยู่หน้าบ้าน แต่คุยกันอย่างเงียบๆ ไม่กระโตกกระตาก สงบดีเหลือเกิน…
สร้อยแก้ว
ฤดูฝน นาพ่อสนเขียวไสวด้วยต้นข้าว ยามเช้าน้ำค้างชุ่มหญ้า ชุ่มพุ่มไม้ ครั้นเมื่อแสงแดดโผล่พ้นจากหมู่เมฆ ท้องนาสีเขียวยิ่งดูกระจ่างตา เหลียวมองรอบๆ แสนสบายตาสบายใจ เอ แล้วดอกอะไรกันหนอสีแดงขาว เป็นพุ่มไม้ใหญ่อยู่หน้าเถียงนาอีกแห่งนั่น ? เห็นแล้วก็อดคว้ากล้องเดินย่ำน้ำค้างบนคันนาไปหาดอกไม้นั้นไม่ได้ ไพจิตรเห็นก็วิ่งตามโดยทันใด เธอไม่ใส่รองเท้า ฉันบอกระวังหนาม ไพจิตรเงยหน้าขึ้นมองไม่ตอบอะไรนอกจากยิ้ม เธอทำให้ฉันอดคิดถึงครั้งหนึ่งเมื่อเราไปเที่ยวช่องเม็ก ด่านชายแดนลาวด้วยกัน
สร้อยแก้ว
ฉันถ่ายรูปไพจิตรไว้หลายรูปทีเดียว จนอดไม่ได้ที่จะเขียนถึงเธออีกครั้ง ด้วยความที่เธอบริสุทธิ์เหลือเกิน บ้านของไพจิตรอยู่ในหมู่บ้าน แต่เธอและครอบครัวมักชอบไปนอนเถียงนาที่มีวัว ควาย หมู หมา ไก่ เป็นเพื่อน ในหมู่บ้าน บ้านเรือนมักจะปลูกติดๆ กัน อันเป็นธรรมดาของสังคมหมู่บ้าน ซึ่งสมัยก่อน บ้านเรือนอาจปลูกไม่ชิดกันมากขนาดนี้ แต่เมื่อลูกหลานสร้างครอบครัวกันขึ้นมาใหม่ เริ่มปลูกบ้านหลังใหม่เพิ่ม ลักษณะหมู่บ้านจึงดูหนาแน่นขึ้น ครอบครัวของพ่อสนซึ่งรักความสันโดษเลยพากันไปนอนเถียงนาที่แสนจะเงียบสงบ อากาศเย็นสบาย และฉันก็มักไปนอนที่นั่นด้วยบ่อยๆ
สร้อยแก้ว
ดาวใจและไพจิตร เป็นชื่อของเด็กหญิงสองพี่น้อง ลูกสาวแม่พร พ่อสน คนดูแลสวน-สถานที่ของศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้าน พ่อสนมีลูกทั้งหมดสิบคน ลูกชายสองคนก่อนหน้าดาวใจ ไพจิตร ชื่อไมโคร และ นูโว นัยว่าพ่อท่าจะชอบเสียงเพลงมากถึงตั้งชื่อลูกเป็นชื่อศิลปินนักร้อง ตอนนี้ลูกๆ ของพ่อสนที่ไม่ได้เอ่ยนามล้วนออกเรือน มีครอบครัว บ้างเสียชีวิต ลูกๆ ที่ยังอยู่กับพ่อสน แม่พร จึงมีสี่คนที่ว่า (ส่วนลูกชายอีกคนหนึ่งของพ่อสนที่เคยโด่งดังในม็อบปากมูนเมื่อหลายปีก่อน จนหนังสือพิมพ์หลายฉบับต่างเขียนถึงและลงบทสัมภาษณ์ คือดาวไฮปาร์คเด็กที่ชื่อ เปาโล ตอนนี้เปาโลโตเป็นหนุ่ม แต่งงานมีลูกแล้ว) ดาวใจกับไพจิตร เป็นเด็กหญิงที่ร่าเริง…