ฤดูฝน
นาพ่อสนเขียวไสวด้วยต้นข้าว ยามเช้าน้ำค้างชุ่มหญ้า ชุ่มพุ่มไม้ ครั้นเมื่อแสงแดดโผล่พ้นจากหมู่เมฆ ท้องนาสีเขียวยิ่งดูกระจ่างตา เหลียวมองรอบๆ แสนสบายตาสบายใจ
เอ แล้วดอกอะไรกันหนอสีแดงขาว เป็นพุ่มไม้ใหญ่อยู่หน้าเถียงนาอีกแห่งนั่น ?
เห็นแล้วก็อดคว้ากล้องเดินย่ำน้ำค้างบนคันนาไปหาดอกไม้นั้นไม่ได้ ไพจิตรเห็นก็วิ่งตามโดยทันใด เธอไม่ใส่รองเท้า ฉันบอกระวังหนาม ไพจิตรเงยหน้าขึ้นมองไม่ตอบอะไรนอกจากยิ้ม เธอทำให้ฉันอดคิดถึงครั้งหนึ่งเมื่อเราไปเที่ยวช่องเม็ก ด่านชายแดนลาวด้วยกัน
ไพจิตรไม่ชอบใส่รองเท้า เธอเดินเท้าเปล่าลงจากรถ แต่บนพื้นตลาดช่องเม็กนั้นใกล้เคียงกับตลาดในเมืองมาก ยามฝนตกมันมีแอ่งน้ำขังหลายแห่ง เฉอะแฉะ ฉันกลัวเชื้อโรคจะเข้าตามผิวเท้าเธอหากว่ามีบาดแผล โดยเฉพาะฉี่หนู ไพจิตรต้องเดินกระเย้อกระแหย่งเพื่อหลบแอ่งน้ำขัง แต่กระนั้นเท้าเธอก็เลอะเละเทะด้วยดินโคลน พอกลับมาที่รถเธอรีบควานหารองเท้ามาใส่โดยดี แต่ก็ดูจะไม่ค่อยมีประโยชน์สักเท่าไหร่ เพราะเราไม่ได้ไปไหนกันแล้ว
ไพจิตรดูช่ำชองกับท้องนา - ถิ่นฐานของเธอ เธอเบียดมาใกล้ฉันและเดินแซงไป พอไปถึงพุ่มดอกไม้ เธอก็มุ่งไปหาช่อเหมาะๆ เด็ดมาสองช่อ ซึ่งเธอจะเป็นอย่างนี้ทุกครั้งที่เราไปถ่ายรูปดอกไม้ด้วยกัน
ไพจิตรชอบดอกไม้มาก ฉันก็ชอบ แต่ความชอบของฉันนั้นบันทึกมันไว้ด้วยภาพถ่าย แต่ไพจิตรเด็ดมันมาอย่างเป็นธรรมชาติ
ใช่ ในวัยเด็กเราชอบอะไรเราก็อยากเป็นเจ้าของ อยากครอบครอง มันเป็นเรื่องปกติ ความคิดเชิงอุดมคติที่ปล่อยให้มันอยู่กับต้น หรือรักแท้ต้องไม่ครอบครองนั้นหาใช่สัญชาตญาณ แต่ล้วนเป็นนามธรรมที่เรามาปลูกฝังกันทีหลัง
ไพจิตรชอบดอกไม้ดอกไหน เธอก็ตรงดิ่งไปเด็ดทันที จนบางครั้งฉันต้องร้องบอกให้ฉันถ่ายรูปก่อนค่อยเด็ด
เด็ดมาแล้ว เธอก็นำมาให้พ่อ พ่อสนบอกว่า มันคือ ดอกเอื้องดอย
ใครนำมาปลูกไม่รู้ เพราะตรงนั้นไม่ใช่นาพ่อสน
ทำไมถึงชื่อเอื้องดอยหนอ?
หรือมันมาจากภาคเหนือ
ไม่รู้สิ ลองหาดูในกูเกิลก็ไม่ได้คำตอบ
ฉันเองก็ไม่ค่อยสันทัดเรื่องดอกไม้ ไม่แน่ใจว่าเคยเห็นที่ภาคเหนือบ้างไหม แต่มันไม่ใช่เอื้องในความหมายของกล้วยไม้ มันน่าจะอยู่ในวงศ์ตระกูลของดาหลา อะไรพวกนั้น ช่วงนี้ได้น้ำฝนมันก็ผลิดอกบาน ส่งสีสันงามตา เช่นเดียวกับดวงใจชาวนาที่เบ่งบานไม่แพ้กัน
พ่อสน แม่พร ยิ้มแต้ที่ผืนนาได้ปูพรมสีเขียวเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่หลายครอบครัวที่ไม่ได้ดำนาแต่แรก ครั้นเมื่อฝนทิ้งช่วงก็ต้องรอกันก่อน จนกว่าฝนจะตกหนักหลายๆ วันติดกันอีก
การทำนาที่นี่เป็นแบบนี้ เพราะทำนาบนที่สูง ความสูงของหมู่บ้านละแวกนี้เริ่มเป็นเนินเขา เห็นได้ชัดเจนจากถนนมุ่งไปโขงเจียมที่ลาดต่ำแล้วขึ้นสูงไล่เป็นคลื่นตลอดทาง
หลายครั้งที่ฉันเห็นผืนนาหย่อมเล็กๆ แทรกกลางป่าและโขดหิน ฉันมักจะหัวเราะเบาๆ แล้วอดคิดไม่ได้ว่าที่ดินแค่นี้ก็ปลูกข้าวได้หรือ
ก็ผืนดินที่จะทำนามันมีน้อยนี่นาและก็ทำได้แค่ครั้งเดียว ดังนั้น หากผืนดินตรงไหนว่างชาวบ้านที่นี่ก็พร้อมจะลงกล้าปักดำได้ทั้งนั้น