Skip to main content
10_9_01


โขงเจียมคือชื่ออำเภอหนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานี อันเป็นที่รู้จักกันดีว่า เป็นเมืองที่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นก่อนใครในสยามเพราะอยู่ทิศตะวันออกสุดของประเทศ และยังเป็นที่รู้จักอีกในฐานะที่มีแม่น้ำสายสำคัญของอีสานสองสายมาบรรจบคือแม่น้ำมูลและแม่น้ำโขง จุดที่บรรจบกันนั้นเรียกกันอย่างไพเราะว่า แม่น้ำสองสี โขงสีขุ่น มูลสีคราม
(แต่ตอนนี้ขุ่นทั้งคู่ หากอยากเห็นมูลสีครามน่าจะเป็นช่วงหน้าแล้ง)


โขงเจียมมีฐานะเป็นอำเภอ แต่อำเภอนี้เล็กเหมือนหมู่บ้าน


ค่ำมาราวสักสองทุ่มก็เงียบแล้ว บางบ้านเข้านอน บางบ้านอาจจะยังนั่งพูดคุยกันอยู่หน้าบ้าน แต่คุยกันอย่างเงียบๆ ไม่กระโตกกระตาก สงบดีเหลือเกิน เพราะร้านค้าที่มีเสียงเพลงอยู่นอกเขตชุมชน ซึ่งอาจโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตามที่ทำให้ร้านอาหารที่มีดนตรีเล่นเพียงร้านเดียวของอำเภอไปตั้งริมสะพานนอกเมือง มันจึงกลายเป็นการแบ่งโซนที่อยู่อาศัยอย่างถูกที่ถูกทางที่สุด


โขงเจียมเป็นเหมือนหมู่บ้าน ฉันเคยพูดประโยคนี้กับรุ่นน้องที่อาศัยอยู่แถวนี้มานาน เขาบอกว่า ถูกแล้ว เพราะโขงเจียมแต่ก่อนไม่ได้ชื่อนี้ แต่ที่นี่เรียกกันว่า บ้านด่าน เคยดูไหม หนังเรื่องมนต์รักแม่น้ำมูล พระเอกเป็นคนบ้านด่าน ส่วนนางเอกเป็นคนบ้านแพ ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำมูลเรียกว่า บ้านแพ


อ้อ! ฉันพยักหน้าเข้าใจขึ้นมาก ถึงว่าโรงเรียนประถมของที่นี่มีชื่อว่าโรงเรียนบ้านด่าน


แต่ก่อนโขงเจียมไม่มีสะพานข้ามไปบ้านแพ จะมีก็แต่แพขนานยนต์ให้บริการข้ามฟากไปมา สะพานเพิ่งจะมาสร้างพร้อมกับเขื่อนปากมูลเพื่อรองรับความเจริญหลังการมีเขื่อน ร้านคาราโอเกะเพิงหมาแหงนเกิดขึ้นครั้งแรกก็เพื่อรองรับแรงงานก่อสร้าง จากนั้นก็เพิ่มมาเป็นสี่ห้าร้าน อย่างที่เห็น


อ้อ! ความเข้าใจของฉันเลยยิ่งมีมากขึ้น ถึงว่าสิ ร้านค้าที่มีเสียงเพลงเลยอยู่แถวนี้กัน


ส่วนในเมืองจะมีรถเข็นก๋วยเตี๋ยว อาหารตามสั่ง ที่เป็นร้านเฉพาะกิจพอให้ได้เห็นป้ายร้านเป็นสีสันอย่างโต้รุ่งเพียงสี่ห้าร้าน หรือจะให้ดีหน่อยเป็นร้านอาหารริมน้ำ หรือร้านอาหารที่เงียบๆ อยู่ในตัวบ้าน ไม่มีเสียงเพลง แบบนี้พอจะมีอีกสักสี่ห้าร้าน แต่ส่วนใหญ่สองสามทุ่มก็ปิด


ฉันเคยขำๆ ที่ครั้งหนึ่งพี่ๆ จากกรุงเทพฯ แวะมาเที่ยวศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้าน พอสักสองทุ่มประชุมกันเสร็จก็พากันหิวและชวนกันขับรถไปหาอะไรกินในตัวเมืองโขงเจียม


พอกลับมาคนขับรถร้องลั่นพร้อมเสียงหัวเราะ

โอ้! โขงเจียม มันช่างเต็มไปด้วยแสงสี คึกคักอึกกระทึกครึกโครมจริงๆ”

ทุกคนพากันหัวเราะ บุญแค่ไหนแล้วที่ยังพอมีร้านค้าให้ได้สั่งอาหาร

และอีกประเด็นหนึ่งที่พี่คนขับรถหัวเราะงอหาย ขำที่ตัวเองนึกไม่ถึง

โขงเจียมไม่มีเซเว่นฯ”


พี่แกขับรถวนไปมาเห็นแต่ความมืด ความเงียบ ประตูบ้านช่องปิดกันเสียส่วนใหญ่ แกไม่เคยชินเอาเสียเลย และไม่ใช่ไม่ชอบ แกชอบมาก แต่แกนึกไม่ถึงว่าเมืองนี้จะเป็นอย่างนี้


ชื่อเสียงของโขงเจียมเป็นสิ่งที่ทำให้คนคิดว่าที่นี่เป็นเมืองใหญ่ เป็นเมืองท่องเที่ยว ก็น่าจะมีสถานบันเทิง มีที่อำนวยความสะดวกเยอะๆ แต่ผิดคาด


เคยมีคนบอกว่าสาเหตุที่โขงเจียมไม่มีเซเว่นฯ เพราะมีคนมาทำการวิจัยเรื่องจำนวนคนแล้ว คนอาศัยที่นี่น้อยเกินไป การจับจ่ายก็น้อยเกินไป มันไม่คุ้มต่อการเปิด ไม่เหมือนกรุงเทพฯ แค่ถนนซอยเดียวยังมีเซเว่นฯ ถึงสามสี่ร้าน


เหตุผลอันนี้จริงเท็จประการใด ข้าพเจ้าไม่ขอคอนเฟิร์ม แต่ก็เห็นแนวโน้มอย่างนั้นจริงๆ โดยเฉพาะวิถีชีวิตที่ค่ำมาปิดบ้านนอนนี่ มันมองไม่เห็นความจำเป็นเลยว่าจะต้องไปเปิดร้านตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงทำไม


และนี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่เมื่อฉันมาอยู่แถวนี้แล้วจะต้องปรับตัวเรื่องการจับจ่ายเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากดึกมาไม่มีร้านเซเว่นฯ ให้ผลักเข้าออกตามต้องการแล้ว ตลาดเช้าที่นี่ก็วายเร็ว แถมมีช่วงเช้าช่วงเดียวเท่านั้นแหละ ไม่มีเปิดตลอดวัน และไม่มีตลาดเย็นด้วย


เอ้อ! มันเป็นเมืองที่จะว่าแปลกก็แปลก จะว่าไม่แปลกก็ไม่แปลก


เดี๋ยวตอนหน้ามาว่ากันถึงเมืองโขงเจียมกันอีกสักตอนสองตอน เนาะพี่น้องเนาะ!



บล็อกของ สร้อยแก้ว

สร้อยแก้ว
นุ่มนิ่มเหลือเกิน ลูกแม่เอ๋ย นานวัน เนื้อตัวเจ้าอวบอิ่ม กอดได้แน่นเต็มกอด หอมแก้มเจ้าได้แรงๆ เสียงหัวเราะคิกๆ คักๆ ยามแม่เอาหน้าซุกพุงนิ่ม หรือสีข้างซี่โครงน้อย เจ้าร้องลั่น หัวเราะกรี๊ดๆ จั๊กจี้จั๊กกะเดียม แม่รู้ความลับของเจ้าแล้วสิ ว่าเจ้าเองก็บ้าจี้เหมือนแม่ แต่ยิ่งเจ้าเบี่ยงตัวหนีคิกๆ แม่ก็ยิ่งอยากแกล้ง เพราะอยากยินเสียงคักๆ คิกๆ กรี๊ดกร๊าดๆ
สร้อยแก้ว
ถึง ลุงแสงดาว เช้าวันนี้แม่ตื่นตั้งแต่ยังไม่ถึงตีห้าดี แม่ย่องมาเปิดคอมพิวเตอร์ เปิดอินเตอร์เน็ต (ยามเช้าๆ เน็ตแม่จะเดินได้เร็ว คงเพราะเป็นเวลาที่ไม่ค่อยมีใครใช้งาน คลื่นอากาศเลยเดินทางได้คล่อง) แม่คงคิดว่าจะแอบทำงานตอนหนูหลับล่ะสิ เรื่องอะไร หนูจะยอมให้แม่สนุกอยู่คนเดียวล่ะ หนูไหวตัวทันหรอกน่า เลยกลิ้งซะสองรอบแล้วยันขายันแขนลุกนั่ง ร้อง อื้อๆ แม่ก็หันขวับทันที
สร้อยแก้ว
  ตาน้ำอายุครบ ๗ เดือนในวันนี้แล้ว ลูกมีภาษาของลูก และรู้วิธีสื่อสารกับแม่ ๐ ถ้าลูกเบื่อนอนเล่นหรือการนั่งอยู่กับที่ ลูกอยากให้แม่พาเดินเล่น ลูกจะเงยหน้าร้องอ้อนด้วยการทำเสียงฮือๆ หรือบางทีทำเสียงแงๆ แต่ว่าไม่มีน้ำตาหรอก ลูกแกล้งทำ พอแม่อุ้ม ลูกก็จะยิ้มร่า พร้อมกับตบบ่าแม่แปะๆ เมื่อไหร่ที่ลูกตบบ่าแม่แปะๆ นั่นแปลว่า ไป ไป เหมือนว่าแม่เป็นม้างั้นเหอะ ตบก้นแล้วไปได้
สร้อยแก้ว
  ตาน้ำ ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้นเองที่แม่หลบมารดน้ำให้หัวใจ รินลมหายใจแผ่วๆ ช้าๆ ตาน้ำ ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านี้เอง แต่มันทำให้แม่มีความสุข เพราะแม่สงบ ปลอดโปร่ง
สร้อยแก้ว
ตาน้ำ ยามเมื่อลูกนอนหลับ สิ่งที่แม่อยากทำที่สุดคืออะไรนะ เขียนหนังสือ, นอน, อยู่เฉยๆ ว่างๆ เพราะการเลี้ยงลูกเองมันเหนื่อยใช่เล่นเหมือนที่ใครหลายคนว่า แทบไม่ได้หายใจหายคอ ทั้งที่ยามลูกตื่นเราก็เล่นสนุกด้วยกัน มีความสุขเมื่อลูกอยู่ในอ้อมกอด ขำบ้าง ดุบ้างยามลูกยื้อแย่งจะเอาทุกอย่างในมือแม่
สร้อยแก้ว
  ตาน้ำ ลูกรู้สึกอย่างไรบ้างไหมขณะที่ลูกบินอยู่บนฟ้า ตาน้ำ ลูกดูดนมแม่แล้วหลับปุ๋ยขณะแม่กอดลูกไว้แนบอก แม่เหม่อมองท้องฟ้า เห็นเพียงปุยเมฆขาวฟูฟ่อง บนฟ้าช่างเวิ้งว้าง บ่อยครั้งที่แม่ไม่มั่นใจเลยว่าแม่จะเป็นแม่ที่ดีไหม แม่จะเลี้ยงลูกได้คู่ควรหรือไม่ แม่รู้สึกว่าแม่ต่ำต้อยเสมอเมื่อนึกถึงความไว้วางใจจากสวรรค์ให้ดูแลบุตรีน้อยๆ คนนี้
สร้อยแก้ว
    ตาน้ำ แม่เพิ่งรู้ว่า ยามลมพายุพัดระหว่างมีบ้านอยู่กลางหุบเขากับที่ราบโล่ง เสียงสายลมจะหวีดดังไม่เหมือนกัน
สร้อยแก้ว
แต่ก่อนฉันเคยใฝ่ฝันกับการมีบ้านมานาน แต่จนแล้วจนรอดก็มักจะรู้สึกว่ายังไม่ใช่เวลานั้น มันยังไม่ถึงเวลา ฉันยังอยากเดินทางท่องไปอยู่ ยังอยากพบเจออะไรใหม่ๆ อยู่ ดังนั้น หลายครั้งหลายหนเมื่อพบเจอปลอกหมอน ฟูกนอนพื้นบ้าน ผ้าพื้นเมืองลายคลาสสิก แก้ว จาน ชาม เซรามิกที่ถูกใจก็มักจะซื้อเก็บไว้ แต่ก็ไม่ค่อยได้นำเอาออกมาใช้
สร้อยแก้ว
  ฉันได้แต่อมยิ้มเมื่อได้ยินเสียงดุๆ ของคนขายของชำที่มีต่อเด็กหญิงตัวเล็กๆ คะเนอายุเธอน่าจะประมาณสามขวบคนขายของถามเด็กหญิงว่า "เอาอะไร"เด็กหญิงตอบอ้อมแอ้ม น้ำเสียงลังเล "เอา...เอา... เอานม!"
สร้อยแก้ว
ช่วงปิดเทอม ดาวใจกับไพจิตรได้เข้ามาที่ศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านเกือบทุกวันเพราะพ่อแม่ของเธอมารับจ้างสับมัน (มันสำปะหลัง) กับสหกรณ์ปากมูล (สหกรณ์ปากมูลและศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านอยู่ติดกัน) บางครั้งดาวใจก็รับจ้างด้วย เพราะเธอโตแล้ว อายุสิบสี่ปีกว่า เธอทำงานแบบนี้ได้สบายมาก ส่วนไพจิตรยังคงเป็นเด็กหญิงซนๆ วิ่งไปวิ่งมา ทำงานตามแต่คำบัญชาการของพ่อแม่