"ท่านเป็นเจ้านาย มีเงินเดือนกิน ท่านบ่ได้เป็นแม่ค้าหาเช้ากินค่ำ ท่านจะเว้าจังได๋ก็ได้"
คำพูดของแม่ค้าคนหนึ่งดังอยู่ข้างหูเมื่อทุกคนมายืนรอฟังคำตอบจากการไปเจรจากับทางเทศบาลมา
เสียงโทรศัพท์ที่ดังแต่เมื่อคืนบอกถึงเจตจำนงในการจะยึดพื้นที่ค้าขายกลับคืนมาในช่วงเวลาราวตีหนึ่งเศษทำให้เพื่อนบางคนที่ทำงานในศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านต้องรีบออกไปดูแต่เช้า และแน่นอนด้วยความอยากรู้อยากเห็นฉันก็ขอกระเตงติดรถไปด้วยคน
ความผูกพันของคนปากมูนที่เคยร่วมต่อสู้กันมานานนับเกือบยี่สิบปีทำให้ทุกวันนี้ แม้เรื่องราวการต่อสู้เพื่อสายน้ำอาจจะแผ่วลงไปแต่ทุกข์สุขใครมีก็ยังร่วมแชร์แบ่งปัน ดังนั้น เมื่อพี่น้องบางคนที่ประกอบอาชีพค้าขาย ไม่ว่าจะขายปูปลาหรือผักสดในตลาดได้รับความเดือดร้อน แม้ว่ายังไม่รู้จะช่วยอะไรได้บ้างแต่อย่างน้อยก็ขอได้ไปดูแล ถามไถ่ และให้กำลังใจ
ตลาดสดเทศบาลอำเภอพิบูลมังสาหารในช่วงสี่ห้าปีมานี้นับแต่มีการปรับปรุงสร้างอาคารตลาดสดขึ้นมาใหม่ พ่อค้าแม่ค้าบางส่วนก็ได้ย้ายที่ขายมาตั้งแผงริมถนนด้านข้างตลาดซึ่งมีความยาวประมาณห้าร้อยเมตร และมันกลายเป็นความเหมาะเจาะอย่างยิ่งที่ถนนเส้นข้างด้านนี้แทบไม่มีใครใช้เป็นทางสัญจรเนื่องมีถนนหลายสายใกล้ๆ ให้เลือกเดินรถมากกว่า ประกอบกับสองข้างทางมีต้นไม้เงาร่มสองฝั่ง คนมาซื้อจึงพากันเดินบนถนนเลือกซื้อของสดกันอย่างเพลินใจ มันกลายเป็นถนนคนเดินโดยอัตโนมัติ ซึ่งบรรยากาศดีกว่าข้างในมาก
เมื่อเป็นเช่นนี้จึงกลายเป็นแรงบันดาลใจให้พ่อค้าแม่ค้าคนอื่นพากันออกมาขายข้างนอกบ้างหรือบางคนเป็นแม่ค้าใหม่ก็พลอยมาจับจองที่ขายด้วย จนที่สุดแผงริมทางแห่งนี้ก็เต็มไปด้วยของสดมากมายเรียงรายไปจนสุดถนนสองฝั่ง ส่วนข้างในตลาดที่ไม่รับผลกระทบในการปรับปรุงก็ยังคงขายกันตามปกติ
อันที่จริง ฉันเคยคิดมานานแล้วว่าประเทศเมืองร้อนอย่างเรานั้นไม่เหมาะกับการมีตลาดในที่อับอุดอู้เพราะสินค้าของเรามักจะเน่าไวและอาหารหลายชนิดเป็นอาหารที่มีกลิ่นแรง ไม่ว่ากะปิ น้ำปลา ปลาร้า หรืออาหารแห้งหลายชนิดก็มีกลิ่นแรง ดังนั้น ตลาดเดินดินของชาวบ้านต่างจังหวัดที่มักจะวางแผงในที่อากาศปลอดโปร่งนั้นดูเหมาะและเข้ากันดีแล้ว อย่างเวลาไปตลาดเช้าของเมืองลาว ส่วนมากก็จะวางแบกะดินในที่โล่ง สายๆ ก็กลับบ้าน
แต่วิธีในเรื่องการจัดระเบียบของเทศกิจหรือเทศบาลนั้นก็มักจะสวนทางกับความต้องการของพ่อค้าแม่ค้าหรือแม้แต่ผู้บริโภคเสมอ เพราะค่านิยม หรือรสนิยมเดิมๆ มักจะบอกเราว่า การขายของแบบนี้ดูไม่เป็นระเบียบ ดูไม่สวยงาม (ในขณะที่กรอบคิดเรื่องความงามในแวดวงศิลปะนั้นไปไกลถึงไหนต่อไหนแล้วขนาดกรุงเทพฯ เมืองหลวงสุดเท่ ที่คนต่างจังหวัดแห่เอาอย่างเสมอนั้นก็ยังจัดงานปิดถนนให้คนเดินบ่อยๆ ถนนสีลมก็เคยปล่อยให้เด็กๆ มาละเลงสีวาดภาพเล่นบนพื้น หรือบางจังหวัดของเมืองไทยก็เคยจัดงานตลาดนัดสีเขียว เน้นบรรยากาศตลาดแบบชาวบ้าน โดยสร้างเพิงขายหลังคามุงหญ้าคา ซึ่งได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวไม่น้อยทีเดียว)
แต่เมื่อสายตาความงามของเราต่างกัน ตลาดสดที่นี่เมื่อปรับปรุงแล้วเสร็จ มุมค้าขายที่เคยเป็นที่เพลิดเพลินของคนซื้อขายจึงถูกสั่งย้ายให้กลับเข้าไปข้างในดังเดิม พ่อค้าแม่ค้าทุกคนก็ยอมไปโดยดี แต่ไปอยู่ข้างในได้หนึ่งเดือน พ่อค้าแม่ค้าบางส่วนก็ถอยกลับออกมาและตั้งหลักยึดสถานที่ค้าขายเดิมของตนดังที่มีเสียงโทรศัพท์แจ้งข่าวเมื่อคืน
"เข้าไปข้างในแล้วขายบ่ได้เลย เพราะเขาจัดโซนขายของให้เราไม่อยู่ในแถวเดียวกัน อย่างของสดไปขายกับพวกเสื้อผ้า หรือบางคนก็ได้ไปอยู่ในซอกหลังร้านเสื้อผ้า ใครจะไปซื้อ และมันก็อึดอัด"
แน่นอนว่าพ่อค้าแม่ค้าที่เคยอยู่เดิมย่อมได้เลือกพื้นที่ค้าขายที่ดีกว่า ส่วนคนที่ถูกย้ายเข้ามาก็ต้องยอมรับพื้นที่เท่าที่มีไปตามสภาพ
และที่ชวนฮาขำขันกันทุกทีที่เอยถึงความเดือดร้อนของแม่ค้า คือมีอยู่เจ้าหนึ่ง ขายปลาร้าแต่ถูกจับให้ไปอยู่ใกล้กับร้านเช่าชุดวิวาห์ คนมาลองชุดบางคนก็ปวดเศียรเวียนหัวเพราะกลิ่นปลาร้าส่วนแม่ค้าปลาร้าก็ขายไม่ได้ เพราะถูกจัดให้มาอยู่คนละทิศละทางกับพวกขายของสด
จวบหนึ่งเดือนผ่านไปเมื่อขายของกันไม่ได้เลยจึงทำให้เกิดยุทธการยึดหัวหาดการค้าเดิมเอาในดึกคืนหนึ่ง พร้อมผักสด หนังควาย กะปอม ปลาร้า ปลาเอือบ ปลาแห้ง ฯลฯ ตามแต่ชนิดสินค้าของแต่ละคน
รถดับเพลิงสองสามคันมาจอดรอไว้แล้ว รถตำรวจก็กระจายเสียงไม่ให้คนเข้ามาซื้อเพราะถือว่าผิดกฎหมาย เมื่อถึงยามสายทางเทศบาลยอมเปิดโต๊ะเจรจากับคณะกรรมการกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า ทุกคนที่มายืนจับกลุ่มคุยกันต่างบอกว่าถ้าเราไม่สามัคคีไม่เข้มแข็ง เขาคงไม่ยอมเราแน่ พวกข้างในบางคนก็รอสมน้ำหน้าอยู่
ฉันอดคิดถึงการต่อสู้ของคนกลุ่มน้อยที่เกิดขึ้นจำนวนมากในสังคมไทยเราไม่ได้ว่า มันเป็นธรรมดาเช่นนี้เอง เมื่อมีการต่อสู้เรียกร้อง จะมีคนบางกลุ่มที่ไม่เอาด้วยและรอดูความพ่ายแพ้ของอีกฝ่าย แต่แน่นอนว่าถ้าผลกลับกลายเป็นตรงกันข้าม ประโยชน์ที่ได้ ตนก็มีส่วนที่จะได้รับเช่นกัน แม่ค้าบางคนบอกว่า คอยดูเถอะ ถ้าเขาอนุญาตให้ขายข้างนอกได้ตามเดิม เดี๋ยวพวกนั้นก็จะออกมาเหมือนกัน
อันที่จริง ข้อเรียกร้องของแม่ค้าพ่อค้าหาใช่จะต้องออกมาข้างนอกเพียงสถานเดียวเท่านั้น พวกเขาต่างบอกว่า ถ้าเพียงแต่ทางเทศบาลจะจัดโซนค้าขายให้พวกเขาได้อยู่ในโซนเดียวกัน พวกเขาก็ตกลง แต่นี่เล่นจัดให้อยู่คนละทิศละทาง ขายของไม่ได้เลยแล้วใครจะอยากอยู่
"ท่านเป็นเจ้านาย มีเงินเดือนกิน ท่านบ่ได้เป็นแม่ค้าหาเช้ากินค่ำ ท่านจะเว้าจังได๋ก็ได้"
เสียงแม่ค้าบางคนพูดมาอย่างอัดอั้น
"ทำไมเขาไม่สอบถามคนซื้อบ้างว่าต้องการแบบไหน ฉันว่าคนมาซื้อก็อยากซื้อข้างนอก เห็นหลายคนบ่นเข้าไปซื้อข้างในแล้วมันวิงมันเวียนหัว มันร้อน อึดอัดจะตาย"
"คราวหน้าบ่ต้องเลือกนายกเทศบาลฯ คนนี้"
การเรียนรู้ในระบอบประชาธิปไตยเกิดขึ้นแล้วในกลุ่มคนเล็กๆ
เช้านี้แผงค้าขายราวห้าสิบกว่าแผงพากันมาตั้งร้านริมทางดังที่เคยเป็นแต่ก่อน ทุกคนยังใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ ว่าจะถูกสลายไหม หรือว่าจะได้รับความเข้าใจและอนุญาตให้ขายได้
ราวบ่ายกว่าๆ เมื่อคณะกรรมการพากันกลับมาพร้อมกับข่าวดีว่าท่านนายอำเภออนุญาตแล้วโดยบอกว่า ถ้าแม่ค้าพ่อค้าขายของที่นี่ดีกว่าก็ให้ขายที่นี่จนกว่าจะมีการปรับปรุงท่อระบายน้ำแล้วเสร็จ (ลืมเล่าว่าหลังจากย้ายพ่อค้าแม่ค้าให้เข้าไปข้างในเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ครึ่งหนึ่งของถนนเส้นนี้ตอนนี้ได้ขุดดินทำท่อระบายน้ำ ซึ่งหากเสร็จครึ่งหนึ่งนี้แล้ว นายอำเภอก็จะให้ย้ายมาขายฝั่งที่ทำเสร็จและเริ่มทำท่อระบายน้ำในฝั่งที่เหลือ)
ทุกคนพากันยิ้มแย้มหน้าตาชื่นบาน
หลายคนเริ่มกางร่มคันใหญ่วางของขายกันอย่างสบายใจ แต่...
รถดับเพลิงยังไม่ยอมถอย รถตำรวจก็ยังประกาศเสียงผ่านไมโครโฟนดังเดิมว่าการขายของบนพื้นที่นี้ผิดกฎหมายให้พ่อค้าแม่ค้าย้ายออกไป การเจรจานานนับหลายชั่วโมงที่หลอกให้แม่ค้าดีอกดีใจดูเหมือนจะเป็นเพียงคำพูดลวงๆ ลมๆ
ไม่มีใครคาดคิดว่าตราบจนขณะนี้เป็นเวลาห้าทุ่มกว่าแล้ว รถดับเพลิงก็ยังจอดที่เดิม รถตำรวจยังจอดที่เดิม แม่ค้าพ่อค้าพากันนอนเฝ้าสินค้าและแผงหน้าร้านของตน ไม่กล้ากลับไปหรือละทิ้งแผงไม้ผุๆ พังๆ ที่ใช้ทำมาหากินมานานไว้ริมทางอย่างที่เคยเป็น
มันสุดจะคาดเดาได้ว่าดึกดื่นคืนนี้จะเป็นอย่างไร