Skip to main content



ไม้หนึ่ง ก. กุนที
- เป็นใคร?

สำหรับคนที่ไม่ได้สนใจงานเขียนประเภทกวีนิพนธ์หรืองานวรรณกรรม ก็มีความเป็นไปได้สูงที่อาจจะตั้งคำถามนี้ แต่สำหรับแวดวงนักเขียนหรือคนที่สนใจงานวรรณกรรม ย่อมรู้จักเขาดีว่าเขาคือหนึ่งในกวีหัวก้าวหน้าที่มีความสามารถสูงในด้านฉันทลักษณ์จนก้าวพ้นกรอบกฎเกณฑ์ของฉันทลักษณ์ไปได้อย่างสง่างามและพยายามที่จะให้ฉันทลักษณ์รับใช้ศิลปะ มีชีวิตชีวา มากกว่าเพียงแค่ถ้อยคำไพเราะเพราะพริ้ง

ไม้หนึ่ง ก. กุนที เป็นที่รู้จักในแวดวงวรรณกรรมมานานเกือบยี่สิบปี (ประมาณการเอาจากผู้เขียนที่เคยเห็นผลงานของเขา แต่เขาเริ่มเขียนมานานเท่าไหร่ไม่อาจทราบได้) ในช่วงที่เขามีชื่อเสียงมากๆ บทกวีของเขาได้ลงในมติชนสุดสัปดาห์ทุกอาทิตย์ ด้วยความโดดเด่นในแง่การเขียนบทกวีอย่างมีสไตล์ มีลักษณะเฉพาะ และมีวิธีคิดที่ก้าวหน้าจากกวีรุ่นเดียวกันมาก

วันนี้ชื่อเสียงของ ไม้หนึ่ง ก. กุนที กลับมาฮือฮาและร้อนแรง ร้อนเร่า (คนละเรื่องกับบุคลิกเยือกเย็น สุขุม ของเขา) อีกครั้ง ด้วยเพราะเขาประกาศตัวชัดเจนว่าเขาอยู่ฝ่ายเสื้อแดง ในท่ามกลางที่กวีใหญ่กวีน้อยบางคนเลือกเสื้อเหลือง และหลายคนไม่กล้าเลือก (ไม่เจ็บตัวดี)

หลายเดือนมาแล้วที่ท่าทีของ ไม้หนึ่ง ก. กุนที ชัดเจนขึ้นจากบทกวีในหน้ามติชนสุดสัปดาห์ จนพักหลังมานี้เขาหายไปจากหน้ากระดาษ ทว่ากลับผงาดบนเวทีคนเสื้อแดงอย่างสง่าผ่าเผย (ในขณะที่นักเขียนส่วนใหญ่มักจะสำรวมตนไม่กล้าข้องแวะสีใดเพราะกลัวแปดเปื้อน กลัวถูกมองว่าเป็นเครื่องมือของนักการเมือง โดยเฉพาะพวกเสื้อแดง ใครๆ ก็ว่าเอาเงินซื้อคน จ้างมาม็อบทั้งนั้น เลือกสีแดงไม่เท่!) เขาปฏิบัติหน้าที่ของนักเขียนคนหนึ่งอย่างเข้มข้นและทรงพลังที่สุด ซึ่งนานนักหนาแล้วที่ไม่มีบทกวีเช่นนี้ปรากฏในประเทศของเรา ทั้งคมคาย ทั้งชัดเจน ทั้งครบถ้วน ทั้งมีชั้นเชิง ทั้งตอกย้ำและอิงประวัติศาสตร์อย่างเข้าใจถ่องแท้หมดจด

และนี่คือบทกวีที่สั่นสะเทือนที่สุดในจักรวาล "สถาปนาสถาบันประชาชน"

ไม้หนึ่ง ก.กุนที อ่านบทกวีชิ้นนี้ในงาน Thai Poet Forum เมื่อ 23 มีนาคม ที่ผ่านมา ใครต่อใครต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าทรงพลังและเรียกอารมณ์คล้อยตามได้มากที่สุด

โดยเฉพาะในงานนี้กวีอย่าง เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ร่วมอยู่ด้วย (เป็นที่รู้กันว่าอยู่ฝ่ายเสื้อเหลืองชัดเจน) ทว่าบทกวีของกวีรัตนโกสินทร์กลับไม่อาจสะกดคนฟังได้เลย ตรงข้ามกับไม้หนึ่งที่ใครบางคนต้องขอไปจับไม้จับมือเมื่อเขาเดินลงมา

ทั้งหมดนี้มีคนอื่นเล่ามา จึงขออนุญาตเล่าต่อ จริงเท็จประการใดขอให้ทำใจว่านี่คือข้อมูลชั้นสอง
ฉันไม่ได้เห็นด้วยตา ไม่ได้ยินกับหู ว่าพี่ไม้หนึ่งอ่านบทกวีด้วยน้ำเสียงอย่างไร
แต่เพียงแค่ได้อ่านบทกวีชิ้นนี้ ก็ขนลุกแล้ว

ขอค้อมหัวคารวะพี่ท่านมา ณ โอกาสนี้

สถาปนาสถาบันประชาชน

            เราไม่ปกป้องการอภิวัฒน์                            สายลมปฏปักษ์จึงพัดหวน
การรื้อสร้างไม่อาจทำอย่างนุ่มนวล                ทุกชิ้นส่วนต้องกล้านับ 1 ใหม่

เราไม่ปกป้องการอภิวัฒน์                            กระบวนทรรศน์เสรีไม่ขยาย
2475 พริบตาเป็นอาชาไนย                         แล้วก็กลับเป็นงัวควายเหมือนๆ เดิม

เราไม่ปกป้องการอภิวัฒน์                            สิทธิ หน้าที่ แจ่มชัดไม่ทันเริ่ม
ลงหมุดแล้วไม่ตอกต่อเสาเติม                      เอาเครื่องเรือนไปปลูกเสริมสร้างเวียงวัง

เราไม่ปกป้องการอภิวัฒน์                            อำนาจรัฐ เศรษฐกิจ จึงล้าหลัง
เงินในบ้านชาวนามีน้อยจัง                           แต่สะพรั่งแน่นวองขาวในพานทอง

คณะราษฎร์คือเด็กสาว                               มีความรัก เยาว์วัยได้ตั้งท้อง
ถ้าพวกคุณเป็นพ่อแม่ผู้ปกครอง                    เลือกทำแท้งหรือจะบำรุงครรภ์

เด็กในท้องอาจคลอดเป็นผู้แทนถ่อย             ชั่วหรือดีอยู่ที่เลี้ยงสร้างสรรค์
อดทนคอยให้เขาพัฒนาการ                         ย่อมเติบใหญ่สมบูรณ์งามตามเวลา

แต่...
บางคนสร้างยุทธศาสตร์ "ราษฎร์ไม่พร้อม"      คุณไม่เคยยินยอมให้เราก้าวหน้า
เฝ้าแทรกแซงแบ่งแซะเสมอมา                     เป็นประชาธิปไตยใจพิการ

ใจพิการเพราะประชาไร้อำนาจ                     ความเป็นชาติอยู่ในกำมือทหาร
การตัดสินของหมู่ตุลาการ                           ไม่พิพากษาในนามมหาชน

วางระเบิดระบบการศึกษา                            ถึงเวลามืดบอดไม่เห็นหน
ทัศนวิสัยใบ้จำนน                                      ปัญญาชนบื้อพันหลักสนตะพาย

ชนชั้นกลางกลวงว่างเปล่าสมอง                    บกพร่องทำปัญญาเสื่อมสูญหาย
ชีวิตไหวเบาหวิวปลิวสยาย                           แย่กว่าควายไม่มีใครยอมไถนา!

เขารวมตัวคืนอำนาจให้บางคน                      ยืนเดินนั่งตะโกนกันคลั่งบ้า
กู่ป่าวๆ เอาประเทศไทยคืนมา                      คืนมาจากกำมือประชาไท

ความก้าวหน้าปรากฏในชนชั้นล่าง                 การเลือกตั้งปี 50 ยืนยันได้
กองทัพยึดเบ็ดเสร็จกุมกลไก                       แต่ไม่สามารถบล็อกโหวตทหารเกณฑ์

เพราะว่าคุณประมาทราษฎร                         ทุกครั้งเคยเขย่าคลอนหัวเล่น
เขาเอียนรสคุณธรรมทนลำเค็ญ                    เลือกประชาธิปไตยเส้นทางทุน

เหนื่อยอาภัพหยาบกร้านมานานนัก                ข้าวปลาผักคุณปรุงกินกันหอมกรุ่น
แต่ตอบแทนเขาด้วยเนรคุณ                         กินไม่อิ่มนอนไม่อุ่นเสมอมา

การเมืองไทยก้าวหน้าไปมาก                       แม้แต่นายสมัครก็ยังมีความก้าวหน้า
แสงแห่งทุนปลุกปฏิกิริยา                            เร่งทำมาค้าขายขยายคลัง

การเมืองไทยก้าวหน้าไปมาก                      คนรากหญ้ายิ่งไม่ยอมอยู่ล้าหลัง
ชัดเจนสิทธิ์หน้าที่มีกำลัง                            เริ่มก่อสร้างยุคศรีอาริย์ด้วยมือตัว

เสรีชนแพร่ลามเหมือนแบคทีเรีย                  แทะนรกสวรรค์แบ่งดีชั่ว
เหลือเพียงพุทธปัญญาชัยมืดมัว                   บัว 4 เหล่ารกทุกชั้นฐานันดร

นับปีผ่านจาก 17 มา 40                              รัฐธรรมนูญพัฒนาครึ่งมาค่อน
แม้หมกเม็ดแทรกซึมบางบทตอน                  เช่นองค์กรอิสระของบางใคร ?

แต่ก็ถือว่าเกือบจะเต็มใบอยู่                         รอเพียงผู้นำความคิดที่สดใหม่
ล้างงมงายชนชั้นนำโบราณภัย                      ฝ่าตีนใหญ่กดหัวเลอะฝุ่นละออง

การรุกคืบของอำนาจประชาชน                     คนหลายกลุ่มคิดเล่ห์กลขึ้นปกป้อง
สามัคคีให้คนดีรุมปกครอง                          ล้างสมองปรองดองเพื่อแผ่นดิน

แผ่นดินหรือแท้คือประชาราษฎร์                   ทับถมร่างเปื่อยเป็นชาติครอบคลุมสิ้น
เลี้ยงพืชพันธุ์ธัญญาก่อชีวิน                         เกิดฟอสซิล ทอง เพชร นิล จินดา

ธาตุกระดูกสามัญชนซึมรากข้าว                   รวงข้าวเหนียวข้าวเจ้าอุดมค่า
เหลืองทิพย์ทองผ่องทุ่งปรุงท้องนา                เลี้ยงขุนศึก อมาตยา ไม่รู้คุณ

แผ่นดินหรือคือสมบัติไทยทั้งชาติ                 เลี้ยงเจ้าทาสมูลนายมาทุกรุ่น
2475 สิ้นยุคฤทธิ์สิทธิ์สมบูรณ์ฯ                    คุณเกิดจากราษฎรการุณนะภูมี

            คุณแทบเป็นหุ้นส่วนทุกบริษัท                      ผลกำไรไม่จำกัดทุนวิถี
กินล้นเหลือเจริญเกินอ้วนพี                         ขณะผองคนมากมีไม่มีกิน

เหงื่อทั้งปวงที่คุณเปลืองพลัง                       แค่ละอองชนชั้นล่างทั่วท้องถิ่น
เขายากจนทนทุกข์ขลุกโคลนดิน                  คือตัวจริง ผลิตสินสมบัติเมือง

ประชาชนของคุณคือคนไหน                       คนสมบูรณ์หน้าใสใส่เสื้อเหลือง?
คนเสื้อแดงมอมแมมแสนฝืดเคือง?               คนเซื่องซึมจรจัดขาดอาภรณ์?

ความเป็นชาติของคุณอยู่ที่ตรงไหน...            สิเนรุอำไพเผือกสิงขร?
เราคือฐานพีระมิดประชากร                         กัดกร่อนเราคุณก็ล้มลงระยำ!

ผมอยากชวนพวกคุณไปสนามหลวง             ที่สำคัญของปวงไทสยาม
สัมผัสดินดิบด้านผ่านเคี่ยวกรำ                     เลี้ยงแถวแนวมะขามละลานตา

ช่างเหมือนกับมวลประชามหาศาล                ผู้หยาบกร้านพันธุ์ต่ำแต่ล้ำค่า
คือเข็มรากฐากหลักนัครา                           ปลูกผลิตเนื้อผักปลาข้าวของจริง

ไม้มะขามธรรมดาหม่นสีสัน                        ไม่ผ่องพรรณสดใสดอกใบกิ่ง
แต่ต้นแกร่งต้านพายุยากไหวติง                   เป็นที่สิงวิญญาณวีรชน

ไปจับมือเดินบนแผ่นดินประวัติศาสตร์            ลุกฮือขึ้นอภิวัฒน์ใหม่อีกหน
ขวางคิ้วเฉยกัดฟันไม่จำนน                          เป็น 1 ในมหาชนโดยชอบธรรม

จะสมหวังวันที่ดีกว่านี้                                 มีกินใช้เพียงพอทุกเช้าค่ำ
สลายหมดหมู่เมฆทะมึนดำ                          ข้าวทุกคำเคี้ยวกินเองอิ่มสมบูรณ์
                                                            ข้าวทุกคำเคี้ยวกินเองอิ่มสมบูรณ์                 

                                                            ไม้หนึ่ง ก.กุนที

(ปล. ตอนหน้ามาอ่านปฏิกิริยาของคนฟัง คนอ่าน และผลกระทบหลังจากการอ่านบทกวีบทนี้ รวมถึงความคิดอันเฉียบแหลมของเขา)

บล็อกของ สร้อยแก้ว

สร้อยแก้ว
อืมม์... ดูเหมือนยุคนี้คนฆ่าสัตว์ตัดชีวิตจะกลายเป็นอาชญากร ไม่น่าคบไปเลยจริงๆ เมื่อฉันจัดการทุบหัวปลาโป๊กๆ สีหน้าน้องผู้หญิงบางคนเหยเก เบะปาก “กินไหมเล่า!” ฉันเอ็ดเอา “กินอ่ะ” “เออ ถ้าจะกินอย่าทำหน้าอย่างนั้น คนฆ่าเสียเซลฟ์เหมือนกัน” อืมม์... แต่จะว่าไปก็ฆ่าตัวเป็นๆ ซะหลายตัว จะไม่ให้น้องมันทำหน้าเบ้ได้ไง กับคนรู้จักมักคุ้นฉันมักออกตัวเสมอว่า ฉันไม่ใช่คนเรียบร้อยใจดีนะ ฉันเป็นคนที่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตได้โดยไม่รู้สึกผิดเลย ตกปลาฆ่าปลาได้ ยิงหนังกะติ๊กเอานกมาย่างไฟได้ ฆ่าตั๊กแตน ฆ่าแมลงต่างๆ ได้ จับปูเป็นๆ เผาบนเตาถ่านได้ หรือจับปูเป็นๆ โขลกในครกได้ (การทำน้ำปู๋ของคนเหนือ)…
สร้อยแก้ว
ถ้าไม่ใช่คนอีสาน จะมีใครบ้างหนอ รู้จักแมงหัวหงอก ? โอ้! จ๊อด มันน่าตื่นตาตื่นใจเสียจริง ขนาดว่าฉันโตมากับป่าเขา ใช้ชีวิตอย่างคนบ้านนอกเหมือนกัน แต่ก็ใช่ว่าบ้านนอกทุกพื้นที่จะเหมือนกันเสียเมื่อไหร่ แมงหัวหงอกพากันมาจับต้นไม้ไร้ใบ ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทันมีใครสังเกต เห็นอีกที มันก็ขาวเต็มต้นแล้ว แรกทีเดียวฉันคิดว่าเป็นครั่งเสียอีก แต่ไม่ใช่ มันเป็นแมลงเล็กๆ ขาวสะอาดทั้งตัว มีขนสีขาวตรงกลางหลังชี้ออกเหมือนขนหางนกยูง กระโดดได้ เวลาจับตัวมันไว้ในอุ้งมือมันจะกระโดดไปมาแรงทีเดียว ต้องจับลงถังน้ำ ถึงจะหมดความสามารถในการกระโดด แม้จะเป็นแมลงที่ดูสวยงาม น่ารัก แต่ว่าในเมื่อมันกินได้…
สร้อยแก้ว
แมงกุดจี่ทั้งเคยได้ยิน ทั้งเคยฟังเพลง และเคยกินมาก่อน แต่ยามได้เดินถือกระแป๋งตามเด็กสองคนไปขุดหาแมงกุดจี่ในยามเช้า ก็ยังรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้เห็นพวกมันผลุบๆ โผล่ๆ ในรู ดาวใจเป็นพี่สาวของไพจิตร เธอขุดแมงกุดจี่พลาดโดนตัวมันหลายครั้ง ทำให้ฉันขัดใจน่าดู “มา มา ขอพี่ทำหน่อยซิ” ฉันว่าฉันมือเบาน่าจะขุดได้ดี แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ ฉันสับเอาแมงกุดจี่หัวขาด ตัวขาด รุ่งริ่ง เสียจนน่าเวทนา เด็กหญิงไพจิตรร้องเสียงหลงทุกทีที่ฉันยั้งมือไม่ทัน คมเสียมสับลงกลางตัวแมงสีดำๆ นั้นเสียแล้ว
สร้อยแก้ว
เดือนเมษายน เมื่อฉันกลับไปยังศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านอีกครั้ง ภาพของผืนดินแล้ง หญ้าแห้ง และต้นไม้ใบร่วงยืนโดดเดี่ยวเดียวดายที่เห็นชินตาก็แปรเปลี่ยนไปสายฝนที่สาดเทลงมาเพียงไม่กี่ครั้งได้ลบล้างโลกสีน้ำตาลให้หายไป สองข้างทางระหว่างที่รถสามล้อเครื่องนำพาไปมีทิวหญ้าสีเขียวระบัดใบตลอดทาง ต้นไม้ใบแห้งผลิใบเขียวชะอุ่ม และผืนดินแล้งก็มีพุ่มไม้ใบขึ้นเป็นกอเล็กกอน้อยนับว่าชวนตื่นตาตื่นใจไม่น้อยสำหรับเวลาที่หายไปเพียงยี่สิบวัน ผืนดินก็เปลี่ยนแปลงได้เพียงนี้