โดย The Red Road Project 2009
มีน้องชายคนนึงชื่อประหลาด เคยคุยกันถึงเรื่องนี้ เขาบอกสมัยเรียนประถม ไม่ชอบชื่อตัวเอง ปักชื่อตรงอกเสื้อนักเรียนยาวเกือบถึงรักแร้ เลยงอแง ไม่อยากไปโรงเรียน เพราะเขาชื่อ "อาจิณโจนาธาน อาจิณกิจ" ครูหว่านล้อมยังไงก็ไม่ได้ผล เลยเปลี่ยนชื่อเป็น "วัชรพล" เพื่อนๆ พี่ๆ คุณครูเรียกวัชรพล ตัวเขาเองก็เข้าใจมาตลอดว่าพ่อแม่เปลี่ยนชื่อให้แล้ว จนถึง ป.2 มีเหตุการณ์อะไรสักอย่างทำให้รู้ความจริงว่ายังคงชื่อเดิม เขาโกรธมากประสาเด็ก แต่พอโตขึ้นทำให้รู้ว่าชื่อประหลาดนี้มีประโยชน์ เพราะใครๆ ได้ยินแล้วก็นึกอยากเห็นหน้าทันทีแม้กระทั่งรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยก็แย่งกันให้เป็นน้องรหัสเพียงเพราะชื่อ
"แต่พอเห็นแล้วก็หมดความสนใจเลยอ่ะพี่"
หลังจากนั้นเขาก็ดำเนินชีวิตเป็นนายอาจิณโจนาธาน คนทำงานศิลปะธรรมดาๆ เรื่อยมา
มีคนบอกว่า "โจ" ไม่ใช่คน "ธรรมดา" แต่เป็นคน "ธรรมฮา" เพราะสร้างความเฮฮาและเสียงหัวเราะได้ทุกเวลาทุกสถานที่ นี่ถ้าไม่ตกร่องปล่องชิ้นไปกับศิลปะ โจอาจจะเป็นสมาชิกคณะตลกจนโด่งดังก็เป็นได้
มีช่วงหนึ่งดิฉันหายไปเที่ยวต่างจังหวัดนานไปหน่อย โจเข้ามาถามใน Hi5 ว่า พี่หาย ไปไหน แต่โจเองนะแหละที่ชอบหายไปบ่อยๆ และนานกว่า โผล่มาอีกทีพร้อมรูป ไปลาวมา ไปเวียดนามมา ไปฮ่องกงมา ก่อนหน้านี้ไปจีน เจอ เดวิด เบคแฮม ด้วย ผมทักเขาแต่เขาไม่ตอบ สงสัยไม่เข้าใจภาษาไทย (หว่ะ) ไม่นับทริปต่างจังหวัดที่โจไปโน่นมานี่ตลอด บางครั้งโจก็หายไปช่วยงานศิลปินต่างชาติที่มาแสดงงานศิลปะในเมืองไทย บางคราวโจก็เงียบหายไปกับสุราและเมรัย
ลืมถามว่าโจเคยไปกัมพูชารึเปล่า? เพราะโครงหน้าโจเหมือนพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 อย่างแรง (นี่ชมนะ)
เวลาโจหายเงียบไป ก็เป็นอันเข้าใจว่าอีกสักพักก็กลับมาพร้อมเรื่องราวต่างๆ แต่มีอยู่วันหนึ่งราวกลางปีที่แล้ว โจนำเสนอ "โปรเจ็ค" ศึกษางานศิลปะในประเทศสังคมนิยม พวกเราฟังแล้วก็ตื่นเต้นได้ 1 คืน ช่วงนั้นก็เสนอนู่นนี่เฮฮาไปตามเรื่อง จากนั้นเรื่องนี้ก็เงียบไปเหมือนเดิม ประมาณ 1 ปี มั้ง
คืนวันฝนตกกระหน่ำกรุง โจนำเสนอ "อัครอภิมหาโปรเจ็ค" เดินทาง - ทำงานศิลปะ5 เดือน 5 ประเทศ ลาว เวียดนาม จีน มองโกเลีย รัสเซีย ไปคนเดียว ด้วยจักรยาน แถมยังตั้งชื่อโครงการเสร็จสรรพ
"LIVE YOUR ART RIDE YOUR WAY"
The Red Road Project 2009
ตอนนั้นนึกในใจ แกบ้าป่าววะโจ !!!!!!!!! และ $x*9#@+<.,?=%&!};'>X#
ไม่สิ นอกจากแกจะบ้าแล้วแกยังกล้าด้วย
จะว่าไปแล้วนักแสวงหาทั้งหลายคงเป็นแบบนี้ มีคนหาว่าบ้า มีคนเห็นความกล้า มีคนว่าประหลาด แล้วสุดท้ายพวกเขาก็ค้นพบ สมัยก่อน มาร์โค โปโล ก็เดินทางตามเส้นทางสายไหมมาถึงจีน เดวิด ลิฟวิงสโตน เกือบจะมาจีน แต่เกิดสงครามฝิ่นเลยเปลี่ยนเส้นทางไป สำรวจแอฟริกาแทน แล้วไฉนยุคสมัยใหม่นี้ อาจิณโจนาธาน คนทำงานศิลปะธรรมดาๆ จะเดินทางด้วยจักรยานไม่ได้
ทำไมไปคนเดียวหล่ะโจ
"ผมไปไหนมาไหนคนเดียวจนชิน"
ไม่กลัวเหงาเหรอ
"ไม่กลัวเหงา แต่กลัวหนาวมากกว่า" ฮ่าๆๆๆๆๆ
ปลายทางที่มอสโคว ช่วงสิ้นปีนี้อุณหภูมิน่าจะติดลบถึง 20 องศา แต่ไม่ได้เตรียมเสื้อกันหนาวไป มันหนัก กะไปซื้อที่จีน
โจไม่ค่อยเตรียมเสื้อผ้าของใช้มากนัก จะหนักเป้ก็ตรงอุปกรณ์ศิลปะนี่แหละ ไม่นับกล้องถ่ายรูป กล้องวิดีโอ สมุดบันทึก...ลืมถามว่าพกโน้ตบุ๊ครึเปล่า เพราะเขาจะส่งเรื่องราวข้ามประเทศ ตอนนี้เตรียมเปิดเว็บบล็อกแล้ว ช่างเป็นคนทำงานศิลปะที่ไฮเทคโนโลยีมั่กๆ
ที่เลือก 5 ประเทศ ก็เพราะสมัยก่อนเขาปิดประเทศ เลยอยากรู้ว่าศิลปะยุคก่อน ตามที่เคยเรียนกับสมัยนี้แตกต่างกันยังไง อีกอย่าง โจตั้งใจจะทำงานศิลปะในแต่ละที่ที่ไปด้วย ทั้งการวาด การแสดงสด ประติมากรรม บันทึกไว้เป็นภาพถ่าย และวิดีโอ แล้วกลับมาจัดนิทรรศการที่เมืองไทย
สิ่งที่คาดหวังคือการวิพากษ์วิจารณ์จากคนในพื้นที่ และผู้คนบนโลกไซเบอร์ เพราะโจเชื่อว่าแม้จะมีการขีดเส้นแบ่งประเทศ แต่สำหรับงานศิลปะนั้นไร้พรมแดน เป็น "ชีวิต" และเป็น "ภาษา" เดียวกัน
ไม่กี่ชั่วโมงนี่เอง เพิ่งถาม เตรียมร่างกายพร้อมรึยัง?? เพราะปกติ "อาจิณโจนาธานจะยกแก้วเหล้าเป็นอาจิณ" จนแข็งแรงเฉพาะแขนกับคอ แต่เดือนกว่าที่ผ่านมาโจทำสิ่งที่แทบไม่เคยข้องแวะในชีวิต คือ การออกกำลังกาย ตอนนี้นอกจากจะแข็งแรงแล้วยังตัวดำเป็นเหนี่ยง
โจทำเสื้อยืดขายด้วย 200 ตัว ทุกตัวมีหมายเลขกำกับ ไม่มีซ้ำ (น่าภูมิใจสำหรับคนเป็นเจ้าของ) แล้วยังมีถุงผ้า เข็มกลัด ขายได้เยอะแล้ว งบประมาณสำหรับการเดินทางครั้งนี้น่าจะเกินแสน แต่นี่ยังหาได้ไม่กี่ตัง เพราะกะจะทำงานศิลปะแลกค่าที่พักและเงินเอาดาบหน้า (โอ๊ย!!! โจ แกช่างกล้า)
นี่เล่าให้เพื่อนรุ่นน้องฟัง เขาอยู่โคราช ซึ่งเป็นทางผ่าน ได้ข่าวว่าจะทำป้ายใหญ่โตให้กำลังใจ พร้อมกับ กรี๊ดๆๆๆๆ เตือนไปแล้วว่าระวังชาวบ้านแถวนั้นด่าเอา เหอๆ ไปกรี๊ดอะไรกับผู้ชายตัวดำขี่จักรยาน
ฟังแล้วตื่นเต้นนะคะ โจจะแถลงข่าวก่อนออกเดินทาง
เดินทางไปไหน? ก่อนออกต่างจังหวัดก็อยู่ในกรุงเทพฯ นี่แหละ ไปจุฬาฯ ทำงานศิลปะ ณ สถานที่ที่จิตร ภูมิศักดิ์ ถูกโยนบก จากนั้นไปสำเพ็ง ทำงานศิลปะฉับพลัน ตรงที่ ดร.ซุน ยัด เซ็น ปาฐกถา แล้วออกกรุงเทพฯ เส้นทางอีสาน (ระหว่างทางช่วงที่ผ่านโคราชก็จะเจอป้ายให้กำลังใจและเสียงกรี๊ด ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ - อะหุ อะหุ)
แล้วก็มุ่งหน้าไป จ.สกลนคร จังหวัดที่จิตร ภูมิศักดิ์ ถูกยิงเสียชีวิต จากนั้นก็ที่บ้านนาจอก อ.เมือง จ.นครพนม บ้านลุงโฮ
พ่อแม่พี่น้องแถวนั้นผ่านไปมา เห็นผู้ชายตัวดำ ก้มๆ เงยๆ อย่าเห็นเป็นสิ่งประหลาด ช่วยหาน้ำท่า ข้าวปลาอาหาร ชุบเลี้ยงด้วยนะคะ ศิลปินคนจนจำต้องทนปั่นรถถีบอ่ะคร่ะ จะดีที่สุดถ้าได้ที่พัก เพราะเขาจะขอที่นอนค้างคืนแน่ และแบบว่าเขาตัวดำแต่จิตใจงามค่ะ ถ้าได้นั่งล้อมวงคุยกับเขาอาจจะหัวเราะท้องคัดท้องแข็งจนเก็บมาฝันต่อ ฮ่าๆๆ
ไปนู่นมานี่ จังหวัดโน้น จังหวัดนี้ แถวอีสาน แล้วก็ออกลาวทาง จ.อุบลราชธานี
โจเคยชวน พี่ซื้อจักรยานป่ะ ถีบไปด้วยกัน ส่งผมที่ชายแดนไทย-ลาว หรือจะเข้าลาวไปส่งที่ชายแดนลาว-เวียดนาม
โจเอ้ย!!!! ช่างมองโลกในแง่ดี ประเมินกันสูงเกินไป อย่างพี่เนี่ยนะ แค่ลิฟท์เสียฉันก็ใจหายแว้บแล้ว ขึ้นบันไดไม่ไหว นับประสาอะไรกับปั่นจักรยานข้ามจังหวัด ส่งใจไปเชียร์ได้ป่ะโจ ง่ายดี แหะๆ
อีกอย่างที่จะบอกไว้ล่วงหน้า พี่ไม่รู้ว่าวันแถลงข่าวจะไปได้รึเปล่า ยังไงพี่จะคิดถึงโจทุกวัน จะเข้าเน็ตเช็คความคืบหน้าของโจทุกครั้งที่มีโอกาส รักษาสุขภาพด้วย อย่าลืมถุงเท้า และไฟฉาย จำเป็นมากๆ