Skip to main content

วัชระ สุขปาน
 

  

ที่ดินแปลงนี้ ขายด่วน 37 ไร่ 3 งาน 56 ตารางวา ราคา 150 ล้านบาท ติดต่อ 081 204 x x x x

 

สัญญาณจากไส้เดือนใต้ดิน ยิงเครือข่ายขึ้นสู่ท้องฟ้า ผ่านปรากฏการณ์ ของดวงดาว โชคชะตาโดยรวม ของประชากร ในหมู่บ้านหนองปลาดุก ร่วมดวงดี ร่วมดาวร้าย พระศุกร์เข้า พระเสาร์ตอกบัตร สวมรอยบ้าง ล่าถอยบ้าง ก้าวหน้าบ้าง โคจรอยู่เหนือหมู่บ้าน

"ชีวิตคนมันกระจิริด"ไส้เดือนชวนจิ้งหรีด สนทนา

"ริอาจทำการค้าผืนผิวโลก นึกว่าที่ดินเป็นก๋วยเตี๋ยว ซ้ำร้าย! ยังเล่นละครตบตากันเอง ด้วยการโฆษณาหลากหลายรูปแบบ บ้างเป็นคนอินเทรนด์ทันสมัย บ้างยังล้าสมัย บ้างก็กึ่งๆ แบบตามชาวบ้าน ตามเขาไปทุกเรื่อง แยกความเหมาะสม ถูก ผิดไม่ออก ว่าอะไร หรือไม่ ที่เข้ากับตัวเอง ขับรถผ่านหมู่บ้านจัดสรร เห็นบิลบอร์ด ขนาดใหญ่ ให้ค่า x ตามหลังราคาบ้าน หลักล้าน x เป็นพรวน มันจะเอามั่ง มีสีเหลืออยู่ เขียนป้าย ขายที่ดิน แต่ดันให้ค่า x ผิดตำแหน่งไปหน่อย"

จิ้งหรีดผงกหัวเห็นด้วย แต่ไม่ออกความเห็นอะไร

"เล่นแบบนี้แผ่นดินไหวแย่เลย"

 

หญิงเธอเก็บเงินได้ก้อนโต พอกพูนเป็นจอมปลวก อยู่ในธนาคาร เธอเลือกไม่ทำบัตรATM เพื่อยับยั้ง หรือ ปิดประตูเงินไม่ให้ไหลออก หรือกดเงินมาใช้สุรุยสุร่าย อยู่กรุงเทพฯ เงินเดือนสองหมื่นต้นๆ หักค่าใช้จ่ายประจำเดือน เธอก็พอมีเงินเหลือ ไปฝากทุกเดือน เธอมีนิสัยกินเยอะ แต่ไม่อ้วน ส่วนกร เป็นช่างภาพอิสระ เขาใช้ฮอนด้าเวฟ วิ่งทำงานกับลูกค้าในกรุงเทพฯ รายได้แต่ละเดือน ก็หมดไปกับการ ผ่อนรถปิ๊กอัพรุ่นใหม่ ที่จอดรอคิว เพียงเพื่อจะเที่ยวในวันหยุด และช่วยเพื่อนๆ ขนของ ย้ายห้องบ้าง ตามความจำเป็น

 

เหนื่อยล้าจากงานในเมือง ที่มีทั้งความสุข ทุกข์เรื่อยเปื่อย

แล้วก็ได้เวลา ของทั้งสอง ออกลุย ถากถางอุดมคติ ท่องเที่ยวไปพลาง เก็บข้อมูล ดูโลเคชั่นไปพลาง บนเส้นทางที่มีภูเขาอบอุ่น หมู่บ้านกองกลุ่มกัน ริมลำธารเล็กๆ


"กรจอดๆซิ" เธอสั่งให้กรจอดรถ เพื่ออ่านป้ายประกาศ ขายที่ดิน ริมทาง เธอลดกระจกลง ค่อยๆเปิดประตูรถแย้มอ่านข้อความจนถึงบรรทัดสุดท้าย

ถุ้ย!เหมือนเธอถ่มน้ำลายก้อนโตด้วยแรงเหยียดๆ ก่อนใช่นิ้วรูดกระจกไฟฟ้าขึ้นอย่างรวดเร็ว "จะเขียนให้เปลืองสีทำไมเนี่ย ที่ดินผืนงาม ท่าดีทีเหลว มาให้อยากแล้วจากไป" เธอไม่รู้จะใช้สำนวนใด มายำให้มันแหลกเหลว กับไอ้ป้ายกวนๆนั้น

 

ในหมู่บ้านหนองปลาดุก มีการประกาศขายที่ดิน ผืนงาม เรียงราย ทั้งป้ายให้เช่า ป้ายขายบ้านเก่า แต่ระยะหลัง ยังไม่มีใครขายที่ดินได้เลย

 

ผิดกับช่วงปี 2540 -2547 ที่ดินได้หลุดมือไปจากคนในหมู่บ้าน สู่นายทุน ฝรั่ง และคนรวยๆในเมือง อย่างลื่นไหล จากการติดต่อผ่านผู้ใหญ่บ้านเข้ามา ที่เหลืออยู่ไม่กี่ราย บางครอบครัว ที่พอมีเงินเหลือเก็บ ก็เลือกที่จะปลูกบ้านในสไตล์แบบบ้านทรายทอง ทาสีจัดจ้าน ท่ามกลางผืนนาเขียวขจี แสดงออกถึงฐานะทางการเงินทั้งๆ ที่ยังใช้ไม้ฟืนหุงข้าว โขลกน้ำพริกโชยหอม ในบ้านเก่า ดั้งเดิมเป็นเพิงติดๆ กันอยู่ด้านหลัง หรืออาจเป็นวิถีของคนแต่ละรุ่น พ่อตาแม่ยายชอบวิถีเก่านอนบนเสื่อจักสานลื่นๆกับวิทยุสักเครื่อง ส่วนลูกๆชอบนอนห้องแอร์ ติดเคเบิ้ลทีวีและบ่อยครั้ง นิยมกินข้าวนอกบ้าน

 

หญิงกับกร คู่รัก ถือเป็นคนที่มีอารมณ์ศิลปิน เป็นชนชั้นกลางทางอารมณ์ รักการท่องเที่ยวในประเทศ และทั้งคู่ มีนิสัยรักงานตกแต่งดีไซน์ ชอบตกแต่งห้องพัก การแต่งตัวก็เน้นมือสองเป็นหลัก ทั้งคู่วางแปลนไว้หลวมๆ เกี่ยวกับการหาซื้อที่ดิน สำหรับปลูกบ้านหลังเล็กๆ และใช้ชีวิตร่วมกัน บนผืนดินทุติยภูมิ อันอาจจะเป็นเขตตำบลหนองปลาดุกแห่งนี้


เสียงเพลงลูกทุ่งเบิกบาน นำร่องก่อนในยามเช้า ก่อนผู้ใหญ่บ้าน กล่าวอรุณสวัสดิ์กับลูกบ้าน น้ำเสียงอบอุ่น ฟังดูแล้วเหมือนพึ่งล้างหน้ามาอย่างหยาบๆ ซากเสียงแห่งการหลับนอน ยังพร่าอยู่ในอก หรือเป็นเสียงปกติ ของผู้ดำรงตำแหน่งผู้นำชุมชนในวัย ใกล้เกษียณ

 

"อา...ในวันนี้ ก็ขอเชิญชาวหนองปลาดุก ทุกท่าน ที่ว่างเว้น จากหน้าที่การงาน และมีความต้องการ จะประกาศขายที่ดินขายบ้านเก่าปลายนา ขอให้มาพบปะหารือกันก่อน เพราะหมู่บ้านของเรา ยังไม่พร้อม บางครอบครัวยังไม่เห็นด้วย ที่จะเปิดตลาดซื้อขายที่ดิน และเสนอให้มีการทำโฉดชุมชนมา ช่วยกันตรวจดูภาพถ่ายแผนที่ทางอากาศ พร้อมทำป้ายและปักหมุด แสดงอาณาเขตกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ในวันนี้ ก็ขอให้เรามาประชุมกันก่อน ในเวลา 9โมงเช้า ณ ศาลาประชาคมหมู่บ้าน เพื่อหาทางออกในเรื่องนี้ต่อไป"

 

หญิงกับกร นอนฟังเสียงตามสายจากในเต็นท์ ริมแอ่งน้ำหนองปลาดุก อย่างตื่นเต้น ที่รู้ว่ามาถูกที่ถูกทางแล้ว ที่นี่ มีสินค้าจากผืนผิวโลกให้เลือกหลายแปลง กรจินตนาการถึงร่องสวน แนวลำคลอง เนื้อที่ภายในบ้าน ตลาดซื้อขายที่ดิน ที่ชุมชนจัดการและ กำหนดกันเองแบบนี้ ทำให้เขาเห็นว่าเป็นการลดอาชญากรรม ที่เกิดจากการแข่งขันระหว่าง นายหน้ากับนายหน้า ระหว่างเจ้าของที่ กับเจ้าของที่ บางทีปัญหาก็ไขว้กันไปมา จะว่าไป การซื้อขายที่ดิน ก็เหมือนธุรการกรรมเกี่ยวกับอิทธิพล การแข่งขันทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ ความขัดแย้งนี้อาจเป็นชนวนทำให้ชุมชนล่มสลายในที่สุด

 

กรลุกขึ้นมาต้มน้ำ สำหรับชงกาแฟ มีขนมปัง แยมผลไม้ มื้อเช้า เสบียง ที่หญิงเตรียมมาเต็มรถ

 

เต้นท์ค้างแรม ที่คลุมเชื่อมต่อกับรถปิคอัพจนดูเหมือนเป็นบ้านหลังหนึ่ง หรือเรียกว่า รถบ้าน ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นไม่มีผิด แถมยังมีภูเขา ที่กำลังพักผ่อนอยู่ไกลๆ มารับช่วงต่อ ดูกลมกลืนกันไปกับธรรมชาติ กลุ่มหมอก และไอน้ำอุ่น จากหนองสีเทา ก็ลอยเอ่อเข้าปกคลุม กลุ่มดงอ้อ ดอกปุยสีขาว ริมหนองน้ำ ทำให้ ผืนไมยราบยักษ์ที่ดูเกรี้ยวกราด เป็นวัชพืชแนวร็อค ยามนี้ ดูนุ่มนวลขึ้น


"ไมยราบยักษ์นี้ใครปลูก...ทายซิ" กรทายปัญหาแกมสนทนา

ขึ้นเอง...มั้ง

จะขึ้นเองได้อย่างไร ต้องมีใครปลูกสิ

เฉลยก็ได้ กรว่า รถบรรทุกดินไง

ยังไงเหรอ

ก็เวลา รพช. อบจ. ทางหลวง ขุดสระ สร้างเขื่อน ทำถนน อะไรพวกนี้ เชื้อไมยราบก็ตามติดไปด้วย กับหน้าดินใหม่ๆแล้วก็ระบาดแบบนี้แหละ

 

"ก็สวยดีนะ"

"ใช่ก็สวยดี"

"ทริปนี้เรายังไม่ได้ที่ดินแน่ เจอป้ายสกัดกั้นแบบนี้ หมดช่องทาง"หญิงท้อ

"อาจจะยังมี...และดีด้วย...ขึ้นอยู่กับหมู่บ้าน"กรว่า


การปักหมุด แสดงอาณาเขตของหมู่บ้านยังมาไม่ถึงหนองน้ำ

ทุ่งไมยราบยักษ์ ที่ดินกึ่งสาธารณะ กึ่งกรรมสิทธิ์บุคคล ยังไม่มีอะไรชัดเจน

เราปักหมุดเต็นท์กางกึ่งๆ แถวนี้แหละ

"ใช่ๆ อาหารก็กึ่งสำเร็จรูปงี้เหรอ"หญิงย้อน

"ใจเย็นๆสิเธอ เราอาจจะได้ที่อยู่ฟรี"

 

เป็นดังเรือแพไม้ไผ่เร่ร่อน

ทอดสมอรังรอนซบเวิ้งอ่าว

ไม่ยึดติดอะไร

อยากไปเมื่อไหร่ก็ไป

 

เป็นเวลาสิบโมงเช้า หญิงต้องถอนสายตาจาก พ็อกเก๊ตบุ๊ค เล่มโปรดของตัวเอง และ กรก็ปล่อยให้หูฟัง หลุดออกจากร่องเสียง เมื่อเห็นชาวบ้านหนองปลาดุก เดินเป็นขบวน ในมือช่วยกันหามแท่งหมุดซีเมนต์ มีด จอบ เสียม พร้า สี แผ่นป้าย อาวุธพู่กัน ครบมือ ช่วยกันขุดหลุม และ ปักหมุดซีเมนต์ กรกับหญิง มองจากๆ อีกฟากฝั่งหนองน้ำ


ชาวบ้านแห่งนี้รู้จักใช้ฟ้อนตัวหนังสือ แบบเดียวกับฟ้อนพาดหัวข่าวหน้าหนึ่ง ของหนังสือพิมพ์รายวันเล่มหนึ่ง ดูหนักแน่น ยืนหยัด มั่นคง แต่บรรยากาศ ของกลุ่มหมอก ไอน้ำ จากหนองสีเทา ก็ทำให้พร่ามัว เกินกว่าจะอ่านข้อความออก ว่าอะไร? ทั้งหมด

 

"โฉนดชุมชน การจัดสรรที่ดินอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน

ที่ดินเป็นทรัพยากรส่วนรวม ลดความแรงในการถือครองระดับปัจเจกลง

นักท่องเที่ยวคุณคือเจ้าของทรัพยากรคนหนึ่ง...โปรดช่วยกัน..................................................................................................................."

 

 

**ภาพโดย อานุภาพ นุ่นสง

เผยแพร่ครั้งแรกที่ OK Nation 28/7/2009

 

บล็อกของ ที่ว่างและเวลา

ที่ว่างและเวลา
ดอกเสี้ยวขาว เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยียนพี่น้องลาหู่บ้านนาน้อย ต.ปิงโค้ง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ และได้กำลังใจอย่างเต็มเปี่ยมอีกครั้ง เมื่อได้ร่วมพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ นั่นคือพิธีมอเลเว ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงการเคารพธรรมชาติ อย่างนอบน้อม ไก่ หมู ข้าว อาหาร ผลไม้ ของเซ่นไหว้ที่พี่น้องชาวบ้านร่วมกันนำมาบูชา ถูกจัดเตรียมไว้ พร้อมที่จะทำพิธีกรรม บริเวณใต้ต้นไม้ใหญ่ กลิ่นธูปได้ลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณงาน ท่ามกลางความเชื่อที่มีต่อผืนป่า ผีป่า ที่คอยปกปักรักษาดงดอยแห่งนี้   อะโหล ปุแส ผู้นำบ้านนาน้อย ได้อธิบายคำว่า มอ เลเว คำว่า มอ…
ที่ว่างและเวลา
อาภัสสร สมบุลย์วัฒนากุล  เสียงเพลงเดือนเพ็ญจากการขับร้องของฉันจบลง ท่ามกลางเสียงปรบมือของผู้เข้าร่วมงานสามร้อยกว่าคน ที่หอประชุมในมหาวิทยาลัยพายัพ เชียงใหม่ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา งานนี้ร่วมจัดโดยเพื่อนพ้องจากพม่าที่อยู่ในจังหวัดเชียงใหม่และเพื่อนพ้องคนไทย เพื่อช่วยระดมทุนไปให้พี่น้องชาวพม่าผู้ประสบภัยจากพายุไซโคลนนาร์กิส ฉันบอกพวกเขาว่าฉันไม่ใช่นักร้อง แต่อยากมาร้องเพลง...เพื่อร่วมเป็นกำลังใจให้ทั้งผู้ประสบภัย และเพื่อนชาวพม่าที่อยู่ในไทย ให้สู้ต่อไปอย่างมีความหวัง คืนนั้น ฉันได้เพื่อนใหม่อีกมากมาย…
ที่ว่างและเวลา
อัจฉรียา เนตรเชยต่อจากตอนที่แล้วผู้เขียนกับเพื่อนชาวเวียดนามถกเถียงกันว่า ความจริงแล้วชาวม้งดำที่นี่ “เวรี่แอ็กทีฟ” ในระบบตลาด แต่ทำไมในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เช่น ที่โรงแรม ร้านอาหาร หรือมัคคุเทศน์ (ซึ่งก็เป็นธุรกิจหนึ่งในระบบตลาด) แทบจะไม่มีชาวม้งดำเข้าไปเป็นลูกจ้างเลย เพื่อนเวียดนามบอกว่าอาจจะเป็นไปได้ว่าเพราะพวกเขามีการศึกษาต่ำ
ที่ว่างและเวลา
อัจฉริยา  เนตรเชยเมื่อสัปดาห์ก่อนผู้เขียนซึ่งเป็นนักเรียนเรียนภาษาเวียดนามที่ฮานอยได้ใช้เวลา 3 วันไปเป็นนักท่องเที่ยวที่ซาปา (Sa Pa) เมืองในหมอกบนพื้นที่สูงของภาคเหนือของเวียดนาม ภูเขาที่นี่สูงเสียดฟ้าสลับซับซ้อนกันหลายลูกจริงๆ จนภูเขาบ้านเราสมควรถูกเรียกว่า “ฮิล” มากกว่า “เม้าเท่นท์” นาขั้นบันไดก็มีให้เห็นกันอย่างดาษดื่นจนกลายเป็นโลโก้ของเมืองนี้ หมู่บ้านม้งดำ และเย้าแดงกลางหุบเขา น้ำตกและลำธารใสๆที่ไหลผ่านกลางหมู่บ้านมีให้เห็นตลอดสองข้างทาง ทำให้ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนอันสุดแสนจะโรแมนติกของคู่รัก เมื่อต้นปีใครๆ ก็บอกว่าหิมะตกที่ซาปาสวยงามมาก...อยากเห็น (…
ที่ว่างและเวลา
สัมภาษณ์-เรียบเรียง : บัณฑิต เอื้อวัฒนานุกูลรศ.ดร.กฤษดาวรรณ หงศ์ลดารมณ์ เคยเป็นอาจารย์ประจำคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีความเชี่ยวชาญภาษาทิเบต ทำวิจัยเรื่องทิเบตมานานนับ 10 ปี เคยเดินกราบอัษฎางคประดิษฐ์ (เดิน 3 ก้าว ก้มกราบ 1 ครั้ง) บนเส้นทางของนักแสวงบุญอันเก่าแก่ทุรกันดาร ณ เขาไกรลาสเป็นระยะทางกว่า 80 กม. ปัจจุบันเป็นประธานมูลนิธิพันดารา (Thousand Stars) ซึ่งเป็นองค์กรสร้างการแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องพุทธศาสนาแบบวัชรยานในสังคมไทย และยังคงเดินทางไปทิเบตอยู่เสมอมิว เยินเต็น บวชเรียนใต้ร่มกาสาวพัตร์ของพุทธศาสนาวัชรยานในบ้านเกิดที่ทิเบตมานาน 27 ปี เป็นผู้ติดตาม อ.กฤษดาวรรณ…
ที่ว่างและเวลา
ภู เชียงดาวพะโด๊ะ มาน ซาห์อดีตเลขาธิการสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง กี่ชีวิต…ที่เคว้งคว้างกลางป่ากี่ร่างที่ผวาลอยละลิ่วลับดับสูญนี่คือผลพวงของสงครามนี่คือการกระทำของศัตรูผู้โหดเหี้ยม ผู้บาปหนาและน่าละอายที่คอยกดขี่ข่มเหง เข่นฆ่า ผู้คนหญิงชาย, บริสุทธิ์ผู้รักสันติและความเป็นธรรมเถิดไม่เป็นไร...เราจะไม่ทุกข์ ไม่ท้อใบไม้ใบหนึ่งถูกปลิดปลิวร่วงหากบนก้านกิ่งนั้นยังคงมีใบอ่อนแตกใบให้เห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันยังคงมุ่งมั่นกันอยู่ใช่ไหม นักรบผู้กล้ากับความฝัน ความกล้าในแผ่นดิน ‘ก่อซูเล’ปลุกเร้าจิตวิญญาณเพื่อสืบสานตำนานการต่อสู้เพื่อรอวันทวงคืนผืนแผ่นดินเกิดยังจำกันได้ไหม...…
ที่ว่างและเวลา
‘ดอกเสี้ยวขาว’   การที่ต้องลำบากเดินลัดเลาะไปตามร่องเขา ไต่ขึ้นไปบนความสูงชัน นานหลายชั่วโมง เพียงเพื่อไปกวาดใบไม้บนสันดอยสูงนั้น หลายคนอาจมองเป็นเรื่องธรรมดาไม่สำคัญ แต่สำหรับผมกลับมองว่า นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่และไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ที่นั่น, บนสันดอยสูง...พวกเขาช่วยกันกวาดใบไม้ ก่อนที่จะจุดไฟเผา ซึ่งไม่ได้ไปคนเดียว แต่ไปร่วมกันหมดทุกหลังคาบ้าน มีทั้งผู้เฒ่า เด็กเยาวชน ผู้ใหญ่ ผู้นำทางศาสนา ฯลฯ “ตอนนี้ถ้าทางการเขาสั่งห้ามเผาป่า จะทำได้มั้ย?...” ผมลองแหย่ถามชาวบ้าน “แล้วถ้าเขาสั่งห้ามกินข้าว เราจะทำได้มั้ย...ถ้าเชื่อ เราก็ไม่ได้กินข้าว ไม่ได้กินอะไรเลย...”…
ที่ว่างและเวลา
เรื่อง/ภาพโดย วัชระ สุขปาน ลำธารสีเทา ขัดเงา จนเกิดริ้วสีเงิน ฝูงปลาพลิกพลิ้วตัว สะท้อนแสงกลับไปบอกเวลากับดวงอาทิตย์
ผักกูดอ่อน ยอดใบบอน ยอดผักหนาม ฟ้อนอรชรอยู่ริมคุ้งน้ำ ถ้ายังไม่มีใครไปเก็บ ก็จะเป็นสุมทุม ที่วัวควายชอบซุ่มตัวต้นไม้ล้มขวางลำธารโดยไม่ได้ตั้งใจ เป็นเพราะธรรมชาติ ก็พอเป็นสะพานใช้ข้ามไปถึงเขียงนา ก็ยังมีขนุน มะม่วง ส้มโอ ถั่ว ข้าวโพดสาลี พริก มะเขือ และพืชผักๆ ฯลฯ ให้ได้เห็น และเก็บกินก่อไฟ ต้มน้ำชา นั่งสนทนา และ บ้างเคี้ยวเมี่ยง สูบยาขี้โย
ที่ว่างและเวลา
ธีรเชนทร์  เดชานักสังคมสงเคราะห์1“หนูมีแม่อยู่สองคนค่ะ” เสียงของเด็กหญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งบอกเล่าให้ฟัง “วันนี้หนูมาหาแม่อีกคนหนึ่งของหนู…”“แล้วหนูจำได้ไหมว่าแม่หนูรูปร่างหน้าตาเป็นยังไง” ผมลองเอ่ยถามเธอดู ภายหลังคำถาม เด็กหญิงทำท่าทางเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง....เธอนิ่งนานในความเงียบงัน.....แต่ในแววตาที่ไร้เดียงสานั้น เหมือนจะบอกกับผมอยู่อย่างนั้นว่าเธอจำแม่ของเธอได้ดี...เธอจำได้นะ...ผมไม่แปลกใจว่าทำไมเธอถึงให้คำตอบในสิ่งที่ผมถามเธอก่อนหน้านี้ไม่ได้  แม่...ที่เธอกำลังมาหาในวันนี้นั้น คือแม่แท้ๆ ที่อุ้มท้องเธอมา เป็นแม่ผู้ให้กำเนิด แต่ด้วยเหตุผลและความจำเป็นบางอย่าง…
ที่ว่างและเวลา
‘ลีนาร์’ “ยามเมื่อเราต่างพูดถึงความสุข จะเกิดพลังขึ้นและสร้างคุณค่าขึ้นมาได้”คำกล่าวจากใบหน้ายิ้มแย้มของ ลิซ่า คาเมน เจ้าของภาพยนตร์สารคดีเรื่อง H-FACTOR: where is your heart? ที่เธอและลูกสาวสำรวจธรรมชาติของความสุขของผู้คนข้ามทวีปผ่านคำถามง่าย ๆ ‘ความสุขของคุณคืออะไร’ย้อนไปในวันหนึ่ง ขณะที่ลิซ่าปั่นจักรยานผ่านตอนเหนือของประเทศอินเดีย เธอฉุกคิดขึ้นมาว่าจะทำอย่างไรให้ชาวอินเดียจะแสดงออกถึงความสนุกและความสุขอย่างแท้จริงท่ามกลางความอัตคัดขัดสนที่ยังคงดำเนินอยู่ในเวลานั้น นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของหัวข้อหลักของสารคดีซึ่งเธอและเคย์ล่า ลูกสาววัย 9 ขวบของเธอ…
ที่ว่างและเวลา
‘โถ่เรบอ’หนังสือนวนิยายขนาดสั้น เรื่อง  “เพลงรักช่อดอกไม้” ของ ‘พิบูลศักดิ์ ละครพล’ ที่เคยตีพิมพ์เป็นตอนๆ ใน ‘สกุลไทย’ เมื่อปี 2520 ก่อนสำนักพิมพ์จันทร์ฉายจะนำมารวมเล่มครั้งแรก ในปี 2521 นั้นเปิดฉากด้วยเนื้อเพลงปกาเก่อญอ ที่ชื่อ “แพลาเก่อปอ”“แพลาเก่อปอ ในคืนพระจันทร์ส่องแสง ฉันนั่งเหม่อมอง คอยจ้องแทะนาเต่อกาฉันคอยแสนคอย บะฉ่าเตอถี่บะนา เส่ นอ ถ่อแย เมื่อฉันเคียงคู่กับเธอแมแหม่แคอี ฉันต้องอยู่เดียวเปลี่ยวดายมองหาคู่เคียง บะฉ่าเตอถี่เลอบาโอ้ยอดดวงใจ  แคอีเนอโอะแพแลโปรดจงเห็นใจ เกอหน่าเยอพอคีลา”เพลงนี้ติดหูชาวปกาเก่อญอยาวนานมากว่าสามสิบปี ถือได้ว่าเป็นเพลงยุคแรกๆ…
ที่ว่างและเวลา
‘ฐาปนา’ ผมพบเขาในวันที่เชียงใหม่ยังเปียกปอนจากสายฝน เขาแต่งกายเรียบง่าย บุคลิกคล้ายนักบวช ดูแข็งแรงเหมือนคนอายุสามสิบกว่าๆ  เมื่อได้สนทนา แม้น้ำเสียงเป็นกันเอง แต่ก็แฝงความเคร่งครัดไม่น้อย เขาคือผู้ริเริ่มการเขียน “แคนโต้” บทกวีสามบรรทัดจำนวนสี่ร้อยบทเมื่อสามสิบกว่าปีก่อน ,เป็นผู้ก่อตั้งเวบไซต์ ไทยแคนโต้ (www.thaicanto.com) เมื่อสองปีที่แล้ว และกลายเป็นเวทีที่ใหญ่ที่สุดของบทกวีสามบรรทัด มีแคนโต้นับพันนับหมื่นบท ปรากฎอยู่ในเวบไซต์แห่งนี้ล่าสุด เขามีผลงานวรรณกรรมขนาดยาวแปดร้อยหน้า ที่ชื่อ “โรงเรียนที่เงียบที่สุดในโลก”โดดเดี่ยว และ เด็ดเดี่ยว น่าจะเป็นคำจำกัดความที่ชัดเจนที่สุดสำหรับตัวเขา…