วัชระ สุขปาน
เรื่องต่อไปนี้แต่งขึ้น ไม่ใช่เป็นเรื่องหาอ่านได้ทั่วไป โดยอิงสถานการณ์จริง ผู้แต่งได้พยายามควบคุม สั่งการ อาจมีการละเมิดเสรีภาพของตัวละครทุกท่าน แต่เหมาะสำหรับผู้อ่านทุกวัย
คีทอ ผู้มีมุมมองทางสุนทรียะภาพลดลงอย่างน่าเป็นห่วง เขานั่งจิบเบียร์เย็นๆ ทอดอารมณ์นิ่งๆ
ภูเขาเบื้องหน้า คือดอยประจำเมือง ที่มีไฟป่าเป็นจุดๆ ผสมผสานกัน จนเป็นส่วนหนึ่งของแสงเมือง
เขาเลือกนั่งที่ร้านนี้ ริมถนนสายวงแหวนรอบกลาง ร้านผุดขึ้นมา ประดับ ประดารวดเร็วกันเกินไป จนนักกินดื่มเลือกแทบไม่ทัน
คีทอ มองไต่ระดับภูเขาขึ้นไป พร้อมไกล่เกลี่ยกับตัวเอง มีพริตตี้ สาวเชียร์เบียร์สวยๆ เข้ามารินเบียร์ให้กับเขา และถามว่า "พี่มาจากไหน?คะ" ไปตามเรื่อง
ความจริง คีทอไม่ค่อยพร้อม ที่จะสนทนาโดยใช้ภาษาเมืองแบบฉับพลัน เพราะเขาเพิ่งซัดซาวนด์แทร็ก ภาษา ปกาเกอญอ มาจากหมู่บ้านอย่างหนัก เขาต้องใช้เวลาปรับตัวสักพักหนึ่ง เขาส่ายมือบ๊ายบายแบบไม่ค่อยมั่นใจ ซึ่งบริกรสาวเหมือนจะเข้าใจความเป็นมาเป็นไป
"เดี๋ยว...ขออภัย...สักครู่" คีทอว่า
"อ๋อ...ได้ค่ะ" เธอรับคำแล้วหันไปบริการโต๊ะอื่น
หลายปีมาแล้วที่ คีทอลงพื้นที่ ทำงานพัฒนาชุมชน และขณะนี้ อยู่ในช่วงคิดหากระบวนการพัฒนา รูปแบบใหม่ โดยมีแกนนำเยาวชน เป็นหัวเรี่ยวหัวแรง ในการเคลื่อนงานกิจกรรม ปัญหาหลักที่สุมอยู่ตอนนี้ คือเงินงบประมาณไม่พอ ก็ไม่รู้ว่าจะไปขอแหล่งทุนจากที่ไหน
เขาขึ้น ลง ระหว่างบนดอยกับพื้นราบ บ่อยที่สุด ในแต่ละเดือน บิลค่าน้ำมันพุ่งสูงขึ้นกว่าปีก่อนนี้มาก
ด้วยความเครียด ที่สุมรุมในอยู่หัว เขาจึงอยากปลดปล่อยมันออกไปบ้าง อาจเป็นครั้งแรกของการเปิดหูเปิดตา แล้วก็นัดกับดิปุ๊หลุไว้หลวมๆด้วย
"มาได้ก็มา มาไม่ได้ก็ไม่เป็นไร" เขาบอกกับดิปุ๊หลุ ก่อนวางสาย
"เอ้ามาแล้ว สวัสดี" คีทอทักทาย เมื่อดิปุ๊หลุมาถึง
"สวัสดี สบายดีมั้ย ...อะไร... ที่ไหน...อย่างไร...ทำไม?"
ดิปุ๊หลุ...ตั้งใจถามรัวไปเลย เลียนแบบคนในเมือง เวลาเจอกัน ส่วนใหญ่เขาจะถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันด้วยประโยคเหล่านี้
"สบายดี เดี๋ยวเบิ้ดกะโหลกเลย" คีทอหยิกรุ่นน้องเล่น
"ไปมายังไงเจอร้านนี้ได้ หาตั้งนาน" ดิปุ๊หลุบ่น
"ไหนบอกว่า จะไปกินหมูกะทะเหรอ? คีทอ"
"ไม่ไม่...ไว้ค่อยคราวหน้า วันนี้... กินเบียร์กัน"
"หิวข้าวนะลุง" ดิปุ๊หลุบอกความจริง พร้อมยกฐานะให้คีทอ แบบข้ามรุ่น หวังผลจะให้เขาเลี้ยง
"ได้สิ...กินข้าวก่อน...ร้านนี้น่าอร่อยนะ"
"ลุงนั่นแหละ จะกินอะไร สั่งเป็นป่าว?"
"ปีก่อน ลองไปกิน KFC พอเค้ายกมาเสริฟ เห็นไม่มีข้าวเหนียว ก็เลยสั่งตามหลังไปว่า น้องๆข้าวเหนียวห้าบาทด้วย เพื่อนๆหัวเราะกันใหญ่ โต๊ะข้างๆก็เหมือนกัน"
"อายเขาจริงๆ เลย ลุงเอ๋ย อย่าทำแบบนั้นอีกเป็นอันขาดนะ " ดิปุ๊หลุคุ้ยเขี่ยเรื่องชวนหน้าแตกออกมาเผา
"อย่าว่าไป...บ้าแล้ว แล้ววันนี้ คุณไปไหนมาล่ะ" คีทอรู้ทันและตัดบทไป
"ผมพาเด็กๆ และตัวแทนเยาวชน หกสิบคน จากอำเภอหมื่อเจ๊ปู มาทัศนศึกษาเมือง ช่วงเช้า พาไปสวนสัตว์ เด็กๆเสนอกันมา ตั้งปีก่อนโน้นแล้วว่า "ครูๆ เมื่อไหร่? ครูจะพาหนูไปดูหมาแพนดี้ล่ะคะ เขามาอยู่เชียงใหม่ตั้งนานแล้วนะ แรกใช้โทรศัพท์ของออเร้นจ์ ทรูมูฟ คุยจนไม่หลับไม่นอน ขอบตาดำปี๋เลยค่ะ"" อัพเดตล่าสุดได้ข่าวว่าลูกอ่อน ส่วนพ่อของมัน กระแสเงียบไปเลย
คีทอเข้าใจว่า เป็นมุขของเด็กๆที่เพิ่งติดทีวีและรู้วิธีเอามาประจบครูดอยอย่างดิปุ๊หลุ อย่างไรก็ดี ทั้งสองก็ได้ยิ้มหัวต่อไป
คีทอจิบเบียร์ ขนาดเท่ากับนกร่อนจิบน้ำในลำธาร พับท่อนแขน หนุนหัวด้วยฝ่ามือ นัยน์ตาเศร้าๆของเขา มองไต่ดอยขึ้นไป
ดิปุ๊หลุคลึงนิ้วเล่นที่แก้วเบียร์ มองไต่ยอดดอยไป ในจุดที่ใกล้เคียงกับคีทอเช่นกัน
"แล้วเด็กๆพักที่ไหนล่ะ ดิปุ๊หลุ " คีทอถามถึงการจัดการ
"วัดศรีโสดา ท่านมหาช่วยจัดแจงให้ เรียบร้อยดี ช่วงนี้ดูคุณแนวขึ้น" ดิปุ๊หลุหาเรื่องคุย
"ยังไง"
"แต่งตัวเป็นเด็กแนว"
"แนวไหนอ่ะ" คีทอ ยูเทินคำถาม
"ก็คงเป็นแนวกันไฟมั้ง" ดิปุ๊หลุยิงประเด็น
คีทอกลั้วหัวเราะ หลังพิงพนักเก้าอี้แทบไม่ทัน
แสงไฟป่ายังลามเลีย ปะทุ กรุกรัง อยู่บนภูเขาประจำเมือง เขามองผ่านเหยือกเบียร์สีทอง แต่พริตตี้สาวสวยก็ดึงแก้วไปเติมให้อีกวันมอร์ มอร์เดิมยังไม่ทันพร่อง
มันเป็นไฟป่าตัวอย่าง ที่อาจเตือนผู้คน หรือเป็นคำประกาศ ขอขึ้นค่าตอบแทน ของลูกจ้างรายวันในการดับไฟป่า หรือเป็นต้นเหตุจากก้นบุหรี่ ของนักท่องเที่ยวนิรนาม คิดกันไปได้ทั้งนั้นแหละ
คนหาผักหวานป่า คงไม่ทำอะไรบ้าๆ แบบนั้น นี่อาจเป็นการฉวยโอกาส ชิงเผาก่อนใบไม้แห้งจะซ้อนกันหลายชั้น ต้อนรับการมาของไฟป่าขนาดใหญ่
"พอดีวันนี้ ไปทำแนวกันไฟมา" คีทอยืดนิดหน่อย
"ที่ไหนอ่ะลุง"
"เริ่มจากหมู่บ้านแม่มาลอ ในเขตอำเภอหมื่อเจ๊ปู เข้ามาอำเภอแม่วาง จากแม่วาง พี่น้องสะเมิงกับอำเภอเจอะโตปู รับช่วงต่อ ช่วยกันกวาดใบไม้บนสันดอย รวมระยะทางแล้วก็หลายร้อยกิโลนะคุณ พรุ่งนี้ต้องหางบซื้อปลากระป๋องเพิ่ม คุณช่วยได้บ้างมั้ยล่ะ" คีทอเสนอ
"อ๋อ...อย่างนั้น...ได้สิ พรุ่งนี้ ผมจะประสานกับท่านมหาให้นะ ที่นั่น ท่านมีคลังปลากระป๋อง ได้เท่าไหร่ไม่รู้นะ จะลองดู" ดิปุ๊หลุรับปาก
"พรุ่งนี้ ผมจะพาเด็กๆไปเที่ยวเซ็นทรัลก่อน อยากไปดูสารอาหารในพิซซ่าถาดใหญ่ เอ็มเค พวกสุกี้ต่างๆ ว่ามีสารอาหารจากไร่หมุนเวียนของเรารวมอยู่ในนั้นกี่ชนิด"
"คุณจะพาเด็กๆ มาท่องโลกบริโภคนิยมเหรอ" คีทอเหน็บ
"เขาควรรู้จักมันบ้างนะวิธีการทางการตลาดต่างๆ ดูผู้คนเขาบ้างสิว่าเขาเสพ เขานิยมอะไรกันไปถึงไหน"
"ดี ดี ผมเห็นด้วย แล้วคุณมีงบพอเหรอ เด็กตั้ง 60 คน"
"น่า... ไม่มีปัญหา ทำตามใจเด็กบ้าง ไปดูแผ่นโบชัวร์เฉยๆ ไม่ได้เข้าไปกิน ผมถามเขาแล้วว่ามาในเมือง อยากกินอะไร? อยากกินหมูกะทะ เป็นเสียงเดียวกันเลย พรุ่งนี้เย็นๆ เจอกันที่ร้านเดิม"
"เอ๊ะ ประชุมเมื่อเดือนที่แล้วเกี่ยวกับวิกฤติหมอกควัน เค้าบอกว่าสาเหตุหลักมาจากร้านหมูกระทะ กับชาวเขาเผาไร่ เราทำแนวกันไฟ เผาไร่เสร็จก็ลงมากินหมูกระทะ เข้าทั้งสองประเด็นเลยนะ"
คีทอ "โอเค"
"โอเคนี่ แปลว่าตกลง ใช่ไหม" ดิปุหลุย้ำ
"โอเคนี่...ก็...ตกลงนั่นแหละ" คีทอยืนยัน
กลุ่มโต๊ะหน้าเวที เริ่มขยับส่าย บางคนโยกย้ายไหล่ขณะนั่ง เหมือนเสียงเพลงจูงไปมา บางช่วง เสียงสาวๆ ร้องคลอตามโดดขึ้นมา
นักดนตรีบรรเลงสลับกัน สองวงผ่านไปแล้ว เพลงก็เริ่มมีจังหวะหนักแน่นขึ้น บวกกับบรรยากาศของร้านใกล้เคียง ก็เริ่มได้ที่ขึ้นมา กลบเสียงสนทนาระหว่าง คีทอกับดิปุ๊หลุ
"เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ"
"หา... อะไร"
"ไม่ได้พูด"
"นั่นแล้วไป.... ไม่มีอะไร"
ขณะดวงไฟป่าเริ่มขยายวง กินป่าเป็นแนว ไต่ดอยขึ้นไป บางคนชี้ไม้ชี้มือบอก เพื่อนร่วมโต๊ะให้มองไปยังภูเขา หลายคนเริ่มลุกจากโต๊ะ ออกมายืนดูที่ระเบียงด้วยสีหน้ากลับกลายเป็นตึงเครียด
กลุ่มควันเข้าปกคลุมเพดานเมือง ไม่มีเสียงพึมพึมของแมลงปอดับไฟป่า เหมือนตอนกลางวัน อย่างที่หลายคนคาดการณ์
สาวเชียร์เบียร์ พริตตี้ พวกเธอยังคงเดินลากกลิ่นหอมจากปลีน่อง วงแขน ขวักไขว่ เนื่องจากเธอได้รับการสั่งเบียร์ พร้อมๆ กันจากทุกโต๊ะ หลากหลายยี่ห้อ ทั้งเหยือกเล็ก เหยือกขนาดกลาง เหยือกขนาดทาวเวอร์ บางโต๊ะ สั่งเปิดเหล้าขวดใหม่ พร้อมมิกเซอร์ครบชุด
โต๊ะกลางสุด พวกเขาสังสรรค์กันเป็นหมู่คณะ ทุกคนแต่งตัวเนี๊ยบ พวกเขาสั่งเบียร์ยกถัง พร้อมติดตั้งหัวก๊อก แล้วเปล่งเสียง สั่งเด็กในร้านสองสามคนให้ช่วยกันยกถังเบียร์ขึ้นหลังรถกระบะของเขา
ไม่กี่อึดใจต่อมา เบียร์สองเหยือกถูกวางบนโต๊ะของคีทอ และดิปุ๊หลุ
"ลุงสั่งเบียร์เพิ่มหรือ?" ดิปุ๊หลุถาม
"อึอือ" คีทอปฎิเสธ
เบียร์เรายังมีเยอะอยู่เลย
"ไอ้หนุ่ม ไปช่วยกันนะ มันเป็นเรื่องที่เราต้องร่วมกันรับผิดชอบ"
ขณะแขกเหรื่อเอ่อออกมา จอแจกันไปยังลานจอดรถ เบียร์หลายร้อยเหยือก พร้อมเหล้าและโซดา ติดไม้ติดมือมา ดูละลานตาไปหมด ควันบุหรี่เลื้อยเปลี่ยนเป็นสีน้ำทะเล สีชมพู และเขียวตามคำสั่งของแสงสีหน้าร้าน ทุกคนต่างก็สตาร์ทรถของตัวเอง มุ่งหน้าไป