Land & X

วัชระ สุขปาน
 

  

ที่ดินแปลงนี้ ขายด่วน 37 ไร่ 3 งาน 56 ตารางวา ราคา 150 ล้านบาท ติดต่อ 081 204 x x x x

 

สัญญาณจากไส้เดือนใต้ดิน ยิงเครือข่ายขึ้นสู่ท้องฟ้า ผ่านปรากฏการณ์ ของดวงดาว โชคชะตาโดยรวม ของประชากร ในหมู่บ้านหนองปลาดุก ร่วมดวงดี ร่วมดาวร้าย พระศุกร์เข้า พระเสาร์ตอกบัตร สวมรอยบ้าง ล่าถอยบ้าง ก้าวหน้าบ้าง โคจรอยู่เหนือหมู่บ้าน

"ชีวิตคนมันกระจิริด"ไส้เดือนชวนจิ้งหรีด สนทนา

"ริอาจทำการค้าผืนผิวโลก นึกว่าที่ดินเป็นก๋วยเตี๋ยว ซ้ำร้าย! ยังเล่นละครตบตากันเอง ด้วยการโฆษณาหลากหลายรูปแบบ บ้างเป็นคนอินเทรนด์ทันสมัย บ้างยังล้าสมัย บ้างก็กึ่งๆ แบบตามชาวบ้าน ตามเขาไปทุกเรื่อง แยกความเหมาะสม ถูก ผิดไม่ออก ว่าอะไร หรือไม่ ที่เข้ากับตัวเอง ขับรถผ่านหมู่บ้านจัดสรร เห็นบิลบอร์ด ขนาดใหญ่ ให้ค่า x ตามหลังราคาบ้าน หลักล้าน x เป็นพรวน มันจะเอามั่ง มีสีเหลืออยู่ เขียนป้าย ขายที่ดิน แต่ดันให้ค่า x ผิดตำแหน่งไปหน่อย"

จิ้งหรีดผงกหัวเห็นด้วย แต่ไม่ออกความเห็นอะไร

"เล่นแบบนี้แผ่นดินไหวแย่เลย"

 

หญิงเธอเก็บเงินได้ก้อนโต พอกพูนเป็นจอมปลวก อยู่ในธนาคาร เธอเลือกไม่ทำบัตรATM เพื่อยับยั้ง หรือ ปิดประตูเงินไม่ให้ไหลออก หรือกดเงินมาใช้สุรุยสุร่าย อยู่กรุงเทพฯ เงินเดือนสองหมื่นต้นๆ หักค่าใช้จ่ายประจำเดือน เธอก็พอมีเงินเหลือ ไปฝากทุกเดือน เธอมีนิสัยกินเยอะ แต่ไม่อ้วน ส่วนกร เป็นช่างภาพอิสระ เขาใช้ฮอนด้าเวฟ วิ่งทำงานกับลูกค้าในกรุงเทพฯ รายได้แต่ละเดือน ก็หมดไปกับการ ผ่อนรถปิ๊กอัพรุ่นใหม่ ที่จอดรอคิว เพียงเพื่อจะเที่ยวในวันหยุด และช่วยเพื่อนๆ ขนของ ย้ายห้องบ้าง ตามความจำเป็น

 

เหนื่อยล้าจากงานในเมือง ที่มีทั้งความสุข ทุกข์เรื่อยเปื่อย

แล้วก็ได้เวลา ของทั้งสอง ออกลุย ถากถางอุดมคติ ท่องเที่ยวไปพลาง เก็บข้อมูล ดูโลเคชั่นไปพลาง บนเส้นทางที่มีภูเขาอบอุ่น หมู่บ้านกองกลุ่มกัน ริมลำธารเล็กๆ

"กรจอดๆซิ" เธอสั่งให้กรจอดรถ เพื่ออ่านป้ายประกาศ ขายที่ดิน ริมทาง เธอลดกระจกลง ค่อยๆเปิดประตูรถแย้มอ่านข้อความจนถึงบรรทัดสุดท้าย

ถุ้ย!เหมือนเธอถ่มน้ำลายก้อนโตด้วยแรงเหยียดๆ ก่อนใช่นิ้วรูดกระจกไฟฟ้าขึ้นอย่างรวดเร็ว "จะเขียนให้เปลืองสีทำไมเนี่ย ที่ดินผืนงาม ท่าดีทีเหลว มาให้อยากแล้วจากไป" เธอไม่รู้จะใช้สำนวนใด มายำให้มันแหลกเหลว กับไอ้ป้ายกวนๆนั้น

 

ในหมู่บ้านหนองปลาดุก มีการประกาศขายที่ดิน ผืนงาม เรียงราย ทั้งป้ายให้เช่า ป้ายขายบ้านเก่า แต่ระยะหลัง ยังไม่มีใครขายที่ดินได้เลย

 

ผิดกับช่วงปี 2540 -2547 ที่ดินได้หลุดมือไปจากคนในหมู่บ้าน สู่นายทุน ฝรั่ง และคนรวยๆในเมือง อย่างลื่นไหล จากการติดต่อผ่านผู้ใหญ่บ้านเข้ามา ที่เหลืออยู่ไม่กี่ราย บางครอบครัว ที่พอมีเงินเหลือเก็บ ก็เลือกที่จะปลูกบ้านในสไตล์แบบบ้านทรายทอง ทาสีจัดจ้าน ท่ามกลางผืนนาเขียวขจี แสดงออกถึงฐานะทางการเงินทั้งๆ ที่ยังใช้ไม้ฟืนหุงข้าว โขลกน้ำพริกโชยหอม ในบ้านเก่า ดั้งเดิมเป็นเพิงติดๆ กันอยู่ด้านหลัง หรืออาจเป็นวิถีของคนแต่ละรุ่น พ่อตาแม่ยายชอบวิถีเก่านอนบนเสื่อจักสานลื่นๆกับวิทยุสักเครื่อง ส่วนลูกๆชอบนอนห้องแอร์ ติดเคเบิ้ลทีวีและบ่อยครั้ง นิยมกินข้าวนอกบ้าน

 

หญิงกับกร คู่รัก ถือเป็นคนที่มีอารมณ์ศิลปิน เป็นชนชั้นกลางทางอารมณ์ รักการท่องเที่ยวในประเทศ และทั้งคู่ มีนิสัยรักงานตกแต่งดีไซน์ ชอบตกแต่งห้องพัก การแต่งตัวก็เน้นมือสองเป็นหลัก ทั้งคู่วางแปลนไว้หลวมๆ เกี่ยวกับการหาซื้อที่ดิน สำหรับปลูกบ้านหลังเล็กๆ และใช้ชีวิตร่วมกัน บนผืนดินทุติยภูมิ อันอาจจะเป็นเขตตำบลหนองปลาดุกแห่งนี้

เสียงเพลงลูกทุ่งเบิกบาน นำร่องก่อนในยามเช้า ก่อนผู้ใหญ่บ้าน กล่าวอรุณสวัสดิ์กับลูกบ้าน น้ำเสียงอบอุ่น ฟังดูแล้วเหมือนพึ่งล้างหน้ามาอย่างหยาบๆ ซากเสียงแห่งการหลับนอน ยังพร่าอยู่ในอก หรือเป็นเสียงปกติ ของผู้ดำรงตำแหน่งผู้นำชุมชนในวัย ใกล้เกษียณ

 

"อา...ในวันนี้ ก็ขอเชิญชาวหนองปลาดุก ทุกท่าน ที่ว่างเว้น จากหน้าที่การงาน และมีความต้องการ จะประกาศขายที่ดินขายบ้านเก่าปลายนา ขอให้มาพบปะหารือกันก่อน เพราะหมู่บ้านของเรา ยังไม่พร้อม บางครอบครัวยังไม่เห็นด้วย ที่จะเปิดตลาดซื้อขายที่ดิน และเสนอให้มีการทำโฉดชุมชนมา ช่วยกันตรวจดูภาพถ่ายแผนที่ทางอากาศ พร้อมทำป้ายและปักหมุด แสดงอาณาเขตกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ในวันนี้ ก็ขอให้เรามาประชุมกันก่อน ในเวลา 9โมงเช้า ณ ศาลาประชาคมหมู่บ้าน เพื่อหาทางออกในเรื่องนี้ต่อไป"

 

หญิงกับกร นอนฟังเสียงตามสายจากในเต็นท์ ริมแอ่งน้ำหนองปลาดุก อย่างตื่นเต้น ที่รู้ว่ามาถูกที่ถูกทางแล้ว ที่นี่ มีสินค้าจากผืนผิวโลกให้เลือกหลายแปลง กรจินตนาการถึงร่องสวน แนวลำคลอง เนื้อที่ภายในบ้าน ตลาดซื้อขายที่ดิน ที่ชุมชนจัดการและ กำหนดกันเองแบบนี้ ทำให้เขาเห็นว่าเป็นการลดอาชญากรรม ที่เกิดจากการแข่งขันระหว่าง นายหน้ากับนายหน้า ระหว่างเจ้าของที่ กับเจ้าของที่ บางทีปัญหาก็ไขว้กันไปมา จะว่าไป การซื้อขายที่ดิน ก็เหมือนธุรการกรรมเกี่ยวกับอิทธิพล การแข่งขันทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ ความขัดแย้งนี้อาจเป็นชนวนทำให้ชุมชนล่มสลายในที่สุด

 

กรลุกขึ้นมาต้มน้ำ สำหรับชงกาแฟ มีขนมปัง แยมผลไม้ มื้อเช้า เสบียง ที่หญิงเตรียมมาเต็มรถ

 

เต้นท์ค้างแรม ที่คลุมเชื่อมต่อกับรถปิคอัพจนดูเหมือนเป็นบ้านหลังหนึ่ง หรือเรียกว่า รถบ้าน ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นไม่มีผิด แถมยังมีภูเขา ที่กำลังพักผ่อนอยู่ไกลๆ มารับช่วงต่อ ดูกลมกลืนกันไปกับธรรมชาติ กลุ่มหมอก และไอน้ำอุ่น จากหนองสีเทา ก็ลอยเอ่อเข้าปกคลุม กลุ่มดงอ้อ ดอกปุยสีขาว ริมหนองน้ำ ทำให้ ผืนไมยราบยักษ์ที่ดูเกรี้ยวกราด เป็นวัชพืชแนวร็อค ยามนี้ ดูนุ่มนวลขึ้น

"ไมยราบยักษ์นี้ใครปลูก...ทายซิ" กรทายปัญหาแกมสนทนา

ขึ้นเอง...มั้ง

จะขึ้นเองได้อย่างไร ต้องมีใครปลูกสิ

เฉลยก็ได้ กรว่า รถบรรทุกดินไง

ยังไงเหรอ

ก็เวลา รพช. อบจ. ทางหลวง ขุดสระ สร้างเขื่อน ทำถนน อะไรพวกนี้ เชื้อไมยราบก็ตามติดไปด้วย กับหน้าดินใหม่ๆแล้วก็ระบาดแบบนี้แหละ

 

"ก็สวยดีนะ"

"ใช่ก็สวยดี"

"ทริปนี้เรายังไม่ได้ที่ดินแน่ เจอป้ายสกัดกั้นแบบนี้ หมดช่องทาง"หญิงท้อ

"อาจจะยังมี...และดีด้วย...ขึ้นอยู่กับหมู่บ้าน"กรว่า

การปักหมุด แสดงอาณาเขตของหมู่บ้านยังมาไม่ถึงหนองน้ำ

ทุ่งไมยราบยักษ์ ที่ดินกึ่งสาธารณะ กึ่งกรรมสิทธิ์บุคคล ยังไม่มีอะไรชัดเจน

เราปักหมุดเต็นท์กางกึ่งๆ แถวนี้แหละ

"ใช่ๆ อาหารก็กึ่งสำเร็จรูปงี้เหรอ"หญิงย้อน

"ใจเย็นๆสิเธอ เราอาจจะได้ที่อยู่ฟรี"

 

เป็นดังเรือแพไม้ไผ่เร่ร่อน

ทอดสมอรังรอนซบเวิ้งอ่าว

ไม่ยึดติดอะไร

อยากไปเมื่อไหร่ก็ไป

 

เป็นเวลาสิบโมงเช้า หญิงต้องถอนสายตาจาก พ็อกเก๊ตบุ๊ค เล่มโปรดของตัวเอง และ กรก็ปล่อยให้หูฟัง หลุดออกจากร่องเสียง เมื่อเห็นชาวบ้านหนองปลาดุก เดินเป็นขบวน ในมือช่วยกันหามแท่งหมุดซีเมนต์ มีด จอบ เสียม พร้า สี แผ่นป้าย อาวุธพู่กัน ครบมือ ช่วยกันขุดหลุม และ ปักหมุดซีเมนต์ กรกับหญิง มองจากๆ อีกฟากฝั่งหนองน้ำ

ชาวบ้านแห่งนี้รู้จักใช้ฟ้อนตัวหนังสือ แบบเดียวกับฟ้อนพาดหัวข่าวหน้าหนึ่ง ของหนังสือพิมพ์รายวันเล่มหนึ่ง ดูหนักแน่น ยืนหยัด มั่นคง แต่บรรยากาศ ของกลุ่มหมอก ไอน้ำ จากหนองสีเทา ก็ทำให้พร่ามัว เกินกว่าจะอ่านข้อความออก ว่าอะไร? ทั้งหมด

 

"โฉนดชุมชน การจัดสรรที่ดินอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน

ที่ดินเป็นทรัพยากรส่วนรวม ลดความแรงในการถือครองระดับปัจเจกลง

นักท่องเที่ยวคุณคือเจ้าของทรัพยากรคนหนึ่ง...โปรดช่วยกัน..................................................................................................................."

 

 

**ภาพโดย อานุภาพ นุ่นสง

เผยแพร่ครั้งแรกที่ OK Nation 28/7/2009

 

ความเห็น

Submitted by ติ๊ก on

โอ๊ยๆๆๆๆๆๆ กี่ปีๆ ก็ยังเหมือนเดิม กับข้อเรียกร้องของเกษตรกร ในขณะที่ภาษีที่ดินคนมีอันจะกินก็ยังไม่คืบหน้า จริงป่าว

นิทาน (โบราณ) แห่งชาติ

เพียงคำ ประดับความ

 

-ภาค 1-

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว อีสปกับศรีธนญชัยเป็นเพื่อนรักกัน ทั้งคู่เป็นนักเล่านิทานชั้นยอด และต่างยังชีพด้วยการเดินทางไปเล่านิทานเปิดหมวกในที่ต่างๆ พวกเขาชอบเล่านิทานเรื่องเดียว กัน ด้วยรสนิยมในการเล่าที่แตกต่างกัน ศรีธนญชัยชอบเล่านิทานแห่งความสุข ส่วนอีสปชอบเล่านิทานแห่งความซาบซึ้ง

เสียมเรียบ..รำลึก

 ปราโมทย์  แสนสวาสดิ์


1

เม็ดฝนโปรยปรายยืดเยื้อมาตั้งแต่เมื่อวาน กระทั่งถึงช่วงเช้าก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ทำให้บรรยากาศจุดผ่านแดนไทย-กัมพูชา  บริเวณด่านช่องจอม จังหวัดสุรินทร์ เวลานี้ดูเทาทึบและเหงาหม่นไปตามอารมณ์ของฟ้าฝน ซึ่งแตกต่างกับในยามปกติที่นี่..จะคลาคล่ำไปด้วยผู้คนทั้งสองฝั่งที่เดินทางไปหาสู่กันเป็นประจำด้วยเหตุผลต่างๆกัน บางคนเข้ามาค้าขาย  บางคนเป็นนักเสี่ยงโชคกระเป๋าหนัก บางคนเป็นนักลงทุนผู้มองการณ์ไกล บางคนเข้ามาเยี่ยมญาติ บางคนค้าของเถื่อน หรือบางคนหนีความกันดารอดอยากเข้ามาขายเรือนร่างในเมือง กระทั่ง บางคนเป็นนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางแบบภาคพื้นดินเพื่อเข้าไปสู่ยังกัมพูชา ภาพเหล่านี้ล้วนสะท้อนความเคลื่อนไหวซึ่งบรรจุข้อเท็จจริงของชีวิตผู้คนเมืองชายแดนสองฝั่งไว้ครบถ้วน ลมหายใจของที่นี่จึงหมายถึงการค้าและการท่องเที่ยว 

กินข้าวใหม่ วิถีแห่งการพึ่งพาและเกื้อกูล

ดอกเสี้ยวขาว

 

 

ยามสายของวันหนึ่ง ฝอยฝนหล่นลงมาอย่างไม่ขาดสาย ทำให้ถนนทางเข้าหมู่บ้านปางตอง ตำบลปิงโค้ง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เต็มไปด้วยโคลนดินแดงเข้ม ทำให้รถไม่สามารถผ่านเข้าออกได้ ยิ่งถ้าหากเป็นรถธรรมดา หมดสิทธิ์ที่จะไต่ข้ามเส้นทางสายนี้ไปได้ นอกจากรถขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้น

พริตตี้ดับไฟ

 

วัชระ สุขปาน


เรื่องต่อไปนี้แต่งขึ้น ไม่ใช่เป็นเรื่องหาอ่านได้ทั่วไป โดยอิงสถานการณ์จริง ผู้แต่งได้พยายามควบคุม สั่งการ อาจมีการละเมิดเสรีภาพของตัวละครทุกท่าน แต่เหมาะสำหรับผู้อ่านทุกวัย

 


 


 

คีทอ ผู้มีมุมมองทางสุนทรียะภาพลดลงอย่างน่าเป็นห่วง เขานั่งจิบเบียร์เย็นๆ ทอดอารมณ์นิ่งๆ
ภูเขาเบื้องหน้า คือดอยประจำเมือง ที่มีไฟป่าเป็นจุดๆ ผสมผสานกัน จนเป็นส่วนหนึ่งของแสงเมือง

เรื่องเล่าของเจ้าหล่อน 'แม่ก้นครก'

 

 

เธอเอ๋ย...
เย็นนี้แดดสุกสว่างน่าออกไปเดินเล่น ถนนกรวดสีน้ำตาลแลดูสวยเหมือนเดิม
ใบไม้ใบหญ้าเขียวละไมตา เอ๊ะ..นั่นอะไรผลิบานตูมเต่งใต้ใบไม้แห้งหนอ
อ๋อ!  เห็ดป่านั่นเอง  เจ้าหล่อนถูกเรียกมาเนิ่นนานว่า.. "เห็ดก้นครก"
วงจรชีวิตของหล่อนนั้นอาศัยร่มไม้ใบบังอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ชื่อว่า "เจ้ากระบาก"
ฉันค่อย ๆ เอื้อมมือไปทักทายเจ้าหล่อนอย่างนุ่มนวล
ใช้ปลายนิ้วค่อย ๆ แตะไปที่หน้าบาน ๆ ของเจ้าหล่อน
ด้วยเกรงว่าจะเกิดการแตกปริเสียหาย...หล่อนจะโกรธกริ้วและทำลายตัวเองเป็นเสี่ยง ๆ