Skip to main content

ทุกท่านคงทราบกันแล้วนะครับว่าปัจจุบันกฎหมายไทยเกี่ยวกับเรื่องข่มขืนได้มีการปรับปรุงแก้ไขไปให้ทันกับสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นจริง เพราะมิใช่เพียงผู้หญิงเท่านั้นที่อาจตกเป็นเหยื่อผู้เสียหายจากนักข่มขืนชาย แต่เราก็มิได้จะบอกแบบชวนขำขันว่าต่อไปนี้ผู้หญิงจะข่มขืนผู้ชายได้แล้วหรอกนะครับ เพราะในความเป็นจริงมีชายจำนวนมากโดนข่มขืนจากชายด้วยกัน และที่รุนแรงแต่ไม่มีมาตรการแก้ไขมากนักในอดีตนั่นคือ การล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กชายที่กลายเป็นช่องโหว่ของกฎหมาย ทำให้นักข่มขืนเด็กชายจำนวนมากได้รับโทษเบาบาง อย่างไม่น่าให้อภัยต่อความไม่ละเอียดอ่อนของกฎหมายแต่ปัจจุบันนั้นเปลี่ยนไปแล้ว!

นอกจากนี้เพศสภาพที่หลากหลายและรสนิยมทางเพศที่หลากหลายยังอาจทำให้เกิดกิจกรรมทางเพศโดยสมัครใจที่ไม่อาจใช้นิยาม “ชายข่มขืนหญิง” แบบแคบๆได้อีกต่อไป รวมถึงอวัยวะที่ใช้กระทำการข่มขืนและอวัยวะที่ถูกล่วงละเมิดกระทำชำเราก็หลากหลายเช่นกัน   ดังนั้นจึงมีการขยายความออกไปเพื่อรองรับปัญหาเหล่านี้ นอกจากนี้ยังมีเรื่องการยอมความกันได้และการข่มขืนหญิงที่เป็นภรรยาตนอีกที่ยังถกเถียงกันไม่จบสิ้น เพราะเรื่องเพศนี่มันเป็นเรื่องใหญ่และบางอย่างก็เกินการควบคุมของสามัญสำนึกในใจใครหลายคน และใช่ว่าเป็นเพียงความเพ้อฝันของผู้ผลักดันกฎหมาย แต่มันเกิดได้กับทุกท่านจริงๆ ลองไปฟังสิ่งที่เกิดขึ้นกับน้องสองคนนี้ดูครับ


“เมื่อถึงช่วงสงกรานต์พวกเรามักจะนัดเลี้ยงรุ่นกันที่โรงเรียนของเราเพราะนอกจะใกล้วันสถาปนาแล้ว ทุกคนยังสามารถกลับมาสังสรรค์ร่วมกันได้เพราะมันเป็นช่วงหยุดยาว ปีนี้ครบรอบที่เราจบกันไป 3 ปี ทุกคนก็บรรลุนิติภาวะกันหมดแล้วเพื่อนๆเลยบอกว่าพาพวกที่ไม่เคยไปกลางคืนไปเปิดหูเปิดตากันเถอะ แล้วเราก็ไปเที่ยวผับกัน กินเหล้าเมาเฮฮากันสนุกสนานมากมายจนสุดท้ายต้องแยกย้ายกันกลับบ้านเพราะผับปิดและต้องกลับกันคนละทาง เราก็ไม่รู้จะกลับยังไงเพาะตอนไปเจอกันที่งานสังสรรค์นั้นมันกลางวันหารถรับจ้างไปได้สบาย

แต่ตอนนี้มันดึกเกือบจะตีสามอยู่แล้ว คนอื่นก็เรียกรถกลับออกไปจนแถวๆร้านไม่เหลือรถรับจ้างอีก แถมเพื่อนคนที่รถมาก็ต้องพาคนอื่นไปส่งไกลๆ เหลือคนที่บ้านไปทางที่เราอยู่คนเดียวแต่เขาก็บอกว่ารถเต็มแล้วเดี๋ยวจะให้เพื่อนเขาอีกคนที่เจอกันในผับพาไปส่งให้นะ แล้วสักพักคนรู้จักขอเพื่อนก็ขับรถมาแล้วบอกว่าขึ้นมาเลยไม่ต้องเกรงใจเดี๋ยวเราพาไปส่งได้ แล้วพากันกลับที่พักโดยให้เขาไปส่งเถอะทางผ่านพอดีเขาจะได้มีเพื่อนคุยด้วยมึนๆแล้วขับคนเดียวกลัวหลับใน 

เราก็นั่งรถกลับไปกับเขาแต่ทางที่ไปไม่ใช่ทางกลับที่พักจึงเกิดการทะเลาะกันเพราะงงว่าเขาจะไปไหน แล้วเขาก็หักรถเลี้ยวพาขับเข้าโรงแรมม่านรูด เราก็จะเปิดประตูหนีออกไปแต่เขาเริ่มทำร้ายร่างกายเราโดยไม่ทันตั้งตัวบวกกับเราเมามากจึงไม่มีแรงต่อสู้ขัดขืน ตั้งแต่โตมานี่เป็นครั้งแรกที่เราร้องไห้แต่ทำอะไรไม่ได้มันจุกไปหมดจะร้องขอให้น้องคนรูดม่านช่วยก็ร้องไม่ออกเพราะโดนปิดปากด้วยลิ้นของเขาเสียแล้ว เขาซุกไซ้ไปพลางพูดเกลี้ยกล่อมว่ายังไงก็ไม่รอดหรอก ยิ่งขัดขืนจะยิ่งเจ็บตัวเพราะเขาเล่นเวตและฝึกต่อสู้ทุกวันยังไงเราก็เอาตัวไม่รอดหรอกแถมบอกว่าไม่อายคนเหรอถ้าเรียกคนอื่นมาช่วยแล้วเขามาเห็นว่าอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าเพราะโดนผู้ชายอีกคนลากมาข่มขืน
 
ใช่แล้วครับผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าชีวิตนี้จะโดนผู้ชายที่ดูแมนๆเฮฮากันตามประสาผู้ชายทั่วไปลากมาทำให้เจ็บใจและเจ็บกายได้ขนาดนี้ ใครไม่เคยผ่านเหตุการณ์ไม่รู้หรอกครับว่าไอ้การเจ็บตัวที่ต้องโดนข่มขืนโดยคนที่แข็งแรงกว่าเรามันทำให้สภาพจิตใจแย่แค่ไหน หลังจากเขาลากเราเข้าไปและทำกับร่างกายเราจนหนำใจก็ผละเราออกไปโดยบอกว่า “มึงไปได้แล้ว กูหมดธุระกับมึงแล้ว” 

เขาก็ขับรถออกไปทิ้งให้เรานอนเจ็บจุกและอับอายมากเมื่อพนักงานโทรมาบอกว่าหมดเวลาแล้วจะนอนต่อหรือจ่ายเงินเพราะรถก็ขับออกไปแล้วพร้อมหัวเราะกลั้วมาในโทรศัพท์ ก่อนที่ผมจะขอให้เรียกรถโดยสารให้เพราะไม่กล้าแจ้งความตำรวจในตอนนั้นเพราะไม่รู้ว่าจะมีนักข่าวตามมาถ่ายรูปให้ได้อายหรือเปล่า ผมกลับมาบ้านและพยายามติดต่อเพื่อนคนที่ปล่อยให้กลับมากับชายคนนั้นแต่เขาปิดมือถือ ผมจึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจนัดจะไปแจ้งความเหตุ หลังจากนั้นผมจึงไปแจ้งความตัวคนเดียวไม่กล้าเล่าให้ใครฟังทั้งนั้น ซึ่งทราบต่อมาว่านายคนนี้เป็นคนร่ำรวยและมีอิทธิพล ผ่านไป 2 เดือนคดียังไม่คืบหน้าและไม่มีการดำเนินการใดๆเกิดขั้น แต่ที่แปลกใจคือเพื่อนของผมที่ส่งผมไปให้เขาเชือดนั้นได้ออกรถคันใหม่ซึ่งเงินดาวน์รถก้อนนี้มันมาจากไหน” ครับเรื่องนี้คงให้อะไรกับคนที่คิดว่า “เราฉลาดและแข็งแรง” โลกอยู่ยากขึ้นนะครับ

อีกเรื่องเกิดกับน้องหนึ่งที่พึ่งเข้ามาปรึกษากับพี่วาณิชย์ซึ่งท่านผู้อ่านจะได้เจอในช่วงคดีแพ่งฯ ว่าจะทำอย่างไรน้องเขาไม่อยากแต่งงานกับชายที่เขาไม่รัก โดยเรื่องมีอยู่ว่า 

“น้องเขาได้คบหากับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งพ่อแม่สองฝ่ายแนะนำให้เป็นแฟนกันได้รู้จักกันสักระยะน้องผู้หญิงอายุ13 ส่วนฝ่ายชายอายุ 17 ปี เมื่อเวลาผ่านไปน้องผู้หญิงรู้สึกว่าไม่ใช่ จึงได้พยายามตีตัวออกห่าง เพราะอีกข้างเริ่มออกลายมีผู้หญิงเข้ามามากมายตามสไตลส์หนุ่มสปอร์ตเพราะครอบครัวเขามีหน้าตาในสังคม แต่น้องเขาไม่ชอบเพราะไม่อยากมีปัญหาต้องมาเสียใจในอนาคต ฝ่ายชายเริ่มรู้สึกได้ว่าหญิงกำลังจะจากไปจึงเพียรพยายามขอมีเพศสัมพันธ์กับน้องผู้หญิง แต่เธอก็ได้ปฏิเสธไปตลอดเพราะไม่อยากอยู่กับผู้ชายคนนี้ไปตลอดชีวิต แต่ผู้ชายไม่ยอมจึงได้ใช้กำลังบังคับข่มขืนผู้หญิงจนสำเร็จโดยในวันนั้นอ้างว่า ขอมาเจอเป็นครั้งสุดท้ายจะได้ตกลงว่าหลังจากนี้จะทำอย่างไรและขอมาเอาของที่เคยให้คืน ด้วยความที่หญิงเจ็บใจว่าทำไมต้องมาทวงของเหมือนว่าที่เคยคบกันมาเพราะหญิงเห็นแก่ทรัพย์สินเงินทอง จึงยอมให้มาหาที่บ้านตอนกลางวันแต่ดันลืมคิดว่าไม่มีใครอยู่เพราะออกไปทำงานกันหมด 

พอมาถึงชายนั้นได้ฉวยโอกาสรุกเข้าหาพาฉุดกระชากลากเข้ามาในบ้าน และหาความสำราญจากร่างกายของเธอ เขาบอกว่าจะปรนเปรอความสุขให้เธอจะได้อยู่รับความสุขนี้ไปไม่มีเบื่อ ขอให้เชื่อว่าเธอจะเป็นเมียหลวงเหนือมีเมียอื่นเพราะทุกคนรักและอยากให้เธอมาเป็นภรรยาตีตราของครอบครัวเขา เขาวนเวียนทำอย่างนั้นกับน้องเขาตั้งแต่เช้าจนเย็นเหมือนรอเวลาให้คนที่บ้านเธอกลับมาเห็นเหตุการณ์ เธอเจ็บใจและรู้สึกเหมือนไม่มีใครจะสามารถช่วยเธอได้เลย เพราะเขาบอกว่าไม่กลัวพ่อแม่เธอหรอก มาเจอเลยจะได้ขอแต่งงานเป็นเมียเพราะได้เสียกันแล้ว
 
จนตกค่ำทุกคนกลับมาเขาก็ไปตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จว่า “อย่าด่าว่าน้องเลยครับ ผมผิดเองที่ห้ามใจไม่ไหว แต่ผมรักอยากดูแลน้องเขาไปตลอดชีวิต” เมื่อเรื่องนี้ทราบถึงผู้ใหญ่ จึงได้มีการบังคับให้แต่งงานกันเกิดขึ้น ทั้งที่ผู้หญิงไม่ได้ให้ความยินยอมที่จะอยู่กินด้วยก็ตาม เธอรู้สึกบอบช้ำมากที่ต้องยอมรับทุกอย่างเพราะเป็นผู้หญิง แทนที่พ่อแม่จะไปร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิงให้เข้ามาจัดการให้ มิเช่นนั้นเธอก็จะต้องทนอยู่กับผู้ชายที่ยังไม่แน่ใจว่าพร้อมที่จะใช้ชีวิตร่วมกันอย่างซื่อสัตย์ ทั้งที่เรื่องนี้ผู้ชายเป็นฝ่ายผิดอย่างมาก ผู้ใหญ่ไม่ควรแก้ไขปัญหาด้วยวิธีนี้เลย”

วิเคราะห์ปัญหา
1. การข่มขืนชายโดยชายถือเป็นความผิดฐานอะไร
2. การใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อบังคับข่มขืน หรือการข่มขืนจนทำให้ได้รับบาดเจ็บจะเป็นความผิดฉกรรจ์หรือไม่
3. ผู้ที่เป็นธุระจัดการให้เกิดข่มขืนถือว่ามีความผิดตามกฎหมายด้วยหรือไม่
4. ชายอายุไม่เกิน 18 ปี ข่มขืนหญิงที่อายุไม่เกิน 15 ปี ต่อมาพ่อแม่ฝ่ายหญิงยินยอมให้แต่งงานเป็นภรรยาถือเป็นการล้างความผิดได้หรือไม่ ต้องให้ใครอนุญาตอีกหรือไม่
5. พ่อแม่สามารถบังคับหญิงให้แต่งงานได้หรือไม่
6. การกระทำชำเราเป็นความผิดที่ยอมความกันได้หรือไม่อย่างไร

การนำกฎหมายมาแก้ไข
1. การข่มขืนชายโดยชายถือเป็นความผิดฐานกระทำชำเราตามกฎหมายอาญาความผิดต่อเพศ
2. การใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อบังคับข่มขืนถ้ามีการใช้อาวุธจะเป็นเหตุเพิ่มโทษ การข่มขืนจนทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิตจะเป็นความผิดฉกรรจ์มีโทษร้ายแรง
3. ผู้ที่เป็นธุระจัดการให้เกิดข่มขืนถือว่ามีความผิดตามกฎหมายด้วยทั้งในฐานะผู้สนับสนุนทั่วไป หรือความผิดเฉพาะในการจัดหา เช่น กรณีนางนกต่อ นายนกต่อ ที่ล่อลวงเพื่อนไปให้คนอื่นข่มขืน
4. ชายอายุไม่เกิน 18 ปี มีเพศสัมพันธ์กับหญิงที่อายุเกิน 13 ปี ถ้าต่อมาพ่อแม่ฝ่ายหญิงยินยอมให้แต่งงานเป็นภรรยาถือเป็นการล้างความผิดได้แต่ต้องให้ศาลอนุญาตก่อน ถ้าเป็นคดีฟ้องร้องแล้ว
5. พ่อแม่ไม่มีอำนาจใดๆในการบังคับหญิงให้แต่งงาน รวมถึงบังคับให้ชายแต่งงานกับหญิงก็ไม่ได้
6. การกระทำชำเราเป็นความผิดที่ยอมความกันได้ เว้นกรณีที่ใช้อาวุธบังคับ หรือกระทำชำเราแบบรุนแรง เช่น รุมโทรม ทำให้บาดเจ็บสาหัส หรือตาย เป็นต้น

ช่องทางเรียกร้องสิทธิ
1. การกระทำชำเราเป็นความผิดทางอาญา ชาย/หญิงหรือผู้ปกครองสามารถแจ้งความให้ดำเนินคดีอาญาได้ที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองหรือสถานีตำรวจ เพื่อดำเนินการจับกุมผู้กระทำผิด
2. หากเกรงเรื่องชื่อเสียงเกียรติยศและความอึดอัดใจอาจไปแจ้งดำเนินคดีที่แผนกคดีปราบปรามการกระทำผิดต่อเด็กและสตรี ของแต่ละสถานีตำรวจก็ได้ เพื่อดูแลหญิงผู้เสียหายเป็นพิเศษ แต่ชายยังไม่มีองค์กรพิเศษ
3. คดีกระทำชำเราทั้งสองจะฟ้องร้องกันในศาลอาญาก่อนเมื่อกำหนดความผิดแล้วอาจเรียกค่าเสียในทางแพ่งฯ ไปในคราวเดียวกันได้ด้วย หากผู้กระทำผิดอายุต่ำกว่า 18 ปี คดีจะขึ้นสู่ศาลแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวฯ
4. หญิงสามารถปฏิเสธการแต่งงานโดยขอรัฐเข้าพักในสถานที่พักพิงบำบัดจิตใจได้ หากรู้สึกไม่ปลอดภัยจากครอบครัวตน การแต่งงานสามารถฟ้องกันในได้ในศาลแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวฯ 

สรุปแนวทางแก้ไข
เรื่องแรกใช้หลักความผิดต่อเพศและร่างกายทางอาญา ซึ่งกรณีนี้มีการทำร้ายร่างกายและข่มขืนจึงเป็นความผิดทางอาญาที่แจ้งความต่อตำรวจเพื่อดำเนินคดีได้ รวมถึงผู้ที่เป็นธุระจัดหาหรือสนับสนุนให้เกิดการกระทำชำเราก็มีความผิดด้วย อย่างไรก็ตามคดีนี้เป็นความผิดส่วนตัวอันอาจยอมความได้ โดยอาจมีการตกลงชดเชยค่าสินไหมทดแทนกันตามที่ผู้เสียหายเรียกร้องเพื่อระงับข้อพิพาทกันเองได้ 
เรื่องหลังใช้หลักความผิดต่อเพศในทางอาญา กระบวนการยุติธรรมต่อเด็กและสตรี และสิทธิในการมีครอบครัวของบุคคล ซึ่งกรณีนี้เจ้าตัวมีสิทธิในการปฏิเสธการแต่งงาน และแจ้งความให้ดำเนินคดีต่อการผู้กระทำความผิดฐานข่มขืนและเรียกค่าสินไหมทดแทนในการละเมิดดังกล่าวด้วย และสามารถใช้กระบวนการตามวิธีพิจารณาอาญาพิเศษในคดีเยาวชนและครอบครัวฯที่ให้การคุ้มครองสิทธิเด็กและสตรีเนื่องจากไม่มีใครปกป้องเธอเลย

บล็อกของ ทศพล ทรรศนพรรณ

ทศพล ทรรศนพรรณ
อย่างที่เราเคยได้ยินกันว่า “คนที่ตายแล้วก็สบายไป ที่เหลือไว้คือลูกหลานที่แย่งชิงมรดก” หากไม่มีการวางแผนและจัดการปัญหาไว้ล่วงหน้า ก็อาจมีปัญหาในครอบครัวตามมาหากว่าความรักไม่อาจเอาชนะความโลภได้ แต่ในบางครั้งก็มิใช่เพียงกิเลสเท่านั้นที่ทำให้เกิดเรื่องเนื่องจากยังมีความยุ่งยากภายในครอบครัวตามมาอีกมาก
ทศพล ทรรศนพรรณ
ปัญหาบางเรื่องมิได้เกิดจากการเดินเข้าไปพบปัญหา แต่บางครั้งปัญหาก็บุกมาถึงตัวเราด้วยปฏิบัติการเป็นหมู่คณะของบริษัทห้างร้านที่ทำธุรกิจร่วมกันไขว้โปรโมชั่นไปมา แล้วเอาข้อมูลของเรามาหาประโยชน์ทางการค้า ด้วยการติดต่อมาหาแล้วพูดจาหว่านล้อมสารพัดจนเราพลัดตกลงไปในหลุมพรางหรือบ่วงล่อบางอย่างจนทำให้เกิดการ
ทศพล ทรรศนพรรณ
เดี๋ยวทรัพย์สินไม่ใช่ของที่จับต้องได้อย่างข้าวของ เงินทองอย่างเดียวแล้ว มีทรัพย์สินทางปัญญาที่เขารณรงค์กันตลอดเวลาว่าอย่าละเมิด บางทีก็งงใช่ไหมครับ ว่าทำไมเราซื้อหนังสือหรือซีดีมาแต่ทว่า เขาบอกห้ามเผยแพร่ ทำซ้ำ เราก็กลัวว่าถ้าปั้มไปให้เพื่อนเยอะจะผิดไหม แต่ใครๆก็ทำกัน ไหนจะข่าวคนเก็บขยะเอาแผ่นซีด
ทศพล ทรรศนพรรณ
เรื่องที่ผมจะคอยเตือนให้ทุกคนจดจำไว้เสมอคือ “ไม่ควรไว้ใจเรื่องทรัพย์สินเงินทองกับคนรู้จัก” หากจะรักษาความสัมพันธ์ที่ดีอาจต้องกันเรื่องเงินๆทองๆไม่ให้มีภาระผูกพันกันไว้เป็นดี   หากจะเห็นใจกันก็ต้องทำใจไว้ล่วงหน้าว่า ถ้าช่วยอะไรกันไปแล้วอาจไม่ได้คืนมา  แต่ทว่ามีเรื่องหนึ่งในทางกฎหมาย
ทศพล ทรรศนพรรณ
ปัญหาที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับสังคมที่ใช้เงินทองเป็นตัวกลางแลกเปลี่ยนสินค้า ก็คือ การกู้ยืมเงิน มีตั้งแต่การกู้ยืมกันธรรมดาระหว่างญาติพี่น้องคนรู้จักและเพื่อนฝูง ไปจนถึงการกู้ยืมกับคนร่ำรวยในพื้นที่ ถึงขนาดมีผู้มีอิทธิพลปล่อยกู้นอกระบบจนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตเมื่อเกิดการทวงหนี้แล้วมีปัญหาใช้ความรุนแ
ทศพล ทรรศนพรรณ
เรื่องถัดมาก็เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมากกับคนที่ต้องย้ายตัวเข้ามาทำงานหรือมาเรียนต่างที่ ยิ่งเดี๋ยวนี้การเข้ามาอยู่ในเมืองเป็นเรื่องที่คนเจเนอร์เรชั่นวอล์ค (Generation Walk) อย่างเราๆท่านๆที่ไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง ไม่ซื้อรถยนต์ขับ และยังไม่แต่งงานต้องคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี   เพราะบางคนย้ายที
ทศพล ทรรศนพรรณ
หากใครทำธุรกิจการค้าก็คงหวั่นเกรงจะเกิดปัญหาที่จะพูดถึงต่อไปนี้กับกิจการตนเองใช่ไหมล่ะครับ ใช่แล้วครับ เช็คเด้ง!
ทศพล ทรรศนพรรณ
เมื่อถึงเทศกาลสำคัญที่ทุกคนได้ปลดปล่อยกันสุดเหวี่ยงอย่างสงกรานต์   คนจำนวนมากก็เลยถือโอกาสเมาหัวทิ่มมันทุกวันเช้ายันเช้ามืดอีกวันหนึ่ง ตื่นมาก็กินต่อ   ไม่แค่นั้นความสุขทุกรูปแบบที่นึกได้ก็จะหามาปรนเปรอตัวเองให้สนุกสุดเหวี่ยง   ถ้าออกไปนอกบ้านก็จะเจอสงครามสาดน้ำและลู
ทศพล ทรรศนพรรณ
เรื่องนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งกับคนไทยยุคหลังครับ เพราะห้างสรรพสินค้ากลายเป็นสถานที่สำคัญของการรวมผู้คนในยุคสมัยที่ชุมชนของเราเปลี่ยนไป จากที่แต่ก่อนอยากได้อะไรก็ซื้อของในร้านใกล้บ้าน อยากซื้อของกินของใช้ก็ไปร้านของชำ อยากได้เสื้อผ้ารองเท้าก็ไปสั่งตัดเอาจากร้านที่เชื่อมือกัน ร้านอาหารดังๆ ยี่ห้อใหญ่ๆ
ทศพล ทรรศนพรรณ
เอาล่ะครับ พ่อแม่พี่น้อง เรื่องถัดไปนี่คงเป็นความสนใจของเพื่อนพ้องหลายๆพื้นที่นะครับ มีเรื่องจำนวนมากเกี่ยวกับ  เจ้าพนักงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในบางพื้นที่เพิกเฉย ละเลย ดูแลปัญหาความเดือดร้อนของคนในพื้นที่ แถมยังมีเรื่องราวกินสินบาทคาดสินบนทำให้ชาวบ้านจนปัญญา
ทศพล ทรรศนพรรณ
เรื่องต่อไปนี้สะท้อนความเป็นไปในระบบการศึกษาไทยได้เป็นอย่างดีเลยครับ เพราะอย่างที่เรารู้กันว่าอนาคตของเราฝากไว้ที่การสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่น้อยเลยทีเดียว   หากอยากเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ คณะดังๆ เพื่อหวังว่าจบมาจะหางานทำง่ายๆ คงรู้กันว่าต้องเตรียมตัวสอบเข้าให้ได้ เลยเกิดโรงเรียนกวดวิชาขึ้นมาม
ทศพล ทรรศนพรรณ
ผมคิดว่าทุกคนคงเคยเจอปัญหาแบบนี้เข้ากับตัวเองบ่อยๆ เลยครับ ก็เรื่องข้าวของราคาแพง จะไปกิน ไปเที่ยวให้หายเปรี้ยวปากก็ลำบากขึ้น เพราะไม่รู้ว่าต้องรู้สึกผิดหลังจากรู้ราคาและควักเงินจ่ายออกไปรึเปล่า เพราะบางทีก็เจอร้านหรือบริการที่ไม่บอกราคาชัดเจน มีงุบงิบปิดบังราคาหลบซ่อน โฆษณาจนเราเข้าใจผิดว่าราคาถ