Skip to main content

เรื่องยุ่งๆ เกิดจากการไม่ได้รับความเป็นธรรมตามเงื่อนไขการสมัครเป็นสมาชิกของบริษัทจำกัดแห่งหนึ่ง ซึ่งได้เข้ามาชักชวนคนในพื้นที่ให้เข้าร่วมทำสัญญาประกันชีวิตแต่ไม่ได้ทำตามเงื่อนไขของสัญญาที่มาเล่าปากเปล่าและมีการปิดบังซ่อนเร้น เพิ่มเติมเงื่อนไขบางอย่าง เมื่อผู้เอาประกันตาย ญาติ ลูกหลานไปร้องขอรับประโยชน์กลับไม่ได้ตามสัญญา

“เรื่องมันเริ่มที่ย่าของข้าพเจ้าอาศัยอยู่ในอำเภอรอบนอกแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่โดยท่านอยู่ในบ้านลำพังคนเดียวเวลากลางวันเนื่องจากทุกคนต้องออกไปทำงานนอกบ้าน แต่ในละแวกใกล้เคียงก็มีญาติอยู่   ซึ่งในช่วงกลางวันนี้จะมีคนแวะเวียนเอาสินค้ามานำเสนอขายอยู่เนืองๆ แต่ก็ไม่ได้มีเรื่องให้เดือดร้อนอะไรมากมายเพราะไม่ได้เสียเงินซื้อของไปเยอะนัก   จนมาวันหนึ่งมีตัวแทนจากบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งเป็นคนคุ้นเคยกับย่าไปมาหาสู่กันอยู่บ่อยๆ ได้เข้ามาค่อยๆ ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบอยู่เรื่อยๆ จนย่าตกลงใจจะซื้อประกันกับตัวแทนคนนี้

ในตอนแรกข้าพเจ้าก็แปลกใจเนื่องจากบริษัทนี้และพี่คนนี้ไม่ได้ขายประกันกับบริษัทยี่ห้อดังๆโดยตรง แต่เป็นบริษัทซึ่งประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการเกษตรใน เชียงใหม่ ย่าข้าพเจ้าจึงเข้าไปเป็นสมาชิกของเครือข่ายบริษัทด้วย โดยพอข้าพเจ้าได้คุยกับย่าแล้วในครอบครัวลองเอาสัญญามาอ่านกันดูจึงเข้าใจว่ามันคล้ายๆ กับดาวน์ไลน์ขายตรงทั้งหลายที่เพื่อนๆ ข้าพเจ้าเคยชักชวนเข้าไปร่วมทำด้วยหลายครั้ง   ส่วนพวกผู้ใหญ่ก็บอกว่ามันเหมือนกับพวกรวมกลุ่มสหกรณ์เผาศพที่ตามต่างจังหวัดจะมีอยู่ในหลายๆพื้นที่ แต่กลุ่มเหล่านั้นมักจะตั้งขึ้นจากกลุ่มคนในชุมชนเดียวกันที่มีความไว้เนื้อเชื่อใจกันเพราะเห็นหน้าค่าตาและรู้ว่าใครเป็นยังไง มีญาติพี่น้องที่ไหน และเกรงใจกันอยู่แล้ว   พวกเราจึงงงกันเล็กน้อยเนื่องจาก บริษัทการเกษตรแห่งนี้ก็ไม่ได้ทำกิจการแบบนี้มาก่อน แต่ทำไมมาเริ่มกิจกรรมแบบนี้ด้วย อาจจะเป็นเพราะคลุกคลีกับเกษตรกรในพื้นที่ชนบทจนเห็นว่ามีกิจกรรมนี้และมีเงินหมุนเวียนกับกลุ่มต่างๆเป็นล้าน ถึงได้เข้ามาหาช่องทางทำกินแบบใหม่ที่ได้เงินชาวบ้านมากอดไว้แต่ต้องรู้จักจัดการความเสี่ยงถ้าผู้จ่ายประกันตายขึ้นมา

ลุงของข้าพเจ้าลองเอาสัญญามาดูรายละเอียดพบว่า ในสัญญานั้นบริษัทให้สิทธิตามเงื่อนไขและผลประโยชน์ที่จะได้รับดังนี้ ทุนประกันการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุแบบกลุ่มกับบริษัทประกันภัยที่ทางบริษัทเกษตรแห่งนี้ไว้ติดต่อ หากเสียชีวิตจะได้รับเงินสูงถึง 200,000 บาท   หากเป็นการเสียชีวิตปกติจะได้เงินร่วมบำเพ็ญกุศลงานศพให้ 50,000 บาท แต่มิได้มีการเขียนวงเงินคุ้มครองหากมีการเสียชีวิตปกติและโรคภัยแต่อย่างใด ทำให้เราเข้าใจแล้วว่าจริงๆ บริษัทเกษตรเป็นนายหน้ามาหาลูกค้าเอาจากเครือข่ายความสัมพันธ์กับเกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่นั่นเอง

หลังจากนั้นย่าได้เสียชีวิตลงโดยสงบมิได้ประสบอุบัติเหตุแต่อย่างใด ทางครอบครัวจึงแจ้งไปทางบริษัทเพื่อรับเงินตามเงื่อนไขซึ่งเงินที่ระบุไว้คือ 50,000 บาทเพื่อใช้จ่ายในพิธีศพ   แต่กลับไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากบริษัทไม่นำเงินมาให้ แต่บอกให้ทางครอบครัวลงชื่อเพื่อรอคิวรับเงินทีหลัง

เห็นว่าข้าพเจ้าไม่ได้รับความเป็นธรรมดังนี้

1.              บริษัทปัดความรับผิดชอบที่ตอนแรกบอกว่าหากเสียชีวิตจะนำเงินมาร่วมงานบำเพ็ญกุศล

2.              บริษัทไม่ได้แจ้งให้หรือระบุว่าจะจ่ายเงินให้แค่วันละ 2 ศพ

3.              ในเรื่องเงื่อนไขผลประโยชน์ที่จะได้รับไม่มีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้าอย่างชัดเจน

วิธีแก้ในตอนแรก ทางญาติพี่น้องของข้าพเจ้าได้เข้าไปพูดคุยกับทางบริษัท รวมถึงไปสอบถามความกับคนอื่นๆที่เป็นสมาชิกในกลุ่มเดียวกัน กลับพบว่าสมาชิกหลายคนไม่ได้รับความเป็นธรรมเช่นเดียวกัน  จึงเริ่มวิตกกันแล้วว่า หากเข้าชื่อรอคิวต่อไปก็ไม่อาจทราบได้ว่าเมื่อไหร่ โควตาวันละสองคนจะมาถึงเรา หรือซ้ำร้ายบริษัทอาจปล่อยให้เนิ่นนานไปเพื่อไม่ให้เราได้รับเงิน เพราะคงคิดว่าเราจะยุ่งอยู่กับงานศพ และการแบ่งมรดกหลังจากนั้น จนลืมๆเรื่องนี้ไป

หากบริษัทไม่ยอมมอบเงินให้จริงๆ ญาติพี่น้องของข้าพเจ้าก็คงไม่เอาเรื่องไปจ้างทนายฟ้องด้วยอีกเช่นกัน เพราะไม่รู้ว่าค่าจ้างทนาย การเสียเวลาไปขึ้นโรงขึ้นศาล แล้วเงินที่ได้มาก็ต้องแบ่งกันในหมู่ญาติหลายคน จนเหลือได้มาช่วยงานศพที่ลงเงินกันไปจริงๆกันแค่คนละไม่เท่าไหร่ ก็ไม่รู้ว่าญาติคนไหนจะเป็นคนไปเดินเรื่องทั้งหมด   เพราะลุงที่เป็นพี่คนโตก็ทำงานอยู่อีกจังหวัดหนึ่งจะเทียวมาเทียวไปก็ลำบาก ทุกคนอยากจัดการเรื่องให้เสร็จไวไว จะได้กลับไปทำงานตามเดิม”

เค้าเลยมาคุยดูเผื่อว่าจะมีช่องทางไหนแก้ไขได้บ้าง เพราะลำพังจะให้จ้างทนายฟ้องเอามันก็ไม่ง่ายสำหรับครอบครัวเค้าเลยครับ

วิเคราะห์ปัญหา

1.              การทำสัญญาประกันชีวิตโดยคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งอาจมีความบกพร่องในความสามารถด้านการศึกษาข้อมูลสัญญาจะสามารถบังคับตามสัญญากันได้หรือไม่

2.              ลักษณะสัญญาประกันชีวิตที่มีการระบุมาเสร็จสรรพล่วงหน้า คู่สัญญาไม่อาจแก้ไขสัญญาก่อนที่จะลงนาม ถือเป็นสัญญาสำเร็จรูป มีลักษณะเป็นข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรมหรือไม่

3.              การปิดบัง อำพราง ซ่อนเร้น เงื่อนไขข้อสัญญา หรือเพิ่มเงื่อนไขในการใช้สิทธิโดยคู่สัญญาอีกฝ่ายไม่รับรู้นั้น ทำให้ผลในการบังคับสัญญาเปลี่ยนไป จะมีผลทางกฎหมายอย่างไร

4.              หากผู้รับสิทธิประโยชน์ไปขอรับสิทธิตามสัญญาประกันจากบริษัทประกันคู่สัญญาแล้วโดนปฏิเสธ บ่ายเบี่ยง  ผู้ที่สัญญาระบุว่าเป็นผู้รับประโยชน์จะสามารถกระทำการเช่นไรได้บ้าง

5.              มีวิธีการเรียกร้องสิทธิอย่างไรบ้างที่ไม่ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายสูง และเสียเวลาไม่มากนัก

การนำกฎหมายมาแก้ไข

1.              หลักกฎหมายนิติกรรมสัญญาจะต้องพิจารณาว่าขณะทำสัญญาคู่สัญญามีความสามารถในการเข้าทำสัญญาหรือไม่ กล่าวคือ มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ ไม่มีลักษณะบกพร่อง   เพื่อให้เกิดความสามารถในการเข้าใจเนื้อหาสัญญาและแสดงเจตนาเข้าร่วมสัญญาด้วยความสมัครใจ สัญญาจึงจะมีผลบังคับกันได้   หาไม่แล้วจะมีลักษณะเป็นโมฆียะ คือ สัญญามีผลบังคับไปจนกว่าคู่สัญญาฝ่ายที่บกพร่องมาบอกล้างสัญญา  หากยังอยู่ในอายุความหนึ่งปีนับจากรู้หรือสิบปีนับจากทำสัญญา คู่กรณีหรือทายาทมีสิทธิบอกล้างได้

2.              ลักษณะการทำสัญญาประกันชีวิตอาจมีลักษณะการร่างสัญญาต้นแบบมาล่วงหน้า แต่ต้องให้สิทธิคู่กรณีในการอ่านและแก้ไขเพิ่มเติมหรือตัดทิ้ง แล้วจึงจะตกลงกัน   แต่สัญญาส่วนใหญ่จะมีรูปแบบมาตรฐานของบริษัทก็ต้องพิจารณาว่าไม่มีข้อสัญญาที่ขัดกับกฎหมาย

3.              สัญญาจะบังคับกันเท่าที่ปรากฏอยู่ในเอกสารสัญญา   การเพิ่มเงื่อนไข และการปิดบังซ่อนเร้น ไม่อาจนำมาบังคับคู่สัญญาฝั่งที่ไม่รู้รายละเอียด   หากมีการเพิ่มเติมหรือปิดบังซ่อนเร้นเนื้อหาทำให้คู่สัญญาอีกฝ่ายไม่รู้ เนื้อหาส่วนนั้นก็จะไม่มีผลบังคับทางกฎหมาย

4.              ผู้รับประโยชน์มีสิทธิเรียกร้องสิทธิประโยชน์ตามสัญญาได้โดยการบังคับตามสิทธิที่กฎหมายแพ่งและกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งรับรองไว้ และอาจใช้สิทธิตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคเพิ่มเติมได้อีกด้วย

ช่องทางเรียกร้องสิทธิ

1.              การบังคับตามสิทธิในสัญญา เริ่มด้วยการทวงถามเพื่อให้ลูกหนี้ คือ บริษัทประกันชดใช้หนี้ประกันชีวิตตามที่ตกลงกันไว้ในสัญญา

2.              หากยังไม่มีการชำระหนี้ หรือบ่ายเบี่ยงหลบเลี่ยง ก็สามารถนำความเดือดร้อนนี้ไปร้องยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.) (กรุงเทพฯ) หรือคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำจังหวัดในจังหวัดที่ท่านอาศัยอยู่ได้

3.              เนื่องจากเรื่องนี้มีหน่วยงานรัฐเฉพาะที่ดูแลเรื่องอยู่จึงสามารถร้องเรียนไปที่หน่วยงานรัฐนั้นได้เพิ่มเติม  กรณีนี้ คือ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)

4.              มาตรการขั้นเด็ดขาด ผู้บริโภคสามารถนำเรื่องไปฟ้องยังศาลแพ่งและพาณิชย์ แผนกคดีผู้บริโภคได้ ซึ่งจะมีขั้นตอนและวิธีการดำเนินคดี รวมถึงไกล่เกลี่ยประนีประนอมที่เอื้ออำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภค

5.              หากเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแพร่หลาย มีประชาชนที่ประสบปัญหาเรื่องเดียวกันมากมาย ก็อาจรวมกลุ่มกันเพื่อร้องเรียนต่อสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค หรือฟ้องร้องดำเนินคดีเป็นกลุ่มก็ได้

สรุปแนวทางแก้ไข

ใช้หลักกฎหมายนิติกรรมสัญญาเกี่ยวกับประกันภัย และการดำเนินคดีผู้บริโภค   ซึ่งกรณีนี้จะต้องมีการปฏิบัติตามข้อสัญญาที่มีการตกลงกันไว้ หากบริษัทประกันไม่ดำเนินการก็สามารถร้องเรียนต่อ คปภ. และ สคบ. รวมถึงฟ้องในศาลแพ่งแผนกคดีผู้บริโภคได้   ทั้งนี้จะต้องมีการศึกษาข้อสัญญาอย่างละเอียด หากมีลักษณะไม่เป็นธรรมอาจมีการฟ้องให้แก้ไขข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรมด้วย


 

 

บล็อกของ ทศพล ทรรศนพรรณ

ทศพล ทรรศนพรรณ
การนำ คำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 205/2549 มาตราเป็นพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร  โดยแฝงนัยยะของการสร้าง “รัฐทหาร” ด้วยการขยับขยายขอบเขตอำนาจแก่เจ้าหน้าที่ กอ. รมน.
ทศพล ทรรศนพรรณ
หลังสิ้นสุดยุคสมัยสงครามเย็น หนึ่งในมรดกตกทอดจากยุคนั้น ได้แก่ หน่วยงานความมั่นคงของรัฐไทยที่มีอำนาจหน้าที่อย่างเข้มข้นในการเฝ้าระวัง สอดส่อง ควบคุมการสื่อสารและการกระทำต่าง ๆ ของประชาชนที่ผู้มีอำนาจเห็นว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง และส่งผลเสียต่อการยืนหยัดสู้เพื่ออุดมการณ์ทางการเมืองช่วงนั้น อาทิ กอง
ทศพล ทรรศนพรรณ
คนไร้บ้านจัดเป็นกลุ่มที่เสี่ยงที่จะถูกละเมิดสิทธิและด้อยโอกาสในการเข้าถึงบริการสาธารณะ สวัสดิการ และหลักประกันด้านต่าง ๆ ด้วยเหตุที่เป็นกลุ่มซึ่งต้องปะทะโดยตรงกับการพัฒนาเมืองอย่างไม่ยั่งยืนทั้งที่สาเหตุของการออกมาอยู่ในพื้นที่สาธารณะนั้นเกี่ยวข้องกับความเหลื่อมล้ำทางสังคมอันเป็นผลลัพธ์ของนโยบายส
ทศพล ทรรศนพรรณ
คนไร้บ้านตกอยู่ในสถานะของกลุ่มเสี่ยงที่อาจต้องเผชิญจากการเหยียดหยามศักดิ์ความเป็นมนุษย์โดยตรงจากการละเมิด และยังอาจไม่ได้รับการดูและแก้ไขปัญหาเมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ยุ่งยากต่าง ๆ เพราะถูกจัดให้อยู่ในสถานะต่ำต้อยเสี่ยงต่อการเลือกประติบัติจากรัฐ จนไปถึงการเพิกเฉย ละเลย ไม่ใส่จะแก้ปัญหาให้คนไร้บ้
ทศพล ทรรศนพรรณ
คนไร้บ้านเป็นเสียงที่ไม่ถูกนับ การใช้พลังในลักษณะกลุ่มก้อนทางการเมืองเพื่อเรียกร้องประโยชน์จากผู้มีอำนาจให้จัดสรรทรัพยากรให้จึงเป็นเรื่องยาก ด้วยสาเหตุหลัก 2 ประการ คือ
ทศพล ทรรศนพรรณ
การคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของคนไร้บ้านจำเป็นต้องยืนอยู่บนฐานของกฎหมายที่ประกันสิทธิของบุคคลโดยมิคำนึงถึงความแตกต่างหลากหลายทางสถานภาพใด ๆ แม้คนไร้บ้านจะเป็นปัจเจกชน หรือกลุ่มคนที่มีปริมาณน้อยเพียงไร รัฐก็มีพันธกรณีในการเคารพ ปกป้อง และส่งเสริมสิทธิให้กลุ่มเสี่ยงนี้โดยเหตุแห่งความเป็นสิทธิมนุษยชนที่ร
ทศพล ทรรศนพรรณ
หากต้องกำหนดยุทธศาสตร์ของประเทศไทยในการเข้าร่วมตลาดดิจิทัลที่มีเข้มข้นของกิจกรรมข้ามพรมแดนตลอดเวลา เพื่อแก้ไขปัญหาศักยภาพของรัฐในการบังคับใช้กฎหมายขยายไปเหนือหลักเขตอำนาจศาลเหนือดินแดนของตนแบบเก่า เมื่อต้องกำกับกิจกรรมของบรรษัทข้ามชาติที่อยู่ในการบังคับของกฎหมายรัฐอื่นซึ่งมีบรรทัดฐานในหลายประเด็น
ทศพล ทรรศนพรรณ
การวิเคราะห์กฎหมายไทยที่เกี่ยวข้องกับลักษณะความสัมพันธ์ของนิติบุคคลเจ้าของแพลตฟอร์มที่มักเป็นบรรษัทข้ามชาติกับรัฐ จะกระทำใน 3 ประเด็นหลัก คือ ใครเป็นเจ้าของข้อมูล ใครมีสิทธิใช้ประโยชน์จากข้อมูลมากน้อยอย่างไร หรือแบ่งปันกันอย่างไร อันเป็นการเตรียมความพร้อมของกฎหมายในการรองรับปรากฏการณ์การใช้ข้อมูล
ทศพล ทรรศนพรรณ
บทความนี้จะทำการรวบรวมข้อเสนอทางกฎหมายในระดับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับลักษณะความสัมพันธ์ของนิติบุคคลเจ้าของแพลตฟอร์มที่มักเป็นบรรษัทข้ามชาติ กับรัฐและองค์การระหว่างประเทศ อันเป็นการเตรียมความพร้อมของกฎหมายในการรองรับปรากฏการณ์การใช้ข้อมูลจากแพลตฟอร์มดิจิทัล ว่าสามารถบริหารจัดการให
ทศพล ทรรศนพรรณ
บทความนี้จะทำการทบทวนข้อกฎหมายทั้งในระดับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับลักษณะความสัมพันธ์ของนิติบุคคลเจ้าของแพลตฟอร์มที่มักเป็นบรรษัทข้ามชาติ เรื่อยมาจนถึงสำรวจความพร้อมของกฎหมายในการรองรับปรากฏการณ์การใช้ข้อมูลจากแพลตฟอร์มดิจิทัล ว่าสามารถบริหารจัดการให้เกิดการแบ่งปันข้อมูลดิจิทัลระหว
ทศพล ทรรศนพรรณ
ประเด็นพื้นฐานที่รัฐต้องคิด คือ จะส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเพื่อสะสมความมั่งคั่งได้อย่างไร แล้วจึงจะไปสู่แนวทางในการแบ่งปันความมั่งคั่งให้กับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการผลิตข้อมูลขึ้นมาในแพลตฟอร์ม
ทศพล ทรรศนพรรณ
Kean Birch นำเสนอปัญหาของข้อมูลส่วนบุคคลในฐานะสินค้าของตลาดนวัตกรรมเทคโนโลยีจำนวน 5 ประเด็น คือ1.ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของแพลตฟอร์มในฐานะเจ้าของข้อมูลทึ่ถูกรวบรวมโดยนวัตกรรม,