Skip to main content

 

กฎหมายป้องกันการผูกขาด และผังเมือง มีครับ

แต่คงรู้ว่าทำไม มันไม่มีการบังคับใช้

โชว์ห่วยประเทศอื่นมี ต้นทางทุนนิยมอย่าง ยุโรปเพียบบบบบบบบบ

ยิ่งร้านอาหารของ ผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อย นี่มีกฎหมายคุ้มครองเลย ดูที่คนไทยไปเที่ยวญี่ปุ่นสิครับ ใครไปกินร้านแฟรนไชส์ นี่ได้อาย

ไม่เข้าใจว่า ทำไม คนทำให้เกิด "มายาคติ" ในประเทศไทยได้เยอะขนาดนี้ครับ ว่า ทุนนิยม คือ การบดขยี้ ช่างฝีมือ/ธุรกิจ รายย่อย

ประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง มาจาก ประชากรที่มีความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ ยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่ลูกจ้าง/ผู้ถือหุ้นของบรรษัทกันครึ่งประเทศ ครับ

โชว์ห่วย กระจอกทำไม่ดี ก็ไปสนับสนุนให้พัฒนา ที่มันสู้ไม่ได้ เพราะถูกผูกขาดระบบ การกระจายสินค้า และการเชื่อมกับผู้ผลิต

เมื่อ 10 ปีก่อน มี รมช.พาณิชย์ เอาตังค์ไป ห้าร้อยล้าน จะทำโครงการพัฒนาโชว์ห่วย ก็เงียบหายไปแล้ว

สรุป เรื่องนี้พูดยากเพราะคนซื้อหุ้น CP All เยอะ CP โดยการโยนหุ้นให้คนเข้ามาช่วยปกป้องน่ะครับ

 

ส่วน โชว์ห่วย นี่ หลายรายก็ไม่ได้ตาย เพราะ ห่วย นะครับ โดนบีบ แต่เจ้าที่เหลือและทำดี ก็โดนทุบๆเรื่อยๆ ล่ะครับ ที่เหลือส่วนใหญ่จะอยู่ จังหวัดใกล้ชายแดน

 

ผมพูดเรื่อง สะดวกซื้อที่เคยให้สัญญาว่า "จะไม่แย่งอาชีพชาวบ้าน" น่ะครับ

ส่วนความ "อร่อย" เป็น รสนิยม ซึ่ง "สร้างได้" กินบ่อยๆ เดี๋ยวก็กินได้กลายเป็น อร่อยไปเอง ไหนจะการโฆษณาอีก ถึงได้มี Food Science กับ Mass Com เป็น คณะวิชา ไงครับ

ยิ่งให้กินซ้ำๆ ทำจนชิน มันจะกลายเป็น "ชอบ" ความโหดมันอยู่ตรงนี้

ส่วนเรื่องโชว์ห่วย ผมเห็นประเทศอื่นมีหลายยี่ห้อ และสัดส่วนทางการตลาดไม่ได้มีอิทธิพลเหนือตลาดขนาดไทยหรอกครับ (ไม่ผูกขาดแนวราบ)

และเขาห้ามผูกขาดแนวดิ่ง (ผลิต ขาย ขนส่ง ทำสื่อ) ไม่ได้แน่ๆ แต่ประเทศนี้ ดันทำครบทั้งหมด ถึงได้รวยขนาดนี้ มีอำนาจขนาดนี้

แล้วอยากรู้จริงๆ ใครเติมเงินรถถัง กับ จ่ายทุกพรรค เนี่ยะ

เศรษฐกิจ/การเมือง แยกกันไม่ได้นะครับ

เศรษฐศาสตร์ จึงต้องเป็น "เศรษฐศาสตร์การเมือง"

จบ. ไปซื้อหุ้น CP All กันอีก

 

ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวครับ เขาศึกษาแบบมันสัมพันธ์กัน ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ครับ

ถ้าศึกษาแยก ก็คือ พยายามไม่เอามาคิด เพราะจะรู้สึกผิดในเชิงศีลธรรม เสียมากกว่า แบบทำสงครามเพราะเศรษฐกิจ แต่บอกว่าทำเพื่อชาติไงครับ

ผมเป็น คนสนใจมากครับ ไม่ได้พูดลอยๆ ทำวิจัยมาเป็นทศวรรษ และ

โชว์ห่วย ที่ได้เป็นมิตร ก็เฉพาะแห่งแรกๆในจังหวัด ที่เหลือให้แค่ "ค่าประกอบการ" ห้องแถวละ 15,000 ต่อเดือน ครับ (ค่าเช่าต่อเดือนยังแพงกว่าเลยครับ)

เซเว่น ที่คนท้องถิ่นเป็นเจ้าของและได้ส่วนแบ่งกำไรมีน้อยมากกกกก

แต่ที่เขาไม่มาพูดกัน เพราะเจอ ข้อสัญญาปิดปาก ครับ

ถึงบอกว่า เรื่องนี้ คนรู้ก็รู้ คนไม่รู้ก็ไม่รู้ เพราะคนรู้ส่วนใหญ่ไม่กล้าพูด หรือโดนบังคับไม่ให้พูด ครับ

พ่อค้าคนกลาง ดีๆมีครับ และ คำว่า "ผูกขาด" ใครทำเข้าลักษณะก็ต้องบอกว่าผูกขาดครับ

คนที่เขาสั่งฆ่าคน ยังไม่อยากให้ใครเรียกตัวเองว่า "ฆาตกร" เลยครับ

 

ถ้าวิเคราะห์เรื่อง "สาธารณะ" กับคนอื่นๆ ควรใช้กรอบวิเคราะห์ ที่ยอมรับกันเป็น "สาธารณะ" ครับ 

ส่วน "ความเห็นส่วนตัว" นั่นอีกเรื่องน่ะครับ

แนะนำนะครับ ไม่งั้น จะมีความคลาดเคลื่อน

ผูกขาดน้อยราย ก็เรียกว่า ผูกขาด ทั้งในทาง เศรษฐศาสตร์ และกฎหมาย ครับ

ความได้เปรียบเชิงขนาดนี่เป็นศัพท์บริหารธุรกิจ และพวกเอาศาสตร์ทาง วิศวะ มาปรับใช้เชิงยุทธศาสตร์ธุรกิจนะครับ เขาเรียกพวกลูกครึ่ง พันธุ์ทาง เอามาใช้ในการวิเคราะห์ นโยบายสาธารณะไม่ได้

สรุปง่ายๆ นะครับ CP All เก็บกำไรทั้งหมด ร้านนั้นขายได้เท่าไหร่ไม่เกี่ยวเจ้าของนะครับ แต่เค้ามีสัญญาห้ามเล่าความจริงให้คนภายนอก(คนมาซื้อของ) CP แบ่งค่าประกอบการ(คำสร้าง จริงๆ คือ ค่าเช่า)

คนที่ได้เป็นเจ้าของกิจการจริงๆ ในปัจจุบันมีน้อยมาก (เก็บไว้เพื่อทำโฆษณาว่า "โตไปด้วยกัน") และพื้นที่เสี่ยง

ปัจจุบัน CP เปิดเองแทบหมดแล้วครับ เจ้าของที่เข้าไปยุ่งอะไรในกิจการแทบไม่ได้เลย มีสัญญาแค่ว่าจะต้องให้ที่ CP ใช้กี่ปี

 

ส่วนคนที่เรียกให้มาทำวิจัย คือ สสส. เพราะบอกว่า ตัวเลขคนเป็นโรคจากการ "กิน" สูงปรี้ด ให้หาสาเหตุให้หน่อย

หาไปๆ เจอว่า มาจากอาหารอุตสาหกรรม น่ะครับ

และพอหาว่าทำไมเกษตรกรผลิตอาหารอันตราย คนกินกินแต่ของไม่ปลอดภัย ก็มาเจอคำตอบนี้ล่ะครับ

ใครไม่ค่อยกิน แต่ได้กำไรจากธุรกิจแบบนี้ ก็ วิน น่ะครับ 

ก็เป็นห่วงทุกคน โดยเฉพาะคนในเมือง และคนที่มีลูกหลาน เพราะมีโรคจากการกินที่มีผลต่อพฤติกรรมทาง............ เยอะด้วย

แล้วใครเป็นคนจ่ายค่ารักษาพยาบาล นั่นก็อีกเรื่องที่ต้องคิด

แต่บอกได้ว่า ธุรกิจยา โรงพยาบาลเอกชน ประกัน ก็โตไปในทิศทางเดียวกันด้วย

มันสัมพันธ์กันไปหมดครับ แยกเป็นส่วนๆ มันหาทางออกไม่เจอ

 

สร้างความมั่นคง ให้ทันกับ ความขัดแย้งในสังคมที่เพิ่มขึ้น  - ความมั่นคงทางทหารมาหนุนอุตสาหกรรม ฆ่าตัวเล็ก   หรือความมั่นคงของมนุษย์เพื่อพัฒนาสังคม

วิธีรอดที่บอกมา คือ ความล้มเหลวของรัฐบาลไทยนะครับ ...ประวัติศาสตร์พิสูจน์อยู่แล้ว

ส่วนถ้าไม่พูดด้วยกรอบวิเคราะห์สาธารณะ นี่ ผมคงไม่ต้องถกเถียงด้วยนะครับ
ถือว่า ท่านพูดคนเดียว แต่เคารพความคิดเห็น

และขอบคุณที่นำข้อมูลมาแลกเปลี่ยนครับ เป็นประโยชน์ในการหา กรณีศึกษา เพิ่มเติม มาประกอบการวิจัยมากครับ ขอบคุณครับ

รบกวนถามสักนิดครับ ที่ญี่ปุ่นนี่ เคยอยู่เมืองอะไรครับ

เพราะผมไปเมื่อสามเดือนก่อน เกียวโต กับ โอซาก้า ยังเห็นมีร้านโชว์ห่วยอยู่นะครับ ส่วนร้านยี่ห้อ ก็ตรงตามที่ท่านว่าครับ มีเยอะ แต่ก็มีหลาย แบรนด์

 

ป่าวๆ หมายถึง ถ้าพูดประเด็นร่วมกันน่ะครับ เพราะบางทีมันจะทำให้เข้าใจผิดกันได้ครับ

เวลาวิพากษ์สังคม กับคนมากกว่าหนึ่ง มันต้องให้ชัดก่อน ว่ายืนอยู่บนกรอบไหน ถ้าคิดกรอบเอง คนอื่นมันจะต้องทำสองทาง คือ ถล่มกรอบนั้น หรือ ปล่อยเขาไป

แล้วก็ไปวัดกันในอนาคตว่า ใครถูกกว่ากัน หรือ มีคนเห็นด้วยมากกว่ากัน มันถึงได้คลี่คลายมาเป็นประชาธิปไตย คือ ความเห็นทุกคนมีความหมาย แต่ถ้าคิดต่างกัน ให้วัดที่ "จำนวน" ไงครับ

เกียวโต กับ โอซาก้า โครงสร้างเศรษฐกิจเป็นอีกแบบนะ สงสัยคนละฟาก กับ คนแก่เยอะ ฟากนี้

อย่างที่บอก ได้เข้ามาทำงานนี้ เพราะ ตัวเลขคนเป็นโรคเพราะการกิน สูงปรี้ดดดด

วิธีการผลิตแบบอุตสาหกรรมมันบี้ให้ต้องผลิตอาหารแบบไม่ต้องคำนึง "สุขภาพคนกิน"

สิ่งที่ต้องห่วงอย่างเดียว คือ "Margin"

คนเสียภาษีเลยต้องมาแบกค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุข

ส่วนที่พบอีกอย่าง คือ 
โชว์ห่วยที่เจ๊ง หาที่พึ่งโดยการกระโดดไปเกาะขบวนการของ "เสื้อเหลือง"

เกษตรกรที่เจ๊ง ก็ต้องพึ่งนโยบายจัดการหนี้สิน แนวที่ท่านเรียกกันว่า "ประชานิยม"

เพราะไม่มีใครแก้ปัญหาตรงกลาง มีแต่มาแก้ปลายเหตุน่ะครับ เราเลยต้องอยู่กับ ความขัดแย้งต่อเนื่องยาวนาน ถ้าไม่แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ

ส่วนใครบอกว่าต้องมีสงครามถึงจะเปลี่ยนได้นี่ ผมเป็นห่วงคนที่มีครอบครัว และอยู่ในเมืองนะครับ เพราะมันเป็นพื้นที่ของสงคราม และการชุมนุมทางการเมือง ทั้งปวง

 

ส่วนเกษตรพันธสัญญา นี่คือ วิธีการ "ผลักความเสี่ยง" อย่าเรียกว่าให้ความรู้เกษตรกร หรือ หาอาชีพมาให้ เลยครับ

ส่วนให้เงินกู้ นี่อย่าเรียกว่าให้ชาวบ้านเข้าถึงทุนเลยครับ หวังให้เค้าเจ๊ง แล้วขายที่ดินทอดตลาด แล้วโดนไล่ซื้อที่ดินมากกว่า

ดูสัดส่วน การกระจุกตัวของที่ดิน(ใครเป็นผู้ครอบครองรายใหญ่) กับ กำไรบรรษัท/หนี้สินเกษตรกร ก็ชัดแล้ว

แล้วเกษตรกรเข้ามาทำไม ก็ นายหน้าบริษัท มาพร้อมเจ้าหน้าที่รัฐด้านเกษตร สถาบันการเงิน พร้อมรับประกันรายได้ชัดเจน แต่พอเจ๊ง ตัวใครตัวมัน รัฐบาลถึงได้ต้องมา "ปลดหนี้" เป็นพักๆ เพราะรู้ว่าใครทำให้เกษตรกรเจ๊ง ไงครับ ไม่ได้เจ๊งเอง

 

คือ ความจริง มันเป็นเรื่อง "หลอก" อ่ะนะ

ที่คิดว่า คุยกันต่อไปม่ได้ เพราะ ผมไม่ยอมรับเรื่อง สงคราม กับ การปล่อยไปตาม ยถากรรม

วิธีคิดแบบนี้ มันนำ ญี่ปุ่น และ ยุโรป เข้าสู่สงคราม และเขาไม่กล้าพูดกันในที่สาธารณะแล้ว

คนที่สมาทานสายนี้ ไปทำงานภาคธุรกิจหมดแล้ว และโดนควบคุมโดยสังคมผ่าน รัฐสภา ศาล และภาคประชาชน

บังเอิญว่าประเทศไทยนี่ เป็น รัฐทุนนิยมชายขอบ เพิ่งได้เจอกับเรื่องนี้

แต่ภาคประชาชน การเมือง และระบบราชการ ยังไล่ไม่ทัน

มันก็ไม่สมดุลย์

ผลก็คือ มีความขัดแย้งต่อเนื่อง อย่างที่เห็นกันอยู่ทุกวันนี้นะครับ

 

ที่บอกว่า "ต้องเพิ่มความมั่นคง" สงสัยเพิ่มความมั่นคงให้รัฐ/กองทัพ มากด เกษตรกร กับ พวกค้าขายรายย่อย ไว้ ไม่งั้นลุกฮือแน่ๆ

ซึ่งก็ชัดว่าใคร "เติมเงิน" ให้รถถัง กับ ทุกพรรค เพื่อคงอำนาจไว้

ทุกวันนี้ก็มาช่วยเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งใหญ่โต เพราะกลียุคขึ้นมา คนมีครอบครัวอยู่ในเมือง น่าจะอันตรายที่สุด

เพราะ รัก จึ่งมาเป็นหนังหน้าไฟ

 

ผู้เขียน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ทศพล ทรรศนกุลพันธ์
 

บล็อกของ ทศพล ทรรศนพรรณ

ทศพล ทรรศนพรรณ
มาตรการสำหรับการแก้ปัญหาความอดอยากหิวโหยที่เกิดจากภัยพิบัติธรรมชาตินั้นสามารถดำเนินการได้ใน 3 ช่วงเวลา ก็คือ การเตรียมตัวก่อนภัยพิบัติจะเกิด การบรรเทาและแก้ไขปัญหาในขณะเกิดภัยพิบัติ การเยียวยาและฟื้นฟูหลังภัยพิบัติผ่านไปแล้ว   ในบทความนี้จะนำเสนอมาตรการและกรณีศึกษาที่ใช้ในการขจัดความหิว
ทศพล ทรรศนพรรณ
มาตรการทั่วไปที่ใช้ในการประกันความอิ่มท้องของประชากรในประเทศตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติที่รัฐบาลไทยประกาศสมาทานยึดถือนั้น ตั้งอยู่บนหลักกฎหมายสิทธิมนุษยชนเรื่องสิทธิด้านอาหาร นั้นหมายถึงรัฐไทยต้องมีมาตรการเคารพ ปกป้อง และส่งเสริมสิทธิประกอบด้วย กรอบทางกฎหมาย   กรอบทางนโย
ทศพล ทรรศนพรรณ
อุดมการณ์ที่เป็นสาเหตุของปัญหาแรงงานที่เกิดขึ้นทั่วโลกอยู่นั้น มีจุดก่อตัวมาจากระบบเศรษฐกิจการเมืองแบบเสรีนิยมใหม่ที่เข้ามาพร้อม ๆ กับกระแสแห่งการพัฒนาของโลกยุคโลกาภิวัฒน์ ที่ทำให้เกิดเสรีทางการลงทุนจนนำมาซึ่งรูปแบบการจ้างงานรูปที่มีความยืดหยุ่นต่อการบริหารจัดการของบรรษัท และสามารถตอบโจทย์นักลงทุ
ทศพล ทรรศนพรรณ
การขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะเพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินจำเป็นต้องวางแผนในการดำเนินการด้วยความเข้าใจพื้นฐานที่ว่า ความขัดแย้งเป็นสิ่งธรรมดาสามัญที่เกิดขึ้นได้ หากต้องการผลักดันข้อบัญญัติท้องถิ่นให้สำเร็จจึงต้องสามารถทำความเข้าใจลักษณะของข้อพิพาทที่มักเกิดขึ้นในการจัดการที่ดิน   และมีแนวทางในการข
ทศพล ทรรศนพรรณ
 ลู่ทางส่งเสริมการการมีส่วนร่วมของประชาชนในการแก้ปัญหามลพิษ มีดังต่อไปนี้
ทศพล ทรรศนพรรณ
ปัญหาสิ่งแวดล้อมมักสร้างผลกระทบในระยะยาว ไม่ได้เกิดการบาดเจ็บ เสียหาย ทันทีทันใด   ดังนั้นเราจึงต้องมีวิธีการพิสูจน์ว่าความเจ็บป่วย เสียหายที่เกิดขึ้นนั้นมีผลมาจากปัญหาสิ่งแวดล้อมจริง   สิ่งที่เราต้องทำคือการเก็บหลักฐานอย่างต่อเนื่องและชัดเจนเพื่อนำไปใช้เป็นพยานหลักฐาน &n
ทศพล ทรรศนพรรณ
การจัดชุมนุมสาธารณะย่อมเป็นที่สนใจของสังคมตามความประสงค์ของผู้จัด จึงมีสื่อมวลชนที่เข้าร่วมทำข่าวทั้งที่เป็นสื่อมวลชนอาชีพที่มีสังกัดประจำหรือสื่อพลเมืองที่ทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์และรายงานข่าวตามภูมิทัศน์เทคโนโลยีสื่อสารที่ปรับตัวไป 
ทศพล ทรรศนพรรณ
การชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธมีข้อจำกัดที่อาจถูกรัฐเข้าระงับหรือแทรกแซงการใช้สิทธิได้ตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ข้อ 4 ในสภาวะฉุกเฉินสาธารณะที่คุกคามความอยู่รอดของชาติที่ถูกประกาศอย่างเป็นทางการ และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาญาจักไทย พุทธศักราช 2560 กำหนดถึงเหตุที
ทศพล ทรรศนพรรณ
การชุมนุมโดยสงบเป็นเครื่องมือที่ทำให้บุคคลทั้งหลายสามารถแสดงออกร่วมกันและมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลง ให้ปัจเจกสามารถแสดงความเป็นตัวตนของตัวเองร่วมกับผู้อื่น   โดยการเลือกสถานที่การชุมนุมอยู่ภายใต้หลักมองเห็นและได้ยิน (sight and sound) ทั้งนี้ผู้ชุมนุมต้องอยู่ในที่ที่มองเห็นและสาธารณชนต้อ
ทศพล ทรรศนพรรณ
ขบวนการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น ในบริบทโครงสร้างทางอำนาจในสังคมที่ไม่เท่าเทียมกัน การรวมศูนย์อำนาจหรือการครอบงำทางวัฒนธรรมโดยใช้วัฒนธรรมเดียว สิทธิชุมชนจึงเป็นการต่อสู้เพื่อปรับสัมพันธภาพทางอำนาจ สร้างตำแหน่งแห่งที่ให้ชุมชนให้เกิดความเป็นธรรมและเคารพในความหลากหลาย โดยท้องถิ่นมีเสรีภาพในการกำหนดกติกา
ทศพล ทรรศนพรรณ
ข้อกล่าวอ้างสำคัญของรัฐบาลไทยในการเพิ่มศักยภาพในด้านข่าวกรองและออกกฎหมายที่ให้อำนาจสอดส่องการสื่อสารของประชาชน คือ “ถ้าประชาชนไม่ได้ทำผิดจะกลัวอะไร” โดยมิได้คำนึงหลักการพื้นฐานเบื้องต้นว่า แม้ประชาชนมิได้ทำผิดกฎหมายอันใดก็มีสิทธิความเป็นส่วนตัว ปลอดจากการแทรกแซงการสื่อสาร อันเป็นสิทธิพื้นฐานตามกฎ
ทศพล ทรรศนพรรณ
การพัฒนารัฐที่ใช้กฎหมายเป็นหลักประกันสิทธิมนุษยชนของประชาชน และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของพลเมืองในประเด็นสาธารณะของผู้ตื่นตัวทางการเมืองในลักษณะ “นิติรัฐอย่างเป็นทางการ” แตกต่างจากความสัมพันธ์ทางอำนาจแบบ “ไม่เป็นทางการ” ที่รัฐอาจหลีกเลี่ยงการใช้อำนาจปกครองภายใต้กรอบของกฎหมายเพื่อประกันสิทธิเสรีภาพต