Skip to main content

บทความนี้จะทำการรวบรวมข้อเสนอทางกฎหมายในระดับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับลักษณะความสัมพันธ์ของนิติบุคคลเจ้าของแพลตฟอร์มที่มักเป็นบรรษัทข้ามชาติ กับรัฐและองค์การระหว่างประเทศ อันเป็นการเตรียมความพร้อมของกฎหมายในการรองรับปรากฏการณ์การใช้ข้อมูลจากแพลตฟอร์มดิจิทัล ว่าสามารถบริหารจัดการให้เกิดการแบ่งปันข้อมูลดิจิทัลระหว่างบุคคลทั้งหลายให้เกิดความเป็นธรรม เมื่อต้องเผชิญกับการส่งข้อมูลหรือการลงทุนข้ามพรมแดน

การคุ้มครองข้อมูลในรูปแบบใหม่ ๆ: ระดับระหว่างประเทศ
เนื่องจากกฎหมายเกี่ยวกับข้อมูลยังมีความไม่แน่นอนและมีช่องโหว่ ซึ่งทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ เช่น ทำให้ธุรกรรมเกี่ยวกับข้อมูลมีความไม่แน่ไม่นอนและคาดเดาไม่ได้ ขัดขวางนวัตกรรมและการเติบโตของอุตสาหกรรมและวงการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมแก่คู่สัญญาฝ่ายที่ด้อยกว่าในสัญญาที่เกี่ยวกับข้อมูล กล่าวคือ คู่สัญญาเช่นผู้ประกอบธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง มีความเสี่ยงที่จะประสบกับความไม่เป็นธรรมในสัญญาที่เกี่ยวกับข้อมูลที่ทำขึ้นกับบริษัทขนาดใหญ่  ดังนั้น ในบางประเทศ หรือในระดับระหว่างประเทศ ก็ได้มีการริเริ่มเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูล หรือการทำธุรกรรมเกี่ยวกับข้อมูล ในรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อลดช่องโหว่และความไม่แน่นอนของกฎหมายเกี่ยวกับข้อมูล

 

1) UNCITRAL (United Nations Commission on International Trade Law)
UNCITRAL มีแผนที่จะพัฒนาองค์ความรู้ด้านกฎหมายเกี่ยวกับข้อมูล เช่น อาจมีการสั่งให้ secretariat ทำการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิทธิในข้อมูล (data rights) โดยมุ่งศึกษาการริเริ่มเกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิในข้อมูลในรูปแบบใหม่ ๆ โดยเฉพาะเกี่ยวกับผู้เล่นฝ่ายต่าง ๆ ที่มีสิทธิในข้อมูล (classes of right holders) และเนื้อหาของสิทธิในข้อมูลที่กฎหมายรับรอง และนอกจากนี้ก็ยังเริ่มที่จะศึกษาแนวคิดเกี่ยวกับ co-generated data หรือข้อมูลที่ร่วมกันสร้างขึ้นด้วย ซึ่งการค้นคว้าเหล่านี้จะนำไปสู่การพัฒนากฎหมายต้นแบบเกี่ยวกับสิทธิในข้อมูลต่อไป

 

2) ALI/ELI (American Law Institute (ALI) and European Law Institute (ELI))
ALI/ELI Principles for a Data Economy เป็นโครงการทางกฎหมายร่วมกันระหว่าง American Law Institute (ALI) และ European Law Institute (ELI) ในประเด็นด้านเศรษฐกิจดิจิทัล โดยหลักการต่าง ๆ ของ ALI/ELI เป็นหลักการที่มุ่งตอบประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นในเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งรวมถึงการรับรองสิทธิต่าง ๆ ในข้อมูลโดยมุ่งเน้นประโยชน์ของผู้มีส่วนได้เสียฝ่ายต่าง ๆ ในเศรษฐกิจดิจิทัลและประโยชน์สาธารณะ  และวิธีการรับรองสิทธิ ไม่ใช่การพยายามแก้ไขหลักการของสิทธิในทรัพย์สินเดิม แต่เป็นการตราขึ้นซึ่งสิทธิใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูล ซึ่งไม่ใช่สิทธิที่อ้างได้ต่อเพียงคู่สัญญาเท่านั้น แต่ยังอ้างต่อบุคคลทั่วไปได้ด้วย

ตัวอย่างเช่น มีการเสนอหลักการ “leapfrogging” ซึ่งหมายถึงการอนุญาตให้ผู้มีสิทธิในข้อมูล (เช่นเจ้าของข้อมูล) สามารถกำกับควบคุมบุคคลต่อ ๆ มาซึ่งใช้หรือเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต่อเป็นทอด ๆ (downstream actors)  เกี่ยวกับการใช้และการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวได้ แม้จะไม่มีความสัมพันธ์ในทางนิติกรรมสัญญาต่อกัน

ที่สำคัญ มีการเสนอหลักการเกี่ยวกับสิทธิใน “co-generated data” หรือข้อมูลที่ร่วมกันสร้างขึ้น ซึ่งเป็นสิทธิที่จะให้แก่บุคคลที่มีส่วนสำคัญในการสร้างหรือก่อให้เกิดข้อมูลนั้นขึ้นมา เป็นการสะท้อนนโยบายที่ว่า บุคคลที่มีส่วนร่วมในการสร้างหรือก่อให้เกิดข้อมูลใดขึ้นมา ควรมีสิทธิบางประการในข้อมูลนั้น ไม่ว่าจะเป็นสิทธิเกี่ยวกับการใช้งานในข้อมูลดังกล่าว (เช่น มีสิทธิร้องขอให้คนที่นำข้อมูลไปใช้หยุดการใช้ข้อมูล หรือขอให้แก้ไขหรือลบข้อมูล) หรือสิทธิเกี่ยวกับประโยชน์หรือคุณค่าที่ข้อมูลดังกล่าวสร้างขึ้นมา (เช่น มีสิทธิในส่วนแบ่งทางเศรษฐกิจในผลกำไรที่เกิดจากการนำข้อมูลไปใช้) (A/CN.9/1117 (2022) หน้า 13) สิทธิใน co-generated data นี้ หมายถึงการที่บุคคลที่มีส่วนร่วมในการสร้างหรือก่อให้เกิดข้อมูลขึ้นมา มีสิทธิต่าง ๆ (คล้ายสิทธิในทรัพย์สิน) ต่อผู้ที่นำข้อมูลไปใช้ เช่น 1) สิทธิในการเข้าถึง ขอคัด หรือเคลื่อนย้ายข้อมูล 2) ขอให้หยุดการใช้ข้อมูล 3) ขอให้แก้ไขข้อมูล และ 4) ส่วนแบ่งในทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ บรรดาสิทธิเหล่านี้ยังเป็นไปในแนวทางเดียวกับสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลด้วย 

 

3) OECD (Organization for Economic Cooperation and Development)
OECD ได้จัดทำเอกสารเกี่ยวกับธรรมาภิบาลข้อมูล (data governance) และการสนับสนุนการเข้าถึงและแบ่งปันข้อมูล เป็นจำนวนหลายฉบับ โดยบทความนี้จะยก OECD Recommendation on Enhancing Access to and Sharing of Data (EASD) ขึ้นมาอธิบาย เนื่องจากเป็นแนวนโยบายฉบับแรกที่ทำขึ้นในฐานะข้อตกลงในระดับนานาชาติ  (กล่าวคือไม่ใช่เพียงแค่เอกสารที่นำเสนอข้อมูลโดยไม่มุ่งให้มีผลผูกพัน)


OECD Recommendation on Enhancing Access to and Sharing of Data (EASD) เป็นหลักการและแนวนโยบายฉบับแรกทีทำขึ้นในฐานะข้อตกลงในระดับนานาชาติ โดยเป็นแนวทางสำหรับรัฐในการวางหลักการและนโยบายเพื่อให้เกิดผลดีที่สุดต่อการเข้าถึงและแบ่งปันข้อมูล ในขณะที่ยังสามารถคุ้มครองสิทธิประการต่าง ๆ ของบุคคลและองค์กร  โดยในเอกสาร EASD พบว่ามีหลักการอยู่อย่างน้อย 2 ข้อที่อาจเกี่ยวข้องกับการแบ่งปันผลประโยชน์จากการนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์แก่เจ้าของข้อมูล


หลักการแรก อยู่ในหัวข้อใหญ่ Section 1. Reinforcing Trust Across the Data Ecosystem (การทำให้เกิดความเชื่อมั่นในระบบนิเวศข้อมูล) ข้อ 3 a) ได้แก่ การสนับสนุนให้มีการนับรวมผู้มีส่วนได้เสียกลุ่มต่าง ๆ ในระบบนิเวศข้อมูล โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางหรือกลุ่มชายขอบ เป็นต้น และหลักการที่ 2 อยู่ในหัวข้อใหญ่ Section 2. Stimulating Investment in Data and Incentivising Data Access and Sharing (การกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในข้อมูลและการสร้างแรงจูงใจให้เกิดการเข้าถึงและแบ่งปันข้อมูล) ข้อ 6 d) ได้แก่การสนับสนุนให้มีระบบที่ให้แรงจูงใจหรือผลตอบแทนที่เหมาะสม กล่าวคือ ต้องทำให้มีการแบ่งปันผลประโยชน์ของการเข้าถึงและแบ่งปันข้อมูลอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม และต้องรับประกันว่าผู้มีส่วนได้เสียฝ่ายต่าง ๆ จะได้รับการสนับสนุน การยอมรับ และได้รับผลตอบแทนจากการมีส่วนร่วมในการก่อให้เกิดการเข้าถึงและแบ่งปันข้อมูล


อีกตัวอย่างหนึ่ง คือการที่ OECD ได้พิจารณานโยบายสาธารณะเกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล เช่น Trade Union Advisory Committee ภายใต้ OECD ได้ระบุเกี่ยวกับธรรมาภิบาลข้อมูล (data governance) ว่า มีความจำเป็นจะต้องสร้างระบบกฎหมายและระบบกฎเกณฑ์เกี่ยวกับ data governance ที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ โดยท้ายสุดแล้ว Trade Union Advisory Committee แนะนำให้กำหนดมาตรฐานเกี่ยวกับ ความเป็นเจ้าของในข้อมูล ซึ่งรวมถึงสิทธิในการเข้าถึง ประมวลผล ลบ และกำหนดราคาของข้อมูล


ส่วน secretariat ของ OECD ก็เคยระบุว่า หนึ่งในข้อท้าทายของการสนับสนุนให้เกิดการลงทุนในข้อมูลและการแบ่งปันข้อมูล คือประเด็นเรื่องความเป็นเจ้าของในข้อมูล อย่างไรก็ตาม secretariat ของ OECD ก็ยอมรับว่าการจะให้มีกรรมสิทธิ์หรือความเป็นเจ้าของในข้อมูล ก็จะทำให้เกิดข้อท้าทายด้านอื่น ๆ ขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็น ความสามารถในการเข้าถึง สร้าง แก้ไข แสวงหาประโยชน์ ขาย รวมถึงการโอนหรือให้สิทธิเหล่านี้แก่บุคคลอื่น

 


องค์กรในระดับนานาชาติหลายองค์กร ไม่ว่าจะเป็น UNCITRAL, American Law Institute, European Law Institute รวมถึง OECD ต่างเล็งเห็นว่าหลักกฎหมายเกี่ยวกับข้อมูลในบริบทของเศรษฐกิจดิจิทัล ยังมีความไม่ชัดเจนแน่นอน หรือไม่เหมาะสมกับการนำมาปรับใช้ และทำให้เกิดเป็นประเด็นปัญหาต่าง ๆ ขึ้นมา ดังนั้นองค์กรเหล่านี้จึงพยายามที่จะเสนอหลักการใหม่ ๆ ขึ้นมาเพื่อกำหนดสถานะทางกฎหมาย สิทธิและหน้าที่ และแนวปฏิบัติอื่น ๆ ต่อข้อมูล และแม้หลักการใหม่ ๆ เหล่านี้อาจยังไม่ได้ระบุชัดเจนว่าข้อมูลเป็นทรัพย์สินหรือไม่ และใครเป็นเจ้าของข้อมูล แต่ต่างมีหลักการร่วมกันว่า ผู้ที่มีส่วนร่วมในการสร้างข้อมูลใดขึ้นมา ควรมีสิทธิเข้าถึงประโยชน์บางประการ แรงจูงใจ หรือผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากข้อมูลนั้นด้วย

 

อ้างอิง
United Nations, General Assembly (United Nations Commission on International Trade Law Fifty-third session), Legal issues related to the digital economy – data transactions, A/CN.9/1012/Add.2 (Accessed 12 May 2022).
ALI/ELI Principles, ALI Council Draft No. 1, principles 17 –22, quoted in United Nations, General Assembly (United Nations Commission on International Trade Law Fifty-third session), Legal issues related to the digital economy – data transactions, A/CN.9/1012/Add.2 (Accessed 12 May 2022).
“Data Governance: Enhancing Access to and Sharing of Data,” Organisation for Economic Cooperation and Development, accessed August 13, 2022, https://www.oecd.org/digital/ieconomy/enhanced-data-access.htm#:~:text=Adopted%20in%20October%202021%2C%20the,%2C%20open%2C%20proprietary% 2C%20public%20and.
Organisation for Economic Cooperation and Development (OECD), Trade Union Advisory Committee, Digitalization and the Digital Economy: Trade Union Key Messages (February 2017).

*ปรับปรุงจากบทวิเคราะห์ทางกฎหมาย โดย วัชรพล ศิริ ใน วิจัย โครงการสังเคราะห์องค์ความรู้ทางกฎหมายเพื่อสนับสนุนการแบ่งปันผลประโยชน์จากข้อมูลดิจิทัลอย่างเป็นธรรม, 2565. โดย สถาบันพระปกเกล้า.

บล็อกของ ทศพล ทรรศนพรรณ

ทศพล ทรรศนพรรณ
ผู้พิทักษ์สิทธิมนุษยชน (Human Rights Defender – “นักปกป้องสิทธิมนุษยชน” คือ คำแปลทางการของรัฐไทย) ที่องค์การสหประชาชาติได้ให้นิยามไว้นั้นหมายถึง "บุคคลผู้ดำเนินการโดยลำพังหรือร่วมกับบุคคลอื่น กระทำการเพื่อส่งเสริมหรือคุ้ครองสิทธิมนุษยชน"
ทศพล ทรรศนพรรณ
เกษตรกรรมถือเป็นวิถีการผลิตที่อยู่ควบคู่กับชีวิตคนไทยจำนวนไม่น้อยมาเป็นเวลานาน   แต่ในปัจจุบันนี้การผลิตในวิถีทางเดิมได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างที่คนในสังคมไทยมิได้ตระหนักรู้    ความคิดและจินตนาการเดิมเกี่ยวกับเกษตรกรรมที่มีทุ่งนาสีเขียว ชาวนารวมตัวกันลงแขกเกี่ยวข้าว หรือทำการผ
ทศพล ทรรศนพรรณ
การใช้กำลังเข้าประหัตประหารกันของมนุษย์ปรากฏอยู่อย่างต่อเนื่องยาวนานควบคู่กับทุกสังคม   แต่ก็มีหลายอารยธรรมพยายามสร้างขอบเขตและแนวทางในการควบคุมความเสียหายของการใช้กำลังมิให้กระทบกระเทือนชีวิตผู้คน ทรัพย์สิน และสังคม มากเกินกว่าจะธำรงเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ไว้ได้
ทศพล ทรรศนพรรณ
การรวมกลุ่มประเทศในระดับภูมิภาคเพื่อสร้างนโยบาย หรือกฎหมายร่วมกันของรัฐสมาชิก ตั้งอยู่บนหลักความสมัครใจเข้าร่วมของรัฐ โดยส่วนใหญ่ยึดถือเจตจำนงของรัฐเป็นสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด   เนื่องจากรัฐทั้งหลายที่เข้ารวมกลุ่มนั้นย่อมีความหวังที่จะบรรลุเป้าหมายความเจริญก้าวหน้า และประโยชน์ของรัฐตนเป็นท
ทศพล ทรรศนพรรณ
7.เสรีภาพในการแสดงออก การสอดส่องของรัฐ และการควบคุมเนื้อหา  
ทศพล ทรรศนพรรณ
แรงงานสร้างสรรค์ในบทความนี้ที่จะพูดถึง คือ ผู้คนที่ทำงานในอุตสาหกรรมภาคสร้างสรรค์ เช่น คนทำสื่อสาระ บันเทิง ละคร นักเขียน ไปจนถึง นักแปล ดารา นักแสดง ศิลปิน ที่กลายเป็นอาชีพที่ปัญญาชน หรือผู้มีการศึกษายึดเป็นวิถีทางในการประกอบสัมมาอาชีพ หารายได้เลี้ยงดูตนเองและครอบครัว กันเป็นจำนวนมาก
ทศพล ทรรศนพรรณ
การประกวดความงามในช่วงหลังได้กลายเป็นเวทีแสดงพลังของความงดงามที่หลากหลาย และใช้ประเด็นการสร้างความเข้มแข็งให้สตรีเป็นแกนหลักส่งเสริมความงาม “อย่างมีคุณค่า”
ทศพล ทรรศนพรรณ
ระบอบการกำกับโลกไซเบอร์และตัวแบบในการกำกับดูแลพื้นที่ไซเบอร์
ทศพล ทรรศนพรรณ
4.ความเป็นส่วนตัวในการสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล       
ทศพล ทรรศนพรรณ
Internet Communication            ปัจจุบันเทคโนโลยีถือเป็นตัวกำหนดภูมิทัศน์ทางสังคม เศรษฐกิจและวัฒนธรรม ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ถือเป็นความท้าทายในสังคมยุดิจิทัลซึ่งผู้ให้บริการในโลกธุรกิจต้องเผชิญ เ
ทศพล ทรรศนพรรณ
มาตรการรัดเข็มขัด (Austerity) หรือ นโยบายที่มีแนวโน้มปรับลดค่าใช้จ่ายภาครัฐหรือเพิ่มการจัดเก็บภาษีควบคู่ไปด้วย  แนวทางนี้เป็นสิ่งที่ถูกโจมตีโดยนักคิดนักวิเคราะห์สายส่งเสริมสวัสดิการสังคมและพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนมาอย่างต่อเนื่องเพราะการตัดลดงบประมาณหมายถึงการลดคุณภาพและปริมาณสวัสดิการสังคมที