‘นายน้ำ’ เป็นคำเรียกคนขับเรือที่คนลาวใช้เรียกกัน
กี่ชั่วอายุคนมาแล้วก่อนที่เราจะมีถนนใช้ แม่น้ำคือถนนชนิดหนึ่งในระหว่างทางที่เรือล่องขึ้น-ลงในแม่น้ำ ยากจะคาดเดาได้ว่า บรรพบุรุษของนายน้ำคนแรกเป็นใคร บนนาวาชีวิตที่ล่องไปบนสายน้ำกว้างใหญ่ และไหลเชี่ยว ชีวิตของพวกเขาล้วนฝากไว้กับบางสิ่งบางอยางที่บางคนเรียกมันว่าชะตากรรม
บ่อยครั้งที่ล่องเรือไปบนสายน้ำ เราล้วนแต่ต้องค้อมคารวะหัวใจอันยิ่งใหญ่ของพวกเขา เมื่อเดินทางสู่ฝั่ง หากมองทะลุลงไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ อะไรคือหมุดหมายที่ฉุดรั้งพวกเขาให้มุ่งหน้าสู่เส้นทางที่มองทางไม่เห็นทางเช่นนี้
ในบรรดานายน้ำที่มีอยู่มากมาย พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าจะเป็นนายของน้ำ เพราะแม่น้ำในบางช่วงของบางวันมีสิ่งที่ไมคาดคิดเกิดขึ้นเสมอ แต่เพราะสิ่งที่เป็นอยู่บวกกับประสบการณ์ที่สั่งสมมาครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้พวกเขาได้รับการเรียกขานเช่นนั้น
“ไม่มีใครเป็นนายของน้ำได้หรอก นอกจากเทวดาบนฟ้า” อ้ายเทียม คนขับเรือเมืองห้วยทรายพูดขึ้นมาหลังจากขนของลงจากเรือเสร็จ
ใช่! เทวดาบนฟ้าเป็นนายของน้ำ และเป็นผู้ให้กำเนิดน้ำอย่างไม่ต้องมีข้อกังขา หากเราเชื่อเช่นนั้น ในเมื่อเทวดาเป็นผู้ให้กำเนิดน้ำ มนุษย์ผู้ได้ใช้ประโยชน์จากแม่น้ำโดยเฉพาะกับนายน้ำที่มีอยู่หลายร้อยคนบนหลายร้อยแม่น้ำ พวกเขาจึงต้องค้มคารวะแม่น้ำด้วยความรักทุกครั้งเมื่อเอาเรืออกจากฝั่ง
ในยามเช้าของชีวิตของนายน้ำแต่ละคนอาจแตกต่างกันออกไป แต่ทว่าลึกลงไปในหัวใจดวงเท่ากำปั้นของพวกเขาหาได้แตกต่างกัน นายน้ำบางคนใช้เรือเป็นบ้าน เพราะต้องเดินทางรอนแรมไปสู่ปลายทางข้ามวันข้ามคืน บางครั้งก็เป็นเดือน มุก คนเรือจากบ้านผาเลียบ เมืองปากลายก็เช่นเดียวกัน เขามีเรือที่เพิ่งต่อขึ้นมาใหม่เป็นบ้าน เพราะมุก และแววคู่ชีวิตจะใช้ชีวิตในเรือเป็นส่วนมาก
ทุกครั้งที่มีโอกาสได้พูดคุยกับนายน้ำแต่ละคน พวกเขามักจะบอกเป็นอย่างเดียวกันว่า กว่าจะพาเรือออกสู่แม่น้ำต้องเรียนรู้ทางน้ำมาไม่น้อย ความรู้ที่พวกเขาได้มาถูกส่งผ่านมาทางคนใกล้ชิดแทบทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นพ่อ พี่ หรือญาติฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หากจะบอกว่าอาชีพของพวกเขาคือการเสี่ยงบนสนามชีวิตที่เต็มไปด้วยคำสาปคงไม่ผิดบาปนัก เพราะนายน้ำแต่ละคนจะได้รับการถ่ายทอดอาชีพนี้มาจากคนใกล้ชิดของตัวเองแทบทั้งสิ้น มันจึงดูเหมือนว่าพวกเขาเป็นบุคคลที่ถูกสาป บางคนเคยเลิกขังเรือไปแล้ว แต่ก็ต้องกลับมาขับอีก ซึ่งเป็นเรื่องยากยิ่งที่จะถามหาเหตุผลในเรื่องนี้กับพวกเขา
ลึกลงไปก็ยิ่งยากกว่าที่จะบอกได้ว่า ทำไมบรรพบุรุษของพวกเขาถึงเลือกที่จะส่งผ่านอาชีพนี้มาสู่คนใกล้ชิด แต่เมื่อมองลึกลงไปกว่านั้นอีกก็จะพบว่า คนที่จะมาเป็นนายน้ำได้ต้องมีบรรพบุรุษเป็นนายน้ำมาก่อน มันจึงไม่แปลกนักที่เขาจะส่งผ่านอาชีพนี้มาสู่คนที่พวกเขารู้จัก เพราะ พวกเขาควคิดแล้วว่า เส้นทางที่พวกเขาเลือกนั้นดีที่สุดแล้ว
ในจำนวนนายน้ำที่มีอยู่มากมาย พวกเขาจะค้อมคารวะให้กับนายน้ำเพียงบางคนเท่านั้น แต่คนนั้นต้องเป็นคนจริง และเก่งจริง เรียกว่าจดจำทุกโค้งน้ำ ทุกแก่งหิน ทุกร่องน้ำ ในแม่น้ำได้เป็นอย่างดี แม้ว่าแม่น้ำจะเปลี่ยนผ่านไปกี่ฤดูกาลก็ตามที
ทว่าสิ่งใดคือแรงกระตุ้นให้พวกเขาจดจำเส้นทางเดินเรือบนแม่น้ำได้ แน่ละหากจะบอกว่าความคุ้นชินเท่านั้นคือคำตอบคงไม่ผิดนัก เพราะยิ่งนายน้ำเอาเรืออกสู่แม่น้ำบ่อยเพียงใด เขาก็จะเห็นความเปลี่ยนแปลงของแม่น้ำได้มากเท่านั้น ในที่สุดจุดหมายปลายทางที่เรียกกันว่าความเป็นคนเก่ง และเป็นที่ยอมรับจึงเดินทางมาสู่เขาอย่างยากที่จะแยกออกจากกันได้
เซลล์สมองของคนเรามีพื้นที่ความจำมากมายเพียงใดนั้นเป็นสิ่งที่อาจจะรู้ได้ง่ายหากมีการตรวจสอบกันทางวิทยาศาสตร์ แต่ทว่าเซลล์สมองของเราทำไมจึงเลือกที่จะจดจำบางเรื่องราวได้ดีกว่าเรื่องอื่น บางทีเรืองนี้คงต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ และศึกษากันอย่างยาวนาน โดยเฉพาะกับเซลล์สมองของนายน้ำ เหตุผลอย่างใดที่ฉุดให้เซลล์สมองของพวกเขาจดจำเส้นทางเดินเรือบนแม่น้ำเอาไว้ได้ตลอด แม้ว่าแม่น้ำจะเปลี่ยนไปเช่นไรก็ตามที หรือว่าบางทีคำตอบมันอาจซ่อนอยู่ในคำถาม หากมันเป็นเช่นนั้นจริง เราก็ไม่ต้องการคำตอบกันอีกต่อไป แต่หากว่าเราต้องการคำถามมากกว่า เราต้องเดินทางไปหาพวกเขา และค้อมคารวะพวกเขาด้วยหัวใจอันเปี่ยมด้วยความกว้างใหญ่ที่กว้างใหญ่ดุจเดียวกับสายน้ำที่พวกเขาจะพาเราเดินทางไปสู่ปลายทาง