Skip to main content


Canto

คือยอดของภูเขาน้ำแข็ง

ที่โผล่ออกมาให้เราเห็นนิดเดียวบนพื้นผิวของมหาสมุทร


Canto

คือการเปิดประตูเพื่อให้คนเดินเข้าไป

คือการเปิดหน้าต่างเพื่อให้คนมองออกไป – สู่จินตนาการเสรี


Canto

คือการลงมือเขียนถ้อยคำจากความรู้สึกประทับใจจากสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

อย่างฉับพลัน 3 บรรทัดสั้นๆ จบ


Canto

คือการลดละการแสดงความคิดเห็น ความรู้ ความเฉลียวฉลาด ของผู้เขียน

ออกไปให้มากเท่าไหร่ยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น


Canto

คือการเก็บเม็ดทรายเม็ดเล็กๆของถ้อยคำ

มารวมกันจนเกิดเป็น มวล ที่มีน้ำหนักและพลัง - ที่ไม่อาจปฏิเสธไม่ได้


Canto

คือการเขียนเพื่อให้คนอื่นคิด

มิใช่เขียนเพื่อคิดแทนคนอื่น


Canto

ที่มีพื้นที่ว่างกว้างที่สุด

คือ Canto ที่ไม่มี อัตตา ของผู้เขียนปรากฏอยู่


Canto

ไม่น่าจะเขียนยากไม่น่าจะเขียนง่าย

ช่างเถิด ยากหรือว่าง่าย ไม่สำคัญเท่ากับการลงมือเขียน ลองผิดลองถูก


เขียน เขียน เขียน เขียน เขียน เขียน เขียน เขียน Canto

ตามกติกาที่ยืดหยุ่นได้สัก 1,000 บท

ยังไงๆก็ต้องมีสักบทหนึ่งแหละ ( ว่ะ ) ที่เป็น Canto


ข้อสำคัญ - คุณจำเอาไว้ให้ดีนะ หลังจากเข้าใจกติกาการเขียน Canto แล้ว

ทันทีที่ลงมือเขียน Canto

จงลืม กติกาการเขียน ที่รกรุงรังและน่าเบื่อทุกข้อเหล่านี้ ให้หมดสิ้น


เอาละนะท่านผู้ชม

ข้าพเจ้ามือใหม่ขอลงมือเขียน Canto

เป็นตัวอย่างของผู้กล้าเสี่ยงตาย ( แต่เพียงผู้เดียว ) ดังต่อไปนี้


1.

ความผิดพลาดในชีวิตซ้ำๆซากๆของข้า

คือการรักที่จะเห็นความสำเร็จในสิ่งที่ตัวเองทำ

แทนที่จะรักในสิ่งที่ตัวเองกำลังทำ


2.

ความกลัว

ข้าพยายามทำความรู้จักและเข้าใจเจ้าอยู่เสมอ

เพื่อปลดปล่อยตัวเองออกมาจากชีวิตที่มีแต่ความกลัวของข้า


3.

ใครคนหนึ่งบอกแก่ข้าว่า

การค้นพบสิ่งที่เรารักอย่างแท้จริงเท่านั้น

ที่จะทำให้เรายืนหยัดอยู่ในโลกนี้อย่างมีความหมาย


4.

ไม่มีอะไรง่าย

ไม่มีอะไรได้มาโดยปราศจากการแลกเปลี่ยน

ไม่มีอะไรคงอยู่ชั่วนิรันดร์


5.

อย่าถามถึงความสำเร็จในชีวิตของข้า

เพียงแค่มีชีวิตอยู่รอดมาถึงวันนี้

ก็นับเป็นโชคดีมหาศาล


6.

วันอีกวันผ่านไป

คืนอีกคืนผ่านไป

ข้ายังวนเวียนอยู่กับความทุกข์สุข ดังเดิม


7.

สะดุ้งตื่นจากความฝันยามดึก

ท่ามกลางความมืดและความเงียบสงัด

ข้ามองเห็นโฉมหน้าความลึกลับของชีวิตปรากฏตัว


8.

ดอกไม้

อำนาจศักดิ์สิทธิ์ใดออกแบบเจ้า

งดงามถึงเพียงนี้


9.

ดอกไม้

ข้ายังไม่เคยพบดอกไม้ใด

ไม่งดงาม


10.

ดอกไม้

ดอกเล็กๆกลุ่มหนึ่ง

ผลิบานริมทางสว่างไสว


11.

ดอกไม้

ในแจกันบนโต๊ะแห้งเหี่ยวคาแจกันมาหลายวันแล้ว

ตั้งแต่แขกคนสำคัญจากไป


12.

ดอกไม้

โชคดีที่เจ้าเกิดมาเป็นดอกไม้ ไม่สวยบาดใจ ดั่งดอกกุหลาบ

ชะตากรรมของเจ้า จึงมิได้ถูกกำหนดไว้ในแจกัน - ตั้งแต่แรกผลิ


13.

ข้าดื่มเหล้า ข้าสูบบุหรี่ ข้าเที่ยวกลางคืน

ลดน้อยลงทุกวัน

ด้วยความสมัครใจของตัวเองที่รอมานานนับสิบกว่าปี


14.

ข้ารู้สึกว่าตัวเองทำสิ่งที่ถูกต้องดีแล้ว

ที่ไม่ยอมพูดเรื่องที่พูดออกมาแล้ว

ทำให้ใครคนหนึ่งเขาต้องอับอายขายหน้า


15.

ช่างเป็นสิ่งที่ยากเย็นแหลือเกิน

ที่จะมองดูความผิดและความชั่วร้ายของตัวเอง

และยอมรับมัน


16.

การเกิดคือการเริ่มต้นของชีวิต

การตายคือการสิ้นสุดของชีวิต

ชีวิต คือสิ่งที่ยังมีอยู่ในระหว่างการเกิดและการตาย


17.

ข้าสูญเสีย

คนที่ข้ารักมาหลายครั้ง

แต่กระนั้น ข้าก็ยังคงอ่อนแอและหวั่นไหว


18.

ข้าเชื่อ

ในความไม่แน่นอนของชีวิต

และความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นกับตัวข้า เสมอ


19.

วันหนึ่ง

ทุกคนในบ้านออกไปข้างนอกกันหมด

ข้าจึงรู้ซึ้ง ถึงคุณค่าความรักของหมาตัวเล็กๆสองตัว ที่ชอบมานอนหมอบนิ่งอยู่แทบเท้าของข้า


20.

หลักศีลธรรมที่ดีที่สุดในโลก คือ

มนุษย์ไม่ควรเบียดเบียนตัวเองและมนุษย์ด้วยกัน ตลอดจนถึงทุกสรรพสิ่งในโลก

ยังคงเป็นหลักศีลธรรมที่ดีที่สุดในโลก ที่ควรจะมีและควรจะเป็นจริงในโลก - ดังเดิม


21.

ข้ามาที่นี่ทำไม

ที่นี่มีแต่ความเกลียดชัง

มีแต่ความแตกแยกขัดแย้ง และการทำร้ายกันระหว่างผู้คน ข้ามาที่นี่ทำไม


22.

หัวใจไม่เป็นสุข

ทุกข์ทรมานเหมือนหมาขี้เรื้อน

เดินหนีไปทางใดก็ไม่หายคัน

 


23.

ความเห็นไม่ใช่ความจริง

ความเห็นคือการมองเห็นบางสิ่งบางอย่างของคนแต่ละคน

ความเห็นจึงเต็มไปด้วยความคิดที่แตกต่าง แต่บางสิ่งบางอย่างที่ถูกมองยังเป็นอย่างที่มันเป็น


24.

ความโลภ

คือความหิวทางใจที่ไม่รู้จักอิ่ม

คือความหิวอย่างยิ่งอยู่ตลอดเวลา - ที่มีอยู่ในมนุษย์ เท่านั้น


25.

เขาเป็นคนจน หาเช้ากินค่ำ มีรายได้เพียงน้อยนิด

ผิดด้วยหรือ...ที่เขาคิดแบบคนจน

โดยเลือกซื้อแต่อาหารเลวๆราคาถูก แต่ได้ปริมาณมาก ไปบำบัดความหิวของลูกเมีย


26.

ชายหนุ่ม

คิดดูให้ดี ก่อนจะเล่าความล้มเหลวในชีวิตของเธอให้ใครสักคนหนึ่งฟัง

ระวัง เธอจะถูกซ้ำเติม...มากกว่าได้รับความเห็นใจและปลอบโยน


27.

ช่างเป็นความโง่บัดซบอะไรอย่างนั้น

ที่ข้ามัวแต่หมกมุ่นครุ่นคิด

ถึงชีวิตในแง่ร้ายแต่เพียงด้านเดียว


28.

ผู้หญิงคนหนึ่ง ฝากถ้อยคำให้คนมาหักล้าง ปรัชญาการมองโลกในแง่ร้ายของข้าว่า

โลกนี้เป็นอย่างไรก็ช่างหัวมัน แต่ชีวิตคือน้ำแข็งก้อนหนึ่ง

เราต้องสนุกกับมัน - ก่อนที่มันจะละลายหายไปหมด สิ้น ”


29.

ภาษาเขียนที่ดีที่สุดโลก

คือ ภาษาเขียนที่สามารถเข้ากับคนได้ทุกชนชั้น

โดยไม่มีใครรังเกียจ



30.

เป้าหมายสูงสุดในการต่อสู้ของพันธมิตร

คือ การทำให้ ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ร้ายที่ต้องได้รับการลงโทษ

เท่านั้นเองหรือ


31.

พลบค่ำวันนั้น ข้ามีเงินติดตัวเพื่อออกไปกินแหล้าทั้งหมด 30 บาท กำลังจะออกจากบ้าน

พอดี หล่อนทำหน้าเศร้าตาแดงเข้ามาขอยืมเงิน 30 บาท เพื่อซื้อข้าวสาร เพราะทนเห็นลูกร้องหิวข้าวไม่ไหว

ข้าต่อสู้กับตัวเองอย่างดุเดือด ประมาณ 2 นาที จึงตัดใจให้เงินหล่อนไปทั้งหมด ด้วยความเซ็งสุดขีด


32.

ความอ่อนแอ

ออกไปให้พ้นๆจากชีวิตข้าเดี๋ยวนี้นะ

ข้าเบื่อเจ้าเหลือเกิน


33.

โอ้ ดึกแล้ว คืนนี้

กลับบ้านกันเถิด

ลืมแล้วหรือไร งานเลี้ยงต้องมีการเลิกรา


34.

ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลาก่อน

พรุ่งนี้ หากเราต่างยังมีชีวิตอยู่

เราคงจะได้พบกันใหม่ ทั้งมวลมิตรและศัตรูของข้า.


ครับ Canto มือใหม่หัดเขียน ขอจบพอหอมปากหอมคอเพียงแค่นี้ ถึงแม้ว่าหลายบทอ่านๆ ดูแล้ว น่าจะเป็น อีโต้ แหละมากกว่า เพราะประโยคสั้นๆ ตามกติกาที่ไม่เคร่งครัดของผมเริ่ม - ยาวขึ้นๆ แต่ก็เป็นช่องทางสื่อสารพิเศษที่ทำให้ผมพบว่า มันสามารถทำให้เราสื่อสารได้หลากหลายเรื่องราวในคราวเดียวกัน ถ้าคุณอ่าน Canto ที่ไม่น่าจะเป็น Canto ของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว แล้วหัวใจของคุณเกิดอาการฮึดฮัดนึกอยากเขียน Canto ติดหมัดขึ้นมา ลงมือเขียนได้เลยครับ เขียนแล้วอย่าลืมส่งมาให้ผมอ่านบ้างนะ


อ้อ ข้อแนะนำสำคัญก่อนลงมือเขียนอีกประการหนึ่งที่ผมเพิ่งนึกออก นั่นคือ อย่ามัวคิดกังวลว่าเขียนออกมาแล้วจะดีหรือไม่ดี มีคุณค่าหรือไม่มีคุณค่า เพราะความคิดแบบนี้จะกลายเป็นกำแพงของความกลัวกีดกันคุณไม่ให้เขียนอะไรออกมาได้เลย


อย่ากังวลไปเลยครับ ถ้าคุณมิได้เขียนเพื่อหวังให้ใครมายอมรับและยกย่องเชิดชู หรือเขียนเพื่อส่งไปประกวดชิงรางวัลซีไรท์ แต่เขียนเพราะหัวใจของคุณอยากจะเขียน เขียน เขียน เขียน...


คุณรู้ไหม งานเขียนที่ออกมาจากหัวใจ อย่างที่เขาเรียกกันเป็นสำนวนกำลังภายในว่า กระบี่อยู่ที่ใจนี่แหละ ที่สยบมือชั้นเซียนมามากต่อมาก และเป็นงานที่โลกศิลปะเขาชื่นชมกัน


ด้วยคารวะ ฟ้า พูลวรลักษณ์ ต้นแบบของกวี Canto และขอบคุณ ชามกลางคืน ที่ส่ง Canto กระแสอักษรเดินทางกลางอากาศ มาเป็นแรงบันดาลใจให้เกิด Canto มือใหม่หัดเขียน และส่งต่อ...เพื่อการเกิด Canto คนต่อๆไป ราตรีสวัสดิ์ครับ.


กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่


บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว

ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ชีวิตเอย เหตุใดเล่า เจ้าจึงเศร้าโศกเสียใจร้องไห้คร่ำครวญ ให้กับบางสิ่งที่เจ้าได้สูญเสียมันไป เหมือนนมที่หกออกจากแก้วไปแล้ว...ตกลงบนพื้นดิน วันแล้ววันเล่า ไม่รู้จักจบสิ้น  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
12 เมษายน 2545 วันครบรอบวันเกิด...ที่แสนจะเจ็บปวด ขณะนั่งรถจักรยานยนต์ออกตรวจพื้นที่กับคู่หู ขับรถผ่านไปทางบ้านพ่อแม่ผู้พัน นายเก่าที่มาหยิบยืมเงินเราแล้วไม่ยอมใช้คืน เมื่อสองสามปีที่แล้ว พอเจอหน้า จอดรถจะเข้าไปถาม นายกลับรีบเดินหนี อนิจจา ! นายเอ๋ยนาย...ดอกไม่ต้องขอเพียงแค่ต้นคืนได้ไหม...
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  7   ครับ รายละเอียดเรื่องราวของเขา ที่ผมอยากรู้อยากเห็นเหลือเกิน เริ่มปรากฏอยู่ในบันทึกหน้านี้นี่เอง และเมื่อหยิบหน้าคอลัมน์ “ศาลาคลายร้อน” ที่เขาถ่ายสำเนาจากหนังสือนิตยสาร “ชีวิตรัก” มาให้ผม ซึ่งเป็นหน้า คอลัมน์ - ในช่วงที่เขาได้แบกเป้ออกไปตะลอนทัวร์ ช่วยคุณวนัสนันท์ ตามที่เขาตั้งปณิธานเอาไว้ออกมาอ่าน เพื่อทำความรู้จักทั้งคอลัมน์และตัวตนของคุณวนัสนันท์ ที่นำมือแห่งความเมตตาของคุณวรรณและคุณแขคนไทยในต่างประเทศ มาฉุดเขาขึ้นมาตจากขุมนรกอันลึกล้ำดำมืดแห่งหนี้สิน และมือแห่งความเมตตาอีกมากมายที่หลั่งไหลติดตามมา... ผมพบว่าคอลัมน์ “ศาลาคลายร้อน” ของคุณวนัสนันท์…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
6 หลังจากงานศพของพ่อแล้ว เขาก็เริ่มตกเข้าไปอยู่ในวังวน - ของการหมกมุ่นครุ่นคิด...เป็นทุกข์อยู่กับหนี้สินอีก และพยายามต่อสู้กับตัวเองอย่างถึงที่สุด ระหว่างการคิดทำลายตัวเองตามพ่อไป เพื่อหนีความทุกข์ปัญหาอันหนักหนาสาหัส และการพยายามคิดหาเหตุผลต่างๆนานาที่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป...
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
30 ตุลาคม 2539 วันนี้ นายเรียกข้าราชการตำรวจทั้งโรงพักมาประชุม เพื่อร่ำลาไปรับตำแหน่งใหม่ เห็นพวงมาลัย...ที่นายดาบหัวหน้าสายแต่ละสาย เตรียมมาให้นายแล้ว ได้แต่นึกเสียดาย... ท่านมากอบโกย...แล้วก็ไป
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  3. เขากลับกรุงเทพฯไปได้หนึ่งอาทิตย์กว่าๆ ผมก็ได้รับกล่องพัสดุขนาดใหญ่ หนักเกือบสองกิโลกรัมจากเขา เมื่อแกะกล่องออกมา ผมก็พบแฟ้มเก็บต้นฉบับที่เขาถ่ายสำเนามาจากหน้าคอลัมน์ “สะพานบุญ” ที่เขาเคยเขียนในนิตยสาร “ย้อนรอยกรรม”และ จากหน้าคอลัมน์ “ศาลาแรงบุญ” ในนิตยสาร “แรงบุญแรงกรรม” ที่เขาเขียนอยู่ในปัจจุบัน นับรวมกันได้ 60 กว่าเรื่อง หนาประมาณ 200 กว่าหน้ากระดาษ A4 รวมทั้งสำเนาต้นฉบับที่เขาถ่ายจากหน้าคอลัมน์ “ศาลาคลายร้อน” ของคุณวนัสนันท์ จากหนังสือ “ ชีวิตรัก” 15 แผ่น และจากกรอบหน้าคอลัมน์หนังสือพิมพ์รายวันที่เขียนยกย่องชื่นชมเขา 3 - 4 แผ่น
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
 1.  จินตวีร์ เกียงมี หรือที่มีชื่อเต็มยศว่า จ.ส.ต.จินตวีร์ เกียงมี ซึ่งปัจจุบันรับราชการตำรวจ ตำแหน่ง งานธุรการอำนวยการกองวิจัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ที่ใครต่อใครต่างรู้จักกันทั่วไปทั้งประเทศ และเลื่องลือไปถึงเมืองนอกเมืองนาในวันนี้ ในฐานะ จ่าตำรวจใจบุญ ที่แบกเป้เที่ยวตะลอนๆ ไปช่วยเหลือคนที่กำลังตกทุกข์ได้ยาก แทบทุกหนทุกแห่งในประเทศ ที่ส่งเสียงร้องทุกข์โอดโอยมาให้เขาได้ยิน ซึ่งเราได้รับรู้เรื่องราวของเขาจากสื่อต่างๆ  ไม่ว่าจะเป็นสื่อทางวิทยุ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร อินเตอร์เน็ต ฯลฯ และที.วี.แทบทุกช่องที่นำเรื่องราวของเขา มาบอกเล่าแก่สาธารณะชน  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
 สมัยที่ผมยังทำงานเป็นนักดนตรีประจำร้าน สายหมอกกับดอกไม้ ของคุณอันยา โพธิวัฒน์ คู่ชีวิตของคุณจรัล มโนเพ็ชร ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่แห่งล้านนา ผู้ล่วงลับไปแล้ว ก่อนจะออกมาทำงานเขียนและงานเกี่ยวกับหนังสืออย่างเต็มตัวในทุกวันนี้ ผมจำได้อย่างแม่นยำว่า ภายในร้านสายหมอกกับดอกไม้ นอกจากเฟอร์นิเจอร์และเครื่องประดับตกแต่งภายใน ที่ประกอบด้วย โต๊ะ เก้าอี้ ที่เป็นเครื่องไม้ ภาพเขียน รูปปั้น และ ข้าวของเครื่องใช้ ผลงานเพลงของคุณจรัลในตู้โชว์ ตลอดจนรูปภาพของคุณจรัลตามฝาผนังห้องในอิริยาบถต่างๆแล้ว ยังมีกระจกเงาเก่าแก่บานหนึ่ง กว้างประมาณ สองฟุต สูงท่วมหัว ประดับอยู่ตรงมุมห้องโถงด้านขวามือใกล้ๆกับเวทีเล่นดนตรี…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  3 กันยายน 2552 ปีนี้ นอกจากจะเป็นวันรำลึกครบรอบการจากไปของ จรัล มโนเพ็ชร ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่แห่งล้านนาแล้ว วันนี้ยังมาตรงกับวันจัดงาน " แอ่วสันป่าตอง " ซึ่งเป็นงานของโครงการย้อนยุคอำเภอสันป่าตอง ที่มีเป้าหมายที่จะแนะนำอำเภอสันป่าตองเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม โดยมีสภาวัฒนธรรมอำเภอเป็นตัวหลักในการจัดงาน ร่วมกับองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนอีกมากมายหลายองค์กร ฯลฯ
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  ก่อนอาทิตย์ตกในไร่ข้าวโพดสีส้มโชติโชนอยู่อีกครู่ใหญ่แผ่ร่มเงาความเวิ้งว้างกว้างออกไปอีกหนึ่งวันกลืนวันวัยในวันนี้
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  ฉันเอยฉันทลักษณ์ ยากยิ่งนักจะประดิษฐ์มาคิดเขียน เป็นบทกวีงามวิจิตรสนิทเนียน มิผิดเพี้ยนตามกำหนดแห่งกฎเกณฑ์
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
มิ่งมิตร เธอมีสิทธิ์ที่จะล่องแม่น้ำรื่น ที่จะบุกดงดำกลางค่ำคืน ที่จะชื่นใจหลายกับสายลม