ก่อนอาทิตย์ตกในไร่ข้าวโพด
สีส้มโชติโชนอยู่อีกครู่ใหญ่
แผ่ร่มเงาความเวิ้งว้างกว้างออกไป
อีกหนึ่งวันกลืนวันวัยในวันนี้
\\/--break--\>
แก้มซีดเซียวพรายพลิ้วบนผิวน้ำ
ป้ายความช้ำอ่อนไหวไว้เต็มที่
ความอ่อนหวานซึ้ง ซึ้ง..ที่พึงมี
อาจเป็นสีดำสนิท - นิจนิรันดร์
เหน็ดเหนื่อยและอ่อนเพลียเสียทุกอย่าง
การเดินทางที่เป็นอยู่สู่ความฝัน
อาจจะถึง หรือบางที ไม่มีวัน
อิ่มพิษอันปวดร้าวช่างยาวนาน
ปีกความมืดร่อนคว้างกลางดงไม้
ดับดวงไฟ สายรุ้ง ความฟุ้งซ่าน
ดอกไม้ดาว - ดอกเดิมเริ่มผลิบาน
ทีละดอก จนละลาน เต็มลานฟ้า
เหล้าแก้วใหม่ให้รสชาติฝาดกว่าเก่า
โรยความเหงาท่ามกลางความฟางฝ้า
ในอารมณ์...ล้วนความหลังและน้ำตา
แย่งเข้ามาต่อสู้อยู่ภายใน
ยิ้มหลายยิ้มเยือกเย็นไม่เป็นมิตร
ดำสนิทข่มขวัญให้หวั่นไหว
ตาหลายคู่เป็นเส้นทางที่ห่างไกล
ไม่พบความจริงใจใครสักคน.
คราวที่แล้ว ผมได้พูดถึงฉันทลักษณ์หรือกฎเกณฑ์ข้อบังคับในการเขียนกลอนแปด ตั้งแต่การกำหนดเบื้องต้นว่า กลอนบทหนึ่ง ต้องมี 4 วรรค วรรคหนึ่งใช้คำได้ตั้งแต่จำนวน 7 ถึง 8 และไม่เกิน 9 คำ รวมทั้งเรื่องสัมผัสนอก สัมผัสใน สัมผัสระหว่างบท และเสียงท้ายวรรคอย่างละเอียด
คราวนี้ ผมขอนำตัวอย่างกลอนฉันทลักษณ์ชิ้นหนึ่ง ที่ชื่อว่า " สิ่งที่หัวใจแสวงหา " ของ อุฬาริน หรือที่มีนามจริงว่า คุณอุไรวรรณ ภู่ทะวงศ์ สุภาพสตรีนักกลอนผู้มีเสียงโด่งดังในวงการนักกลอนในอดีต จากหนังสือรวมเล่มบทกวีของเธอที่ชื่อว่า " คิดถึง ห่วงหา และว้าเหว่ " ที่ตีพิมพ์มาตั้งแต่ปี 30 มานำเสนอ เป็นตัวอย่างของงานฉันทลักษณ์ที่ผมถือว่ายอดเยี่ยม ตั้งแต่ คำ ความ สัมผัสนอก สัมผัสใน สัมผัสระหว่างบท และเสียงท้ายวรรคที่ไม่ผิดเพี้ยนจากกฎเกณฑ์แม้แต่วรรคเดียว
ครับ ถ้าจะเปรียบบทกวีบทนี้เป็นยอดเจดีย์อันงดงามสูงส่ง ที่เราต้องแหงนหน้ามองดู ก็ไม่ควรลืมก้มมองดู รากฐานอันแข็งแกร่งของเจดีย์ทุกขั้นตอน ที่ก่อขึ้นไปให้ยอดเจดีย์งดงามสูงส่งเสียดฟ้า ซึ่งหมายถึง ความประณีตในการสร้างงานตามกำหนดกฎเกณฑ์ของฉันทลักษณ์อันยากยิ่ง - ทุกขั้นตอนนั่นเอง
ที่สำคัญก็คือ เนื้อหา " สิ่งที่หัวใจแสวงหา " ของ อุฬาริน ที่บอกไว้ในบทสุดท้ายว่า
" ยิ้มหลายยิ้มเยือกเย็นไม่เป็นมิตร
ดำสนิทข่มขวัญให้หวั่นไหว
ตาหลายคู่เป็นเส้นทางที่ห่างไกล
ไม่พบความจริงใจใครสักคน "
ยังเป็นเนื้อหาที่เป็นสากล และไม่วันที่จะตกยุคสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบัน ที่เป็นสังคมวัตถุนิยมที่เลวร้ายถึงขนาด ทำให้เยาวชนในสถาบันการศึกษาต่างๆของเรา บางพวก บางกลุ่ม ยอมขายตัว เพียงเพื่อแลกมือถือ หรือกระเป๋าแบรนด์เนมสักใบหนึ่ง จนเป็นเรื่องธรรมดา และไม่มีสิทธิ์ที่จะไปโทษเยาวชนที่รู้ไม่เท่าทัน แต่ต้องโทษสังคมบริโภควัตถุที่สร้างค่านิยมเช่นนี้ขึ้นมา - จากกระแสวัฒนธรรมของทุนนิยมการผลิตเพื่อขายของสารพัด ทั้งจากภายนอกและภายในประเทศที่เข้ามามีอำนาจในการสร้างวาทกรรมค่านิยมทางวัตถุเพื่อขายของที่บริษัทของตัวเองผลิต... จนกลายเป็นค่านิยมที่เลวร้ายนี้ ท่ามกลางความเมินเฉยของอำนาจรัฐ ใช่หรือมิใช่.
23 สิงหาคม 2552
กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่