Skip to main content



1
พฤศจิกายน 2551

ข้ามองเห็น

คนรัก ทักษิณ ชินวัตร ใส่เสื้อสีแดง

แดง แดง แดง แดง แดง แดง แดง แดง

แดง แดง แดง แดง แดง แดง แดง แดง

แดง แดง แดง แดง แดง แดง แดง แดง

แดง แดง แดง แดง แดง แดง แดง แดง

จำนวนนับไม่ถ้วน ณ ราชมังคลากีฬาสถาน

แห่แหนกันออกมายกย่องและให้กำลังใจ ทักษิณ ชินวัตร

และเมื่อ ทักษิณ ชินวัตร ปรากฏภาพและเสียงผ่านโฟนอิน ออกมาพูดแล้ว

คนใส่เสื้อสีแดงทุกคนต่างเชื่อ

ว่าทุกถ้อยคำที่ ทักษิณ ชินวัตร พูด ณ สถานที่แห่งนี้

เป็นความจริงหมดทุกถ้อยคำ

1 พฤศจิกายน 2551

ข้ามองเห็น

คนเกลียด ทักษิณ ชินวัตร ใส่เสื้อสีเหลือง

เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง

เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง

เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง

เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง

จำนวนนับไม่ถ้วน ณ ทำเนียบรัฐบาล

แห่แหนกันออกมาเหยียบย่ำและแช่งด่า ทักษิณ ชินวัตร

และเมื่อผู้นำม็อบของพวกเขา

ออกมากล่าวคำหักล้างคำพูดของ ทักษิณ ชินวัตร ว่าเป็นคำพูดที่โกหกหลอกลวง

คนใส่เสื้อเหลืองทุกคนต่างเชื่อ

ว่าทุกถ้อยคำที่ผู้นำของพวกเขา พูดหักล้าง ทักษิณ ชินวัตร ณ สถานที่แห่งนี้

เป็นความจริงหมดทุกถ้อยคำ

 

1 พฤศจิกายน 2551

ข้ามองเห็น

สงครามการต่อสู้ทางการเมือง

แบบโรแมนติก กึ่ง มนตร์ดำแห่งวาทกรรม

ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเชื่อ ตาม ผู้นำ – แบบยอมตายถวายชีวิต

เมื่อประมาณ 200 กว่าปีก่อน

กลับฟื้นคืนชีพมาใหม่ในวันนี้

โดยผ่านกลไกเครื่องมือทางเทคโนโลยีล้ำยุค

ห้ำหั่นกันและกัน...

ระหว่าง ทักษิณ ชินวัตร กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

 

เกิดขึ้น

ขัดแย้งและบาดหมางกันอย่างรุนแรง ดังนี้

นั่นคือ ทางฝ่าย ทักษิณ ชินวัตร เชื่อมั่นและยืนยันว่า

เขาไม่ได้รับความเป็นธรรม

ในการถูกตั้งข้อกล่าวหาว่าเป็นคนทุจริตต่อบ้านเมือง

ทุกข้อกล่าวหาและความผิด ที่เขาถูกกล่าวหา - จนต้องพาครอบครัวลี้ภัยไปอยู่อังกฤษ

เขาจึงต้องต่อสู้เพื่อเรียกร้องหาความยุติธรรม

โดยมีคนใส่เสื้อสีแดงที่เรียกตัวเองว่า นปช.

หรือแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ

ที่ต่างก็เชื่อว่า ทักษิณ ชินวัตร ถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง

และไม่ได้รับความเป็นธรรมจริง

เป็นพลังมวลชนร่วมต่อสู้เพื่อช่วย ทักษิณ ชินวัตร

กอบกู้และปกป้องตัวเองและครอบครัวของเขา

และนักการเมืองบ้านเลขที่ 111 ของเขา

และระบอบการเมืองของเขา

และเงินอีก 8 หมื่นกว่าล้านบาทของเขา

ที่อาจถูกศาลสั่งยึด...

ถ้าหากศาลพิสูจน์แล้วพบความจริงว่า “เขาไม่ได้มันมาโดยสุจริต ”

 

ตรงกันข้ามกัน

ราวกับสรวงสวรรค์กับขุมนรกหมกไหม้

ในขณะที่ทางฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

หรือกลุ่ม พธม. ที่ใส่เสื้อสีเหลีองเป็นสัญลักษณ์

โดยมี 9 แกนนำพลังมวลชนของพวกเขา

เป็นผู้ปลุกระดมชี้นำและต่อต้าน ทักษิณ ชินวัตร

ที่พวกเขาต่างเชื่อมั่นและยืนยันว่า ทักษิณ ชินวัตร ทำความผิดจริงทุกข้อกล่าวหา

และเป็นผู้ร้ายตัวฉกาจ

และเป็นภูตผีปีศาจร้าย

ที่รัฐบาลจะต้องนำตัวมาขึ้นศาล เพื่อ จับตัวเข้าคุก

และนำไปใส่หม้อดิน ปิดฝา ลงอาคม

เอาไปถ่วงน้ำ - ให้จงได้

 

แต่นั่น

เป็นเพียงเป้าหมายย่อยๆเป้าหมายหนึ่งเท่านั้น

ยังมิใช่เป้าหมายสำคัญอันสูงสุดของพวกเขา

เป้าหมายสำคัญอันสูงสุดของพวกเขา คือ

จะต้องขุดรากถอนโคนโค่นล้มระบอบทักษิณ

ให้สิ้นซากออกไปจากผืนแผ่นดินไทย ( ที่พวกเขาอ้างว่ารักและหวงแหนยิ่งกว่าใครๆ ) ให้หมดสิ้น

นี่ คือเป้าหมายสำคัญอันสูงสุดของพวกเขา

 

ใช่

เป็นเพราะเป้าหมายสำคัญอันสูงสุดอันนี้นี่เอง

จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ

ที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

จะปฏิเสธ “ แนวทางสันติวิธีเพื่อยุติความรุนแรง ” จากสังคมทุกฝ่ายที่ปรารถนาดี

และไม่สนใจว่า การทำสงครามอันศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา ( ที่ยืดเยื้อจนเป็นบ้าไปเสียแล้ว )

จะสร้างปัญหาและความเดือดร้อนให้กับสังคมและชาติบ้านเมืองหรือไม่

เพราะพวกเขายังไม่บรรลุเป้าหมายสำคัญอันสูงสุดที่ตั้งเอาไว้ – นั่นเอง

 

ใช่

นี่คือจุดแข็ง

ที่กลายเป็น - จุดที่อ่อนแอที่สุด ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

ที่ดื้อดึงไม่ยอมมองดูภาพรวมของสังคม

เพราะความฉลาดหลักแหลม

และรอบรู้เหนือมนุษย์จนเกินไปของพวกเขา

จึงทำให้พวกเขาหลงเข้าใจผิด

คิดและแสดงออกราวกับว่า

ประเทศไทยเป็นของตัวเองแต่เพียงผู้เดียว

และไม่ยอมลดราวาศอกให้กับใคร

จึงทำให้พวกเขากลายเป็นพวกอนาธิปไตย – ที่ถูกสังคมภายนอกโดดเดี่ยว

และค่อยๆสูญเสียแนวร่วมในการต่อสู้

และถูกมองเป็นผู้ร้ายที่ก้าวร้าว กักขฬะ และหยาบคาย

มากขึ้นทุกวันๆ...

เพราะไม่ยอมส่องดูกระจกสะท้อนภาพตัวเอง - จากสังคมรอบข้าง

 

ดังนั้น

การทะเลาะเบาะแว้งกัน

ระหว่างคนรักและคนเกลียด ทักษิณ ชินวัตร

จึงไม่อาจยุติลงได้ง่ายๆ

ตราบใดที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

ยังยืนยันที่จะทำลายทั้งตัวตนของ ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวของเขา

และบริวารของเขา

และเงินของเขา

และระบอบของเขา

ให้สิ้นซากออกไปจากผืนแผ่นดินไทย - ให้หมดสิ้น

ให้จงได้

 

1 พฤศจิกายน 2551

ข้ามองเห็น

คนรัก ทักษิณ ชินวัตร ใส่เสื้อสีแดง

แดง แดง แดง แดง แดง แดง แดง แดง

แดง แดง แดง แดง แดง แดง แดง แดง

แดง แดง แดง แดง แดง แดง แดง แดง

แดง แดง แดง แดง แดง แดง แดง แดง

นับจำนวนไม่ถ้วน...

 

และในวันเวลาเดียวกัน

ตาอีกข้างหนึ่งของข้าก็มองเห็น

คนเกลียด ทักษิณ ชินวัตร ใส่เสื้อสีเหลือง

เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง

เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง

เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง

เหลือง เหลือง เหลีอง เหลือง เหลือง เหลือง เหลีอง เหลือง

นับจำนวนไม่ถ้วน...

 

สวัสดี จ้ะ สวัสดี

คนรักและคนเกลียด ทักษิณ ชินวัตร

กลับบ้านคืนนี้...

ขอให้นอนหลับฝันดีด้วยกันทั้งสองฝ่ายนะจ้ะ

เสื้อสีเหลืองและเสื้อสีแดง

คนดี๊ คนดีของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

และผืนแผ่นดินไทย.

 


กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่

 

 

บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว

ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ชีวิตเอย เหตุใดเล่า เจ้าจึงเศร้าโศกเสียใจร้องไห้คร่ำครวญ ให้กับบางสิ่งที่เจ้าได้สูญเสียมันไป เหมือนนมที่หกออกจากแก้วไปแล้ว...ตกลงบนพื้นดิน วันแล้ววันเล่า ไม่รู้จักจบสิ้น  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
12 เมษายน 2545 วันครบรอบวันเกิด...ที่แสนจะเจ็บปวด ขณะนั่งรถจักรยานยนต์ออกตรวจพื้นที่กับคู่หู ขับรถผ่านไปทางบ้านพ่อแม่ผู้พัน นายเก่าที่มาหยิบยืมเงินเราแล้วไม่ยอมใช้คืน เมื่อสองสามปีที่แล้ว พอเจอหน้า จอดรถจะเข้าไปถาม นายกลับรีบเดินหนี อนิจจา ! นายเอ๋ยนาย...ดอกไม่ต้องขอเพียงแค่ต้นคืนได้ไหม...
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  7   ครับ รายละเอียดเรื่องราวของเขา ที่ผมอยากรู้อยากเห็นเหลือเกิน เริ่มปรากฏอยู่ในบันทึกหน้านี้นี่เอง และเมื่อหยิบหน้าคอลัมน์ “ศาลาคลายร้อน” ที่เขาถ่ายสำเนาจากหนังสือนิตยสาร “ชีวิตรัก” มาให้ผม ซึ่งเป็นหน้า คอลัมน์ - ในช่วงที่เขาได้แบกเป้ออกไปตะลอนทัวร์ ช่วยคุณวนัสนันท์ ตามที่เขาตั้งปณิธานเอาไว้ออกมาอ่าน เพื่อทำความรู้จักทั้งคอลัมน์และตัวตนของคุณวนัสนันท์ ที่นำมือแห่งความเมตตาของคุณวรรณและคุณแขคนไทยในต่างประเทศ มาฉุดเขาขึ้นมาตจากขุมนรกอันลึกล้ำดำมืดแห่งหนี้สิน และมือแห่งความเมตตาอีกมากมายที่หลั่งไหลติดตามมา... ผมพบว่าคอลัมน์ “ศาลาคลายร้อน” ของคุณวนัสนันท์…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
6 หลังจากงานศพของพ่อแล้ว เขาก็เริ่มตกเข้าไปอยู่ในวังวน - ของการหมกมุ่นครุ่นคิด...เป็นทุกข์อยู่กับหนี้สินอีก และพยายามต่อสู้กับตัวเองอย่างถึงที่สุด ระหว่างการคิดทำลายตัวเองตามพ่อไป เพื่อหนีความทุกข์ปัญหาอันหนักหนาสาหัส และการพยายามคิดหาเหตุผลต่างๆนานาที่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป...
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
30 ตุลาคม 2539 วันนี้ นายเรียกข้าราชการตำรวจทั้งโรงพักมาประชุม เพื่อร่ำลาไปรับตำแหน่งใหม่ เห็นพวงมาลัย...ที่นายดาบหัวหน้าสายแต่ละสาย เตรียมมาให้นายแล้ว ได้แต่นึกเสียดาย... ท่านมากอบโกย...แล้วก็ไป
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  3. เขากลับกรุงเทพฯไปได้หนึ่งอาทิตย์กว่าๆ ผมก็ได้รับกล่องพัสดุขนาดใหญ่ หนักเกือบสองกิโลกรัมจากเขา เมื่อแกะกล่องออกมา ผมก็พบแฟ้มเก็บต้นฉบับที่เขาถ่ายสำเนามาจากหน้าคอลัมน์ “สะพานบุญ” ที่เขาเคยเขียนในนิตยสาร “ย้อนรอยกรรม”และ จากหน้าคอลัมน์ “ศาลาแรงบุญ” ในนิตยสาร “แรงบุญแรงกรรม” ที่เขาเขียนอยู่ในปัจจุบัน นับรวมกันได้ 60 กว่าเรื่อง หนาประมาณ 200 กว่าหน้ากระดาษ A4 รวมทั้งสำเนาต้นฉบับที่เขาถ่ายจากหน้าคอลัมน์ “ศาลาคลายร้อน” ของคุณวนัสนันท์ จากหนังสือ “ ชีวิตรัก” 15 แผ่น และจากกรอบหน้าคอลัมน์หนังสือพิมพ์รายวันที่เขียนยกย่องชื่นชมเขา 3 - 4 แผ่น
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
 1.  จินตวีร์ เกียงมี หรือที่มีชื่อเต็มยศว่า จ.ส.ต.จินตวีร์ เกียงมี ซึ่งปัจจุบันรับราชการตำรวจ ตำแหน่ง งานธุรการอำนวยการกองวิจัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ที่ใครต่อใครต่างรู้จักกันทั่วไปทั้งประเทศ และเลื่องลือไปถึงเมืองนอกเมืองนาในวันนี้ ในฐานะ จ่าตำรวจใจบุญ ที่แบกเป้เที่ยวตะลอนๆ ไปช่วยเหลือคนที่กำลังตกทุกข์ได้ยาก แทบทุกหนทุกแห่งในประเทศ ที่ส่งเสียงร้องทุกข์โอดโอยมาให้เขาได้ยิน ซึ่งเราได้รับรู้เรื่องราวของเขาจากสื่อต่างๆ  ไม่ว่าจะเป็นสื่อทางวิทยุ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร อินเตอร์เน็ต ฯลฯ และที.วี.แทบทุกช่องที่นำเรื่องราวของเขา มาบอกเล่าแก่สาธารณะชน  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
 สมัยที่ผมยังทำงานเป็นนักดนตรีประจำร้าน สายหมอกกับดอกไม้ ของคุณอันยา โพธิวัฒน์ คู่ชีวิตของคุณจรัล มโนเพ็ชร ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่แห่งล้านนา ผู้ล่วงลับไปแล้ว ก่อนจะออกมาทำงานเขียนและงานเกี่ยวกับหนังสืออย่างเต็มตัวในทุกวันนี้ ผมจำได้อย่างแม่นยำว่า ภายในร้านสายหมอกกับดอกไม้ นอกจากเฟอร์นิเจอร์และเครื่องประดับตกแต่งภายใน ที่ประกอบด้วย โต๊ะ เก้าอี้ ที่เป็นเครื่องไม้ ภาพเขียน รูปปั้น และ ข้าวของเครื่องใช้ ผลงานเพลงของคุณจรัลในตู้โชว์ ตลอดจนรูปภาพของคุณจรัลตามฝาผนังห้องในอิริยาบถต่างๆแล้ว ยังมีกระจกเงาเก่าแก่บานหนึ่ง กว้างประมาณ สองฟุต สูงท่วมหัว ประดับอยู่ตรงมุมห้องโถงด้านขวามือใกล้ๆกับเวทีเล่นดนตรี…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  3 กันยายน 2552 ปีนี้ นอกจากจะเป็นวันรำลึกครบรอบการจากไปของ จรัล มโนเพ็ชร ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่แห่งล้านนาแล้ว วันนี้ยังมาตรงกับวันจัดงาน " แอ่วสันป่าตอง " ซึ่งเป็นงานของโครงการย้อนยุคอำเภอสันป่าตอง ที่มีเป้าหมายที่จะแนะนำอำเภอสันป่าตองเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม โดยมีสภาวัฒนธรรมอำเภอเป็นตัวหลักในการจัดงาน ร่วมกับองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนอีกมากมายหลายองค์กร ฯลฯ
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  ก่อนอาทิตย์ตกในไร่ข้าวโพดสีส้มโชติโชนอยู่อีกครู่ใหญ่แผ่ร่มเงาความเวิ้งว้างกว้างออกไปอีกหนึ่งวันกลืนวันวัยในวันนี้
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  ฉันเอยฉันทลักษณ์ ยากยิ่งนักจะประดิษฐ์มาคิดเขียน เป็นบทกวีงามวิจิตรสนิทเนียน มิผิดเพี้ยนตามกำหนดแห่งกฎเกณฑ์
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
มิ่งมิตร เธอมีสิทธิ์ที่จะล่องแม่น้ำรื่น ที่จะบุกดงดำกลางค่ำคืน ที่จะชื่นใจหลายกับสายลม